“การทำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง”
การทำเกษตรอินทรีย์ แน่นอนอยู่แล้วว่าสิ่งที่จะนำมาใช้เป็น ส่วนประกอบในการเพาะปลูกทั้งหมดจะต้องมาจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยหมัก ปุ๋ยน้ำ ปุ๋ยคอกที่จะนำมาใช้ในการเร่งการเจริญเติบโต แม้กระทั่งสิ่งที่จะนำมาย่อยสลายวัตถุอินทรีย์ในดินก็มีส่วนสำคัญไม้แพ้กัน เรียกได้ว่าเป็นหัวใจหลักของการย่อยวัตถุอินทรีย์กันเลยทีเดียว นั่นก็คือ จุลินทรีย์ จุลินทรีย์ มีบทบาทสำคัญในการทำเกษตรอินทรีย์ ช่วยทำให้ดินร่วนซุย ช่วยสลายวัตถุอินทรีย์ ช่วยเร่งการเจริญเติบโต ตรึงไนโตเจน ปรับสมดุลให้ดินเหมาะแก่การเจริญเติบโตของพืช และที่กล่าวมานี้เป็นเพียงแค่ส่วนน้อยของคุณประโยชน์ของจุลินทรีย์ที่ใช้ในการทำเกษตรอินทรีย์ เพราะจุลินทรีย์นั้นมีประโยชน์มากมายมหาศาล จุลินทรีย์ที่ใช้ในการทำเกษตร คือ 1.จุลินทรีย์อีเอ็ม EM 2. จุลินทรีย์หน่อกล้วย 3.จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง 4.จุลินทรีย์จาวปลวก
จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงคืออะไร…?
จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก พบได้ ตามแหล่งน้ำตามธรรมชาติ และ ในดินทั่วๆไป ตัวมันเองทำหน้าที่นำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในดินและน้ำมาใช้ และ สามารถย่อยสลายอินทรีย์วัตถุให้มีขนาดเล็กลง เร่งปฏิกิริยาการเกิดปุ๋ยด้วยความสามารถตรงนี้เองทำให้เรานำประโยชน์ของจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง ตรงส่วนนี้มาช่วยในเรื่องของการเกษตรได้ ทีนี้ถ้าเราเติมหัวเชื้อจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงเข้าไปในดินเพิ่มขึ้นก็จะไปเร่งปฏิกิริยาพวกนี้ให้มากขึ้น ทำให้ต้นไม้ดูดซึมปุ๋ยได้มากขึ้นลดปริมาณการใช้ปุ๋ยลง ในขณะเดียวกันต้นไม้ก็เจริญเติบโตมากขึ้นด้วย ช่วยประหยัดค่าปุ๋ยบำรุงต้นไม้ไปได้มากเลยทีเดียว
อุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการทำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง
– ผงชูรส 1 กิโลกรัม (ยี่ห้ออะไรก็ได้) ราคาประมาณ 100 บาท
– น้ำปลาขวดใหญ่ 3 ขวด (ยี่ห้ออะไรก็ได้) ราคาประมาณ 75 บาท
– กะปิ 2 กระปุกเล็ก 40 บาท
– ไข่ไก่ 3 แผง ประมาณ 300 บาท
รวมแล้วประมาณ 500 บาท ส่วนผสมทั้งหมดนี้สามารถทำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงได้ในปริมาณที่ ช่วยประหยัดค่าปุ๋ยลงไปได้ประมาณ 10 กระสอบ เลยทีเดียว ต่อไปเราจะมาเริ่มวิธีทำกัน ซึ่งการทำนั้นก็ไม่ยากจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง
ขั้นตอนวิธีทำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง
1. ตอกไข่ลงไป 2 ฟอง ตีให้ไข่ขาวกับไข่แดงเข้ากัน
2. ใส่ผงชูรสครึ่งช้อนโต๊ะ น้ำปลา 4 ช้อนโต๊ะ กะปิครึ่งช้อนโต๊ะ( กะปิเป็นตัวช่วยเร่งให้จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงติดแดงได้ง่ายขึ้น )
3. คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันแล้วตักใส่ขวดน้ำ (อัตราส่วน 3 ช้อนโต๊ะ ต่อ น้ำขวด 1.5 ลิตร 1 ขวด )
4. ใส่น้ำเปล่าตามลงไปจนเต็ม เขย่าให้เข้ากัน แล้วนำไปตากแดดทิ้งไว้ประมาณ 5-7 วัน
5. หลังจากนั้นก็จะเริ่มเป็นสีแดง แสดงว่าตัวจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงนั้นเจริญเติบโตจนเต็มขวดแล้ว
อย่างที่กล่าวเอาไว้ในข้างต้นว่า จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่อาศัยอยู่ตามแหล่งน้ำธรรมชาติ และ ในดิน เราแค่นำเอามาเพาะเลี้ยงด้วย กระปิ น้ำปลา ผงชูรส ไข่ไก่ ซึ่งเหล่านี้ล้วนเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของตัวจุลินทรีย์ ส่วนที่ในขวดเป็นสีแดงนั้นเป็นสัญญานบ่งบอกว่า น้ำในขวดเต็มไปด้วยหัวเชื้อจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง ซึ่งพร้อมสำหรับการนำไปใช้งานต่อไป
เคล็ดลับที่ทำให้จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงติดแดง 100%
– หากใช้น้ำประปา จะออกเป็นสีเขียว สีขวา หรือ แดงไม่เต็มที่
– หากใช้น้ำ บึง สระ ( โดยเฉพาะน้ำจากบ่อเลี้ยงปลา ) จะได้ผลดีมาก แดงภายใน 5-7 วัน
– น้ำบาดาล จะติดแดงบ้าง ขาวบ้าง ขึ้นอยู่กับสารเจอปนในแหล่งน้ำ
สรุปได้ว่า น้ำที่ใช้ได้ดีที่สุดควรเป็น น้ำจากจากบ่อเลี้ยงปลา อาจเพราะมีจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำอยู่เยอะ เพราะได้มูลปลาและอินทรีย์วัตถุต่างๆที่ปลาหากินในบ่อเป็นอาหารเลี้ยงอยู่แล้ว ทำให้จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงที่อยู่ในแหล่งน้ำเหล่านี้แข็งแรง และ มีการเจริญเติบโตดี เวลานำน้ำจากแหล่งน้ำเหล่านี้มาเพาะจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง จึงทำให้เจริญเติบโตได้เร็วและติดได้ง่ายกว่าจากแหล่งน้ำอื่น
วิธีนำไปใช้
– จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง 100 ซีซี / น้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นที่ใบ ทุกๆ 7 วัน
– จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง 100 ซีซี / น้ำ 10 ลิตร ฉีดพ่นลงดิน ทุกๆ 7 วัน
ข้อดีของการใช้จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงกับพืช
– จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง เป็นแหล่งรวมแร่ธาตุ และ สารอาหารต่างๆ ที่มีประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของพืช
– จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง เป็นตัวช่วยเร่งปฏิกิริยาในการย่อยสลายทำให้เกิดปุ๋ยในดินเยอะขึ้น ช่วยให้พืชได้รับปุ๋ยมากขึ้น
– จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง ช่วยในการตรึงไนโตรเจน
– ใช้งานร่วมกับปุ๋ย ทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยลง 30 – 50 %
– เป็นจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดกระบวนการรีไซเคิล คาร์บอน และ สารจำพวกซัลเฟอร์ ซึ่งจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของต้นไม้
– ทำให้รากของพืชแข็งแรงสามารถหาอาหารได้เก่งสามารถดูดซึมสารอาหารได้มากขึ้น จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง ยังมีโปรตีนสูงและวิตามินแร่ธาตุมากมาย
– พืชมีความแข็งแรงต้านทานโรคและแมลงต่างๆได้ดี
– ฉีดพ่นในคอกสัตว์ช่วยลดกลิ่นเหม็นของมูลสัตว์
ผู้ให้ข้อมูล นางลั่นทม ยมสูงเนิน สัมภาษณ์เมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๕
ผู้เรียบเรียง นางสาวสาวิตรี มะลิลา