ศิลาจารีกสลักปรมาภิไธย ย่อ จปร.
สาระสำคัญทางโบราณคดี:
ในคราวที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินทางบกและทางเรือประพาสรอบแหลมมลายูเมื่อ ร.ศ.109 หรือ พ.ศ.2433 ในคราวนั้นได้เสด็จพระราชดำเนินโดยขบวนช้างและม้าจากจังหวัดชุมพรจากเมืองชุมพรมายังเมืองกระ (กระบุรี) เพื่อตรวจราชการแผ่นดิน และความเป็นอยู่ของราษฎร เมื่อเสด็จมาถึงแนวเขตแดนระหว่างจังหวัดชุมพรและจังหวัดระนอง พระองค์ได้ทรงสลักพระปรมาภิไธยย่อ จปร ไว้บนก้อนศิลา ดังในพระราชนิพนธ์ความว่า
“ในกลางที่แจ้งนี้เป็น “ตร่อน้ำแบ่ง” มีศิลาก้อนใหญ่จมดินครึ่งหนึ่งมีก้อนเล็กซ้อน ซึ่งเห็นจะเป็นหินลอยทั้งสองก้อน ให้เขามาหาไว้จะจารึกเห็นก้อนใหญ่จะศูนย์ยากกว่า จึงให้กลิ้งก้อนเล็กลงเสีย ให้กรมสรรพสิทธิ์เขียน จปร. อย่างอัฐ กับกรมสมมตเขียน ๑๐๙ มอบเครื่องมือให้ผู้ช่วยเมืองไชยาอยู่เราะให้แล้วรอเขียนอยู่ ๗ มินิต”
(กรมสรรพสิทธิ์ คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสรรพสิทธิประสงค์, กรมสมมต คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสมมติอมรพันธุ์)
ในคราวนั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จประทับแรมที่พลับพลาดอนนาพระ หมู่ที่ 1 ตำบลปากจั่น เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ.2433 ซึ่งปัจจุบันบริเวณพลับพลานี้คือที่ตั้งโรงเรียนปากจั่นวิทยา
จารึก ภปร และ สก จารึกขึ้นในคราวที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จประพาสจากชุมพรโดยรถยนต์พระที่นั่งเพื่อมาทรงเยี่ยมประชาชนเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ.2502
ส่วนจารึก สธ จารึกขึ้นเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ.2531 ในคราวที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งเพื่อเยี่ยมพสกนิกรและทอดพระเนตรแนวชายแดนจังหวัดระนอง
จารึกพระปรมาภิไธยย่อและพระนามาภิไธยย่อ สลักอยู่บนก้อนหินที่วางตั้งอยู่บนกองดินยอดเนินริมถนนเพชรเกษม ปัจจุบันมีการสร้างศาลาคลุมจารึกและปรับปรุงพื้นที่ปรับปรุงภูมิทัศน์รอบจารึก
ศาลาที่สร้างคลุมจารึกเป็นศาลาโปร่งผังแปดเหลี่ยม ไม่มีผนัง ศาลาเสาเป็นปูนหุ้มด้วยแผ่นหินขัด เครื่องบนเป็นไม้มุงกระเบื้องเกล็ด ชายคาตกแต่งด้วยแผ่นไม้สลักลายใบไม้โดยรอบ พื้นศาลารอบจารึกปูด้วยแผ่นหินขัด
จารึกเป็นการสลักเข้าไปในเนื้อหิน 3 ก้อนที่ตั้งอยู่แยกออกจากกัน แต่อยู่บนกองดินยอดเนินเดียวกัน ก้อนหินที่อยู่เกือบจุดสูงสุดเป็นก้อนหินกลม สลักพระปรมาภิไธยย่อ จปร และตัวเลข ๑๐๙ (ค่อนข้างลบเลือน) ถัดลงมาเล็กน้อยทางเบื้องขวาของจารึก จปร เป็นก้อนหินกลมสลักพระปรมาภิไธยย่อ ภปร และพระนามาภิไธยย่อ สก และถัดลงมาอีกเล็กน้อยทางเบื้องซ้ายของจารึก จปร และ จารึก ภปร สก เป็นก้อนหินสลักพระนามาภิไธยย่อ สธ จารึกทั้งสี่มีการปิดทองคำเปลว บางองค์ (จปร ภปร สก) มีร่องรอยการถูกปิดทองคำเปลวทับตัวอักษรจารึก
ด้านหน้าจารึกมีพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวตั้งอยู่ 3 องค์ พร้อมทั้งเครื่องบูชาสักการะต่างๆพื้นที่โดยรอบศาลาได้รับการจัดภูมิทัศน์โดยปูเป็นพื้นหญ้า ปลูกไม้ยืนต้นเป็นระยะ และมีเก้าอี้นั่งพักผ่อนสำหรับนักท่องเที่ยวห่างออกไปด้านทิศเหนือของจารึก มีอนุสาวรีย์ที่มีผังเป็นรูป 5 เหลี่ยม โดยเป็นอนุสาวรีย์ที่ก่อด้วยปูน ตกแต่งผิวด้วยแผ่นหินอ่อนสีขาว แต่ละด้านสลักตัวหนังสือและทาด้วยสีทองให้ข้อมูลประวัติจารึกทั้ง 4 องค์ (จารึก จปร ภปร สก และ สธ) ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ แต่สีทองบนตัวหนังสือมีสภาพหลุดลอกค่อนข้างมาก
ด้านหลังของอนุสาวรีย์มีอาคารก่ออิฐฉาบปูนสมัยใหม่ที่ทรุดโทรม ไม่ทราบหน้าที่ใช้งาน
ด้านหน้าริมถนนเพชรเกษมที่เป็นทางเข้าสู่ศาลาที่ประดิษฐานพระปรมาภิไธยย่อ ทำเป็นบันไดปูนเพื่อขึ้นสู่ศาลา และป้าย “ศิลาจารึกพระปรมาภิไธย ย่อ จปร. King Chulalongkorn initials craved on a stone inscription” ขนาดใหญ่ หันไปทางด้านถนนเพชรเกษม ข่าวการพบมณฑปเก่าที่คลุมพระปรมาภิไธยย่อ จปร ถูกทิ้งในคลอง
การใช้ประโยชน์:
จารึก
ผู้เรียบเรียงข้อมูล-ผู้ดูแลฐานข้อมูล:
ทนงศักดิ์ เลิศพิพัฒน์วรกุล