ก่อนหน้าศตวรรษที่ 14
อารยธรรมโบราณเกิดขึ้นทั่วโลกและมีการพบปะกันระหว่างโฮเซและเคนิสเป็นครั้งแรกที่ทวีปยุโรป ในยุคก่อนประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นถึงเครื่องมือเครื่องใช้ เปรียบเทียบทั้งสองเผ่า โฮเซเป็นเผ่าแรกที่ใช้อุปกรณ์ที่ทำจากเหล็ก บูชาสิ่งเหนือธรรมชาติ ในขณะที่เคนิสมักใช้สำริด บูชาผี บรรพบุรุษ และทวยเทพ พบว่าทวยเทพในสมัยก่อนมักจะมีรูปร่างของสัตว์ ทำให้มีการสันนิษฐานว่าในสมัยโบราณเคนิสถือเป็นผู้แข็งแกร่งกว่าและถูกเคารพยกย่องและเป็นใหญ่ในอารยธรรมอย่างอียิปต์โบราณ อเมริกาใต้ แถบแสกนดิเนเวีย ไอร์แลนด์ และอาณาจักรขอม
ในขณะเดียวกันโฮเซยุคโบราณออกล่าสัตว์ด้วยความยากลำบาก ทว่าเน้นปลูกพืชผลปศุสัตว์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อารยธรรมที่โฮเซเป็นใหญ่ เช่น อาณาจักรกรีก อาณาจักร โรมัน เผ่าเยอรมานิก และ จีนโบราณนั้นมีความสามารถในการคิดค้น ประดิษฐ์อุปกรณ์ต่างๆมากมายที่ยังถูกนำมาใช้ในปัจจุบัน (บางหลักฐานก็กล่าวอ้างว่า อารยธรรมอียิปต์ยุคโบราณถือคติโฮเซเป็นใหญ่ แต่นับถือเคนิสเป็นเทพและคอยรับใช้ เพราะฟาโรห์เกือบทุกคนเป็นเผ่าโฮเซ)
ในยุคโบราณ จำนวนของอัลฟ่าและโอเมก้าหาได้ยากมากจนเกือบจะพูดได้ว่า อารยธรรมส่วนมากถือกำเนิดจากกลุ่มเบต้า บ้างก็สันนิษฐานว่า อัลฟ่า และ โอเมก้า เป็นการผ่าเหล่าที่เกิดหลังการผสมสายเลือดข้ามเผ่าระหว่างโฮเซ-เคนิส (ขัดต่อหลักศาสนา จึงห้ามเผยแพร่)
ศตวรรษที่ 15-16
ในสมัยล่าอาณานิคม โฮเซเป็นเผ่าพันธุ์ที่ถือตนว่ามีอารยธรรมสูงกว่าเคนิส โดยโฮเซส่วนมากจะอาศัยอยู่ในทวีปแถบยุโรป ส่วนเคนิสนับเป็นชนกลุ่มน้อยที่กระจายตัวอยู่ตามที่ต่างๆ ทั่วโลก
ในประวัติศาสตร์นั้นเคนิสถูกจับมาเป็นทาส ด้วยความเชื่อของศาสนคริสต์ซึ่งเป็นศาสนาหลักของเผ่าโฮเซที่ว่าเคนิสคือบุตรของลิลิธที่เป็นปิศาจร้าย เป็นการคงอยู่ที่ขัดต่อพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า ทำให้เผ่าพันธุ์เคนิสถูกกดขี่ใช้แรงงานในฐานะทาสเรื่อยมา ไม่เว้นแม้แต่เคนิสอัลฟ่าที่มีสถานะสูง
ในอเมริกายุคล่าอาณานิคม คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ค้นพบทวีปใหม่ และชนเผ่าเคนิสที่ครอบครองดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ รูปร่างหน้าตาของพวกเขาคล้ายกับเคนิสในทวีปอินเดีย แรกเริ่มจึงเรียกเคนิสกลุ่มนี้ว่า ‘อินเดียนแดง’
เหล่าโฮเซตั้งรกรากในดินแดนใหม่ ยึดครองทวีปตั้งเป็นอาณานิคมของเหล่ามหาอำนาจ แย่งชิงอาณาเขตเพื่อทรัพยากรที่สามารถตักตวงได้ ชนเผ่าเคนิสถูกใช้เป็นเครื่องมือในสงครามล่าอาณาเขตของโฮเซจากยุโรป แม้ต่อมาจะมีสงครามประกาศอิสรภาพจากประเทศอังกฤษ แต่ทวีปอเมริกาก็ตกเป็นของโฮเซไปโดยสมบูรณ์
ศตวรรษที่ 17-18
จนกระทั่งปลายศตวรรษที่ 17 โลกเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง มีการเลิกทาสเคนิสในหลายประเทศ และเป็นกระแสไปทั่วโลก แต่ถึงกระนั้นทางวาติกันและศาสนิกชนที่เชื่อในพระคัมภีร์เก่าก็ยังเชื่อว่าเคนิสเป็นเผ่าที่ชั่วร้ายและลูกหลานของปิศาจสืบต่อไป
สงครามโลกครั้งที่หนึ่งเกิดขึ้น เคนิสอัลฟ่าและเบต้าถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารแนวหน้า ส่วนเคนิสโอเมก้าทำงานฝ่ายการผลิตข้าวของเครื่องใช้สำหรับช่วงสงคราม…
จนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่สอง เริ่มมีความเชื่อว่าเคนิสเป็นเผ่าพันธุ์ที่ด้อยกว่า ทางฝ่ายอักษะจึงเริ่มโครงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เคนิสผ่านค่ายกักกัน ซึ่งระหว่างนั้นมีการทดลองทางการแพทย์หลายอย่างซึ่งทำกับนักโทษในค่ายเพื่อศึกษาเกี่ยวกับกายภาพและขีดจำกัดของเคนิส ทำให้ประชากรที่มีจำนวนน้อยอยู่แล้วยิ่งลดน้อยลงไปอีก
ต่อมาฝ่ายอักษะพ่ายแพ้สงคราม เคนิสเป็นอิสระ นานาประเทศเห็นใจการกระทำป่าเถื่อนโหดร้ายของฝ่ายอักษะที่ปฏิบัติประหนึ่งเคนิสเป็นแค่สัตว์เดรัจฉาน นับแต่นั้นสถานะของเคนิสจึงเริ่มดีขึ้น และโฮเซก็เริ่มมองเคนิสในทางที่ดีขึ้น
ศตวรรษที่ 19
แม้เคนิสจะได้รับอิสรภาพ แต่ในยุคสงครามเย็นช่วงต้นของศตวรรษที่ 19 ก็ยังได้รับการกดขี่และมีความไม่เท่าเทียมในสังคม เช่นว่าเคนิสมักได้รับการมองด้วยสายตาหวาดกลัว ไม่มีสิทธิโหวตเลือกพรรคการเมืองในสภา และไม่สามารถเข้าไปในสถานที่บางที่ได้เพราะเป็นเขต Hose only
ในระหว่างยุคสงครามเย็นมีการทดลองตัวยามากมายที่เกี่ยวกับเพศสภาพ Alpha Beta และ Omega ซึ่งมีข่าวเปิดเผยออกมาเมื่อเร็วๆ นี้ว่าเคนิสจำนวนมากตกเป็นเหยื่อทดลองยาในยุคนั้น ส่วนรายละเอียดการวิจัยยายังไม่ได้รับการเปิดเผย คาดเดากันว่าเป็นความลับของรัฐบาล
กว่าที่เคนิสจะมีสิทธิเสียงเต็มที่ในการเลือกตั้งและการลงสมัครเป็นสส. ก็เป็นในช่วงปลายของศตวรรษที่ 19
ศตวรรษที่ 20
วันที่ 12 เดือน 10 ปี 2001 เกิดเหตุการณ์กลุ่มก่อการร้ายเคนิสจี้ปล้นเครื่องบิน ขับชนเทพีเสรีภาพซึ่งเป็นสัญลักษณ์ความยิ่งใหญ่ของเผ่าโฮเซ เกิดเหตุผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก
รัฐบาลสหรัฐจึงประกาศสงครามกับตะวันออกกลาง ส่งทหารไปกวาดล้างเหล่าผู้ก่อการร้ายจนสิ้นซาก….
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ไม่อาจถอนรากถอนโคนได้หมด ยังคงมีกระแสการก่อการร้ายและกลุ่มเคนิสหัวรุนแรงที่โกรธแค้นจากการโดนกดขี่ทั้งในอดีตและปัจจุบันคอยก่อเหตุสร้างความสะเทือนขวัญอยู่อย่างไม่หยุดหย่อน แต่สมาชิกของกลุ่มเหล่านี้ไม่ได้มีเพียงเคนิสเท่านั้น กระทั่งโฮเซบางคนก็ยังเข้าร่วมเป็นสมาชิกด้วยเช่นกัน