ปราสาทหัวสระ(วัดหัวสระปรางค์เก่าคณาราม)
ปราสาทหัวสระ(วัดหัวสระปรางค์เก่าคณาราม)
“ปราสาทหัวสระ (วัดหัวสระปรางค์เก่าคณาราม)”
ตำบลกุดน้อย ตั้งอยู่ในพื้นที่ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ประกอบไปด้วย 14 หมู่บ้าน ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ ๕๔,๓๗๕ ไร่ หรือประมาณ ๘๗ ตารางกิโลเมตร เป็นพื้นที่ทำการเกษตร ๔๕,๕๗๔ ไร่ คิดเป็นร้อยละ ๘๓.๘๑ ของพื้นที่ทั้งหมด ตำบลกุดน้อย ตั้งอยู่ทางตะวันออก เฉียงเหนือ ของอำเภอสีคิ้ว มีระยะทางห่างจากตัวอำเภอสีคิ้วประมาณ ๕ กิโลเมตร ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของตัวจังหวัดนครราชสีมา และห่างจากจังหวัดนครราชสีมา เป็นระยะทางประมาณ ๔๘ กิโลเมตร มีอาณาเขตติดต่อ ดังนี้ ทิศเหนือ ติดต่อกับ ตำบลบ้านหัน อำเภอสีคิ้ว ทิศใต้ ติดต่อกับ ตำบลสีคิ้ว อำเภอสีคิ้ว ทิศตะวันออก ติดต่อกับ ตำบลเสมา อำเภอสูงเนิน ทิศตะวันตก ติดต่อกับ ตำบลกฤษณา อำเภอสีคิ้ว (อ้างอิงข้อมูลจากองค์การบริหารส่วนตำบลกุดน้อย)บ้านปรางค์เก่า หมู่ที่ 13 ตำบลกุดน้อย อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ในอดีต "บ้านปรางค์เก่า" ได้อยู่ร่วมกับบ้านหัวสระ โดยบ้านหัวสระเป็นหมู่บ้านเก่าแก่ ต่อมามีครัวเรือนขยายเพิ่มขึ้น จึงแบ่งการปกครองออกเป็น 2 หมู่บ้าน คือ หมู่บ้านหัวสระ และหมู่บ้านปรางค์เก่า สาเหตุที่ตั้งชื่อหมู่บ้านปรางค์เก่าเนื่องจากได้มีร่องรอยการสร้างปรางค์เก่าอยู่ในเขตที่ตั้งหมู่บ้าน เป็นปรางค์เก่าที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมัน สมัยขอมรุ่งเรือง อาจจะเป็นสถานที่ ที่กษัตริย์ใช้สำหรับประกอบพิธีสำคัญ หรืออโรคยาศาล ลักษณะจะเป็นปราสาท คล้ายปราสาทหินพิมาย แต่มีขนาดเล็ก จึงได้ชื่อหมู่บ้านว่าบ้านปรางค์เก่า ตามปรางค์นั้นเป็นต้นมา ผู้ใหญ่บ้านคนปัจจุบันคือ นางถนอม ขาวงาม ได้เล่าว่าแต่ก่อนบริเวณนี้จะเป็นโนนดินสูงมีต้นไม้ใหญ่น้อยขึ้นเต็ม ชาวบ้านยังไม่ทราบว่าเป็นแหล่งโบราณสถาน ไม่มีใครกล้าเข้าไป เพราะว่ามีศาลตั้งอยู่ในบริเวณนั้นซึ่งชาวบ้านจะเคารพนับถือมาก เมื่อประมาณปี พ.ศ.2526 ผู้ใหญ่บ้านได้ตีกะลอ(เครื่องเคาะสำหรับให้สัญญาณที่ทำจากไม้ไผ่) ประชุมชาวบ้านเพื่อที่จะพัฒนาพื้นที่วัดซึ่งตั้งอยู่ใกล้บริเวณปรางค์เก่านี้หลังจากช่วยกันพัฒนาพื้นที่วัดแล้วก็ได้ช่วยกันเข้าไปปรับปรุงพัฒนาพื้นที่ ที่เป็นโนนดินดังกล่าว ช่วยกันตัดต้นไม้ที่รก ขุดโนนดินเพื่อจะปรับให้เป็นที่ราบเสมอกันเมื่อทำไปก็ขุดไปพบก้อนหินขนาดใหญ่บ้าง เล็กบ้างผู้ใหญ่บ้านสมัยนั้น ก็ได้ใช้รถไถดันดินเเละก้อนหินออกเพื่อจะปรับพื้นที่ต่อไป แต่ทุกคนไม่เคยคาดฝันขุดไปปรับปรุงไปก็ขุดพบ เทวรูปของโบราณต่างๆลักษณะเหมือนเทวรูปที่พบกับปราสาทอื่่นๆ และพบโบราณวัตถุอื่นๆ อีกมากมาย ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านจึงมีการพูดคุยกันว่าควรเลิกขุดต่อเพราะคิดว่าน่าจะมีวัตถุโบราณอยู่อีกในใต้ดิน ณ ปรางค์เก่าแห่งนี้ ส่วนวัตถุโบราณที่ชาวบ้านจุดพบในขณะนั้นไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรต่อ จึงได้ทำการขุดบ่อดินขนาดประมาณ 3×3×3เมตร (กวาง×ยาว×ลึก) บริเวณที่บนปรางค์นั้น แล้วนำวัตถุโบราณที่ขุดพบฝังลงไปในบ่อหรือหลุมที่ขุด เอาดินถมแล้วนำเอาก้อนหินศิลาแลงวางทับเป็นชั้นสูงประมาณ 2-3 เมตร เพื่อเก็บให้ปลอดภัยตามความคิดของชาวบ้านขณะนั้น แต่ปรากฏว่าเพียงไม่กี่วันชาวบ้านก็พบว่ามีเทวรูปถูกวางอยู่ริมถนนก่อนถึงโรงเรียนฝั่งทิศเหนือ 1 ชิ้น จึงได้เอะใจว่าวัตถุโบราณที่เก็บไว้ที่ปรางค์น่าจะถูกขโมยไปแล้วมีเพียงบางชิ้นที่ไม่สามารถเอาไปได้จึงปล่อยทิ้งไว้เพราะเป็นองค์เทวรูปองค์ใหญ่ ผู้นำและชาวบ้านจึงได้เข้าไปตรวจดูบริเวณที่เก็บวัตถุโบราณก็พบว่า หินศิลาแลงและหินก้อนอื่นๆ ที่วางทับไว้นั้นถูกเคลื่อนย้ายด้วยลอกและโซ่ใหญ่ ส่วนวัตถุโบราณนั้นได้ถูกขโมยไปเกือบหมด เหลืออยู่ขณะนั้นประมาณ 3 ชิ้น ผู้ใหญ่บ้านในยุคนั้นก็ได้ไปมอบให้เจ้าคณะอำเภอในยุคนั้นเอาไปและแลกเปลี่ยนให้มาสร้างกุฏิให้ก็คือกุฏิที่อยู่ปัจจุบันนี้ หลังจากนั้นผ่านไปกรมศิลปากรก็ได้เข้ามาสำรวจและดำเนินการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของกรมศิลปากร แต่ชาวบ้านก็ยังไม่ทราบว่าโบราณสถานที่มีอยู่จะต้องดูแลอย่างไร เพราะจะมีบุคคลแปลกหน้าหรือชาวต่างชาติขอเข้ามาสำรวจ บริเวณปรางค์ ชาวบ้านไม่ยอมเพราะหวงแหน เพราะเกิดจากความไม่เข้าใจนั่นเอง ประมาณปี พ.ศ. 2539 - 2540 วัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา ได้จัดทำโครงการอบรมอาสาสมัครท้องถิ่นในการดูแลมรดกศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น (อส.มศ.) ที่วัดป่าสาละวันจังหวัดนครราชสีมา ในสมัยนั้นได้ส่ง ชาวบ้านจำนวน 10 คนไปอบรมเพื่อทราบว่าชาวบ้านควรจะดูแลหวงแหนอย่างไร ตั้งแต่นั้นมาเราจึงช่วยกันดูแลหวงแหนโบราณสถานแห่งนี้มาก ปราสาทหัวสระ ตั้งอยู่ภายในวัดหัวสระปรางค์เก่าคณาราม (บ้านปรางค์เก่า หมู่ที่ 13 ตำบลกุดน้อย) มีร่องรอยของแนวศิลาแลงที่ก่อเรียงให้มีลักษณะเป็นฐานปรางค์ มีร่องรอยของบันไดทางขึ้นทำด้วยหินทรายอยู่ทางด้านทิศตะวันออก ๓ ทาง ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นบันไดทางขึ้นปรางค์ ๓ องค์ อีกทั้งยังมีสระน้ำรูปตัวยู (U) ล้อมรอบเนินศาสนสถาน องค์ประกอบของโบราณสถาน ประกอบด้วย
๑) ปรางค์ เป็นศาสนสถานในวัฒนธรรมขอมหรือเขมรโบราณ บนเนินดินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ามุมมนหลังนี้ ปัจจุบันอยู่ในสภาพพังทลายเหลือเพียงฐานศิลาแลงที่มีร่องรอยของบันไดทางขึ้นทำด้วยหินทรายอยู่ทางด้านทิศตะวันออก ๓ ทาง จึงน่าจะเป็นบันไดทางขึ้นของปรางค์ ๓ ปรางค์ ที่ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงเดียวกัน
๒) สระน้ำ เป็นสระน้ำรูปตัวยูล้อมรอบเนินศาสนสถาน เว้นทางด้านทิศตะวันออกเป็นทางเข้าออกจากการศึกษาโดยนักโบราณคดีสันนิฐานว่ามีอายุประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๖ – ๑๘ รวมถึงมีการสร้างศาลและศาลาอยู่บริเวณกลางเนินดิน ซึ่งในศาลามีประพุทธรูปประดิษสถานอยู่ เป็นที่สักการบูชาของคนในชุมชน สระน้ำที่เป็นรูปตัวยูล้อมรอบเนินศาสนสถาน เว้นทางด้านทิศตะวันออกเหลืออยู่เพียงทางทิศเหนือที่ยังหลงเหลือสระน้ำและมีศาลาทอดยาวจากเนินศาสนสถานลงไปในสระน้ำ (กรมศิลป์(หน่วยศิลปกร ที่ 6 ได้ทำการสำรวจทำผังและกำหนดขอบเขตโบราณสถาน รวมพื้นที่ทั้งหมด จำนวน 4 ไร่ 1 งาน 62 ตารางวา ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถาน ในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 118 วันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2544)
ปัจจุบันปราสาทหัวสระ วัดหัวสระปรางค์เก่าคณาราม ใช้เป็นลานประกอบพิธีกรรมหรือกิจกรรมของทางวัด แต่ไม่ได้รับความสนใจในฐานะแหล่งท่องเที่ยวหรือแหล่งโบราณคดี อีกทั้งยังมีสภาพทรุดโทรมไปตามกาลเวลา รอการบูรณะ รวบรวมข้อมูลให้เป็นที่ศึกษาของนักเรียน นักศึกษา และประชาชนที่มีความสนใจ ได้ศึกษาเรียนรู้และร่วมกันดูแลรักษาศาสนสถานให้อยู่คู่กับชุมชนและสังคมต่อไปในอนาคต
อ้างอิงจาก ระบบฐานข้อมูลแหล่งศิลปกรรมท้องถิ่น หน่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมธรรมชาติและศิลปกรรมท้องถิ่น แหล่งที่มา http://www.koratculture.com/nakhonchaiburin/sil_user.php?act=edit&ID=52 สืบค้นข้อมูลเมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๕
ผู้ให้ข้อมูล นางถนอม ขาวงาม
จังหวัดนครราชสีมา สัมภาษณ์เมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๕
ผู้เขียนเรียบเรียง นางสาวสาวิตรี มะลิลา