การศึกษาภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษา ตามความคิดเห็นของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อศึกษาระดับภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษา ตามความคิดเห็นของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี 2) เพื่อเปรียบเทียบภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษา ตามความคิดเห็นของครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี จำแนกตามขนาดสถานศึกษา ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ ครูผู้สอนในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี ปี การศึกษา 2560 จำนวน 351 คน ที่ได้จากการกำหนดขนาดตัวอย่าง โดยใช้ตารางสำเร็จรูปของเครจซี่ และ มอร์แกน เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามประมาณค่า 5 ระดับ ทำการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสาเร็จรูปเพื่อหาค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและการทดสอบความแปรปรวนแบบทางเดียว (One – Way ANOVA) และการทดสอบรายคู่ตามวิธีของเชฟเฟ่ (Scheffe) และใช้แบบสัมภาษณ์เป็นเครื่องมือในการสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 8 คน โดยการนำความคิดเห็นจากการสัมภาษณ์มาวิเคราะห์ตามขอบเขตด้านเนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า 1) ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาตามความคิดเห็นของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานีอยู่ในระดับมาก ทั้งโดยรวมและรายด้าน 2) ผลการเปรียบเทียบภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาตามความคิดเห็นของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี จำแนกตามขนาดสถานศึกษาโดยรวมและรายด้าน มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ยกเว้นภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารในสถานศึกษาขนาดกลางกับขนาดใหญ่ มีความแตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

จีราภา ประพันธ์พัฒน์ (2560) การศึกษาภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษา ตามความคิดเห็นของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี

ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาโรงเรียนประชารัฐ เขตพื้นที่การศึกประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 5

บทคัดย่อ

การศึกษาในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาระดับภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาโรงเรียนประชารัฐ ตามทัศนะของครู ในเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 5 2) เพื่อจัดทำข้อเสนอแนะการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาโรงเรียนประชารัฐ ในเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 5 วิธีดำเนินการศึกษามี 2 ขั้นตอน ได้แก่ 1) การศึกษาระดับภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาโรงเรียนประชารัฐ เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 5 โดยใช้แบบสอบถามกับครูผู้สอน จำนวน 68 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาเป็นแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ 2) การจัดทำข้อเสนอแนะในการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาโรงเรียนประชารัฐ เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 5 เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาเป็นแบบสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนด จำนวน 5 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการศึกษาพบว่า

1) ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาโรงเรียนประชารัฐมีระดับภาวะผู้นำโดยรวมอยู่ในระดับมาก เรียงตามลำดับดังนี้ การมีวิสัยทัศน์สู่การเปลี่ยนแปลง การสร้างแรงจูงใจให้กับบุคลากร การมีส่วนร่วมในการทำงานและทำงานเป็นทีม การมีคุณธรรมจริยธรรม การสร้างบรรยากาศแห่งการส่งเสริมองค์กรนวัตกรรมและการคิดสร้างสรรค์ ตามลำดับ

2) ข้อเสนอแนะในการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาโรงเรียนประชารัฐ เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 5 ซึ่งพบว่า 1) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาควรจัดให้มีการอบรมเกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรม 2) ผู้บริหารสถานศึกษาควรพัฒนาตนเองเพื่อให้เป็นบุคคลที่เรียนรู้อันจะนำไปสู่การพัฒนาความคิดริเริมสร้างสรรค์และการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นในสถานศึกษา 3) ผู้บริหารสถานศึกษาควรส่งเสริมและให้การสนับสนุนครูและบุคลากรในโรงเรียนได้พัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่ และเปิดโอกาสให้ครูได้สร้างสรรค์ผลงานของตนเองเพื่อนำไปสู่การสร้างนวัตกรรมแห่งการเรียนรู้ รวมทั้งให้ครูมีส่วนร่วมในการวางแผนและดำเนินงานของสถานศึกษา 4) ผู้บริหารสถานศึกษาควรอำนวยความสะดวก ให้ความช่วยเหลือและให้คำแนะนำที่ดีแก่ครูที่ประสบปัญหาในการทำงาน รวมทั้งให้การยกย่องหรือชมเชยแก่ครูที่ทำงานประสบความสำเร็จเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจในการทำงาน 5) ผู้บริหารสถานศึกษาต้องมีความโปร่งใส่และสามารถตรวจสอบได้

ปวีณา กันถิน,มนต์นภัส มโนการณ์ ,และ ธารณ์ ทองงอก (2560) ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาโรงเรียนประชารัฐ เขตพื้นที่การศึกประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 5 สาขามนุษยศาสตร์สังคมศาสตร์ และศิลปะ. ปีที่ 10. ฉบับที่ 3 เดือนกันยายน –ธันวาคม 2560 หน้าที่ 1833 - 1848

ภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารสถานศึกษาตามความคิดเห็นของครูสหวิทยาเขตบ้านบึง 1 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารสถานศึกษา ตามความคิดเห็นของครูสหวิทยาเขตบ้านบึง 1 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 1 ตามความคิดเห็นของครู จำแนกตามระดับการศึกษาและประสบการณ์ในการทำงาน กลุ่มตัวอย่างได้แก่ ข้าราชการครูโรงเรียนในสหวิทยาเขตบ้านบึง 1 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 1 จำนวน 136 คน จาก 15 โรงเรียน โดยการกำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างตามตารางของเครจซี่และมอร์แกน จากนั้นนำไปสุ่มอย่างง่ายแบบมีสัดส่วน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลครั้งนี้ เป็นแบบสอบถามวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป โดยหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบค่าที

ผลการวิจัยพบว่า

1. ภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารสถานศึกษา ตามความคิดเห็นของครูสหวิทยาเขต บ้านบึง 1 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 1 โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ทั้งหมดอยู่ในระดับมาก โดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย ดังนี้ ด้านวัฒนธรรมขององค์กร รองลงมาด้านการกำหนดกลยุทธ์ขององค์กร ด้านการกำหนดทิศทาง ขององค์กร และด้านการนำกลยุทธ์ไปปฏิบัติ ตามลำดับ

2. ข้าราชการครูที่มีวุฒิการศึกษาต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารสถานศึกษาตามความคิดเห็นของครูสหวิทยาเขตบ้านบึง 1 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 1 โดยรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน

3. ข้าราชการครูที่มีประสบการณ์ในการทำงานต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารสถานศึกษาตามความคิดเห็นของครูสหวิทยาเขตบ้านบึง 1 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 1 โดยรวมและรายด้านแตกต่างกัน

ปรียานุช ทับหนองฮี (2566). ภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารสถานศึกษาตามความคิดเห็นของครูสหวิทยาเขตบ้านบึง 1 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา. ชลบุรี.มหาวิทยาลัยเกริก

Maori Leadership and Early Childhood Educational Leadership in Aotearoa

Tracy Dayman; Alison Warren; Sandra Tuhakaraina; Lesley Robinson; Emma Haruru

Journal of Educational Leadership, Policy and Practice, v38 p68-86 2024

Five early childhood teacher educators in Aotearoa New Zealand explored a range of literature to respond to the question: What does literature tell us about Maori leadership and how are our findings relevant to leadership in early childhood education (ECE) in Aotearoa? The process of finding and reviewing literature sources about Maori leadership led us to think critically about how Maori values, concepts, and customs have been diminished or sustained in fields such as education and business. ECE in Aotearoa is shaped by the bicultural curriculum Te Whariki and underpinned by obligations to Te Tiriti o Waitangi. Although education and leadership structures and processes in Aotearoa are overwhelmingly produced within Westernised perspectives, ECE curriculum and practice foregrounds Maori ways of knowing, being, and doing. Through the literature review process, we shared insights and critical discussions that enriched our perceptions of leadership by and for Maori, and of relevance to ECE leadership through shared values. The literature reviewed provided examples from education and business settings where Maori leadership grounded in values of whanaungatanga/reciprocal relationality originating in Maori traditional beliefs and societal structures has been sustained, remembered, and reclaimed through processes of navigating and negotiating present-day colonised contexts. Literature also provided examples of official programmes and policies that seek to acknowledge and enhance Maori leadership in education.

ความเป็นผู้นำของชาวเมารีและความเป็นผู้นำทางการศึกษาในวัยเด็กตอนต้นใน Aotearoa: การทบทวนวรรณกรรมเชิงวิจารณ์ Tracy Dayman; Alison Warren; Sandra Tuhakaraina; Lesley Robinson; Emma Haruru Journal of Educational Leadership, Policy and Practice, v38 p68-86 2024 ครูผู้สอนในวัยเด็กตอนต้น 5 คนใน Aotearoa ประเทศนิวซีแลนด์ได้สำรวจวรรณกรรมต่างๆ เพื่อตอบคำถามว่า วรรณกรรมบอกอะไรเราเกี่ยวกับความเป็นผู้นำของชาวเมารี และผลการค้นพบของเรามีความเกี่ยวข้องกับความเป็นผู้นำในการศึกษาในวัยเด็กตอนต้น (ECE) ใน Aotearoa อย่างไร กระบวนการค้นหาและตรวจสอบแหล่งข้อมูลวรรณกรรมเกี่ยวกับความเป็นผู้นำของชาวเมารีทำให้เราต้องคิดอย่างมีวิจารณญาณว่าค่านิยม แนวคิด และประเพณีของชาวเมารีลดน้อยลงหรือคงอยู่ได้อย่างไรในสาขาต่างๆ เช่น การศึกษาและธุรกิจ ECE ใน Aotearoa ได้รับการหล่อหลอมโดยหลักสูตรแบบสองวัฒนธรรม Te Whariki และได้รับการสนับสนุนจากภาระผูกพันต่อ Te Tiriti o Waitangi แม้ว่าโครงสร้างและกระบวนการด้านการศึกษาและความเป็นผู้นำใน Aotearoa จะถูกผลิตขึ้นตามมุมมองของชาวตะวันตกเป็นส่วนใหญ่ แต่หลักสูตรและการปฏิบัติของ ECE เน้นที่วิธีการรู้ การเป็น และการกระทำของชาวเมารี ผ่านกระบวนการทบทวนวรรณกรรม เราได้แบ่งปันข้อมูลเชิงลึกและการอภิปรายเชิงวิพากษ์วิจารณ์ที่เสริมสร้างการรับรู้ของเราเกี่ยวกับความเป็นผู้นำโดยและสำหรับชาวเมารี และความเกี่ยวข้องกับความเป็นผู้นำของ ECE ผ่านค่านิยมร่วมกัน วรรณกรรมที่ทบทวนให้ตัวอย่างจากการศึกษาและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ความเป็นผู้นำของชาวเมารีซึ่งมีพื้นฐานมาจากค่านิยมของ whanaungatanga/ความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันซึ่งมีต้นกำเนิดจากความเชื่อดั้งเดิมของชาวเมารีและโครงสร้างทางสังคม ได้รับการดำรงอยู่ จดจำ และนำกลับมาใช้ใหม่ผ่านกระบวนการต่างๆ ในการนำทางและเจรจาบริบทอาณานิคมในปัจจุบัน วรรณกรรมยังให้ตัวอย่างของโปรแกรมและนโยบายอย่างเป็นทางการที่มุ่งหวังที่จะยอมรับและเสริมสร้างความเป็นผู้นำของชาวเมารีในด้านการศึกษา

Tracy Dayman, Alison Warren, Sandra Tuhakaraina, Lesley Robinson and Emma Haruru (2024) Maori Leadership and Early Childhood Educational Leadership in Aotearoa: A Critical Literature Review.v38 p68-86

Page updated

Google Sites

Report abuse