ส่วนที่ 2 ข้อตกลงในการพัฒนางานที่เป็นประเด็นท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน
1. สภาพปัญหาของผู้เรียนและการจัดการเรียนรู้
ส่วนที่ 2 ข้อตกลงในการพัฒนางานที่เป็นประเด็นท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน
1. สภาพปัญหาของผู้เรียนและการจัดการเรียนรู้
ตามที่รัฐบาลมีนโยบายปฏิรูปประเทศไทยได้ประกาศยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐) ซึ่งต้องนำไปสู่การปฏิบัติเพื่อยกระดับการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์กำหนดให้มีการปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้เพื่อศตวรรษที่๒๑โดยปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้เพื่อเตรียมประชากรสู่การเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ ๒๑ รวมทั้งตระหนักถึงพหุปัญญาของมนุษย์ที่หลากหลาย มีเป้าหมายให้ผู้เรียนได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพตามมาตรฐาน มีทักษะที่จำเป็นของโลกอนาคต สามารถแก้ปัญหารู้เท่าทันสื่อ ปรับตัว สื่อสาร และทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีวินัย ใฝ่เรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต รวมทั้งเป็นพลเมืองดี รู้สิทธิหน้าที่มีความรับผิดชอบและมีจิตสาธารณะ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญของการศึกษาขั้นพื้นฐาน การสร้างการเรียนรู้แห่งศตวรรษที่ ๒๑นอกจากจะมีการเรียนรู้เนื้อหาสาระความรู้แล้ว ทักษะการเรียนรู้ต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ในการเรียนรู้ตลอดจนการดำเนินชีวิตโดยเฉพาะทักษะการสื่อสาร คือ"การอ่านออกเขียนได้" นับเป็นทักษะที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นทักษะการสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจและความสัมพันธ์อันดีต่อกัน และเป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้ ประสบการณ์จากแหล่งข้อมูลสารสนเทศต่าง ๆ ในการพัฒนาความรู้ กระบวนการคิด วิเคราะห์ วิจารณ์ และสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาตนเองและสังคม และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จึงได้กำหนดนโยบายที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการอ่านการเขียนภาษาไทยของนักเรียนมาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง และในปีการศึกษา ๒๕๖๕ นี้ จึงกำหนดนโยบาย "เด็กไทยวิถีใหม่ อ่านออกเขียนได้ทุกคน" โดยตั้งเป้าหมายความสำเร็จไว้ที่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ - ๖ มีสมรรถนะการอ่านขั้นสูง ทั้งนี้เพื่อให้นักเรียนสามารถใช้การอ่านการเขียนเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้วิชาอื่นๆและการดำเนินชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพจากการประเมินสมรรถนะการอ่านการเขียนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นของปีการศึกษา ๒๕๖๖
ของนักเรียนโรงเรียนเมืองสมเด็จ สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น พบว่า นักเรียนร้อยละ ๒๕
มีผลการอ่านและเขียนไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนต่ำกว่าร้อยละ ๕๐
และมีแนวโน้มลดลงเรื่อย ๆ ผู้เรียนขาดทักษะทางการอ่าน นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ร้อยละ ๓๐
มีปัญหาเรื่องความเข้าใจในการอ่านจับใจความสำคัญ ซึ่งส่งผลต่อการเรียนรู้ในกลุ่มสาระอื่น และการเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น และส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระภาษาไทยต่ำ ประกอบกับสภาพปัญหาการจัดการเรียนการสอนภาษาไทย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนเมืองสมเด็จ พบว่า มีปัญหา
อยู่หลายด้าน ทั้งปัญหาที่เกิดจากผู้สอนและปัญหาจากตัวผู้เรียนเอง อาทิ ผู้เรียนไม่เห็นคุณค่าของการเรียนภาษาไทยอย่างแท้จริงไม่มีความสนใจในการเรียนจึงเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายในการเรียนตั้งคำถามรวมไปถึงปัญหาในการจัดการเรียนการสอนของผู้สอนที่ใช้รูปแบบการสอนแบบบรรยายมากเกินไป เน้นการท่องจำ วิธีการสอนไม่ดึงดูดความสนใจผู้เรียน ขาดความกระตือรือร้นในการสอน ขาดการค้นคว้าไม่พยายามหาเทคนิคการสอนหรือสื่อการสอนแบบใหม่ ซึ่งจากข้อค้นพบข้างต้นล้วนแต่เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ของผู้เรียน ดังนั้น ข้าพเจ้าในฐานะครูผู้สอนวิชาภาษาไทยในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น
จึงสนใจพัฒนาสมรรถนะการอ่านจับใจความสำคัญของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่๓ ด้วยเทคนิคบันได ๖ ขั้น เพื่อพัฒนาสมรรถนะการอ่านจับใจความสำคัญของนักเรียน