บริเวณหลังคอ และโคนคอทั้งซ้ายขวาของโอเมก้าเป็นจุดที่เมื่อสัมผัสแล้วสามารถกระตุ้นความรู้สึกได้ง่าย ซึ่งบริเวณนี้จะมีต่อมที่เรียกว่า ‘ต่อมคอนิเกียม’ (the coniguim gland), ต่อมบอนด์ หรือรู้จักกันในทางลบว่า ต่อมร่าน
ต่อมคอนิเกียมทั้ง 3 ต่อม ตอบสนองต่อเอนไซม์เฉพาะของอัลฟ่า เรียกเอนไซม์นั้นว่า ‘บอนดิ้งเอนไซม์’ (bounding enzyme) เอนไซม์นี้จะถูกผลิตปนมากับน้ำลาย ช่วงเวลาที่อัลฟ่าผลิตเอนไซม์นี้และกัดที่ต่อมคอนิเกียมของโอเมก้า จะเกิดการบอนด์ (mating bond) ระหว่างอัลฟ่าและโอเมกาทันที
อัลฟ่าจะผลิตบอนดิ้งเอนไซม์ในช่วงที่เกิดสถานการณ์ทางเพศเท่านั้น เช่น ระหว่างหรือหลังสำเร็จความใคร่ ระหว่างรัท แต่ไม่จำเป็นต้องอยู่ระหว่างการมีเพศสัมพันธ์
หลังจากถูกบอนด์รอยกัดนั้นจะไม่จางหายไป โอเมก้ามีกลิ่นของอัลฟ่าติดตัวมากพอที่จะทำให้บุคคลใกล้เคียงรู้สึกได้นานถึง 1 สัปดาห์ก่อนที่กลิ่นจะจางลงจนเป็นปกติ ร่างกายตอบสนองต่ออัลฟ่าที่ได้บอนด์ด้วยเป็นพิเศษ เมื่อมีกิจกรรมทางเพศเกิดขึ้น ร่างกายจะผลิตสารเคมีแห่งความสุขออกมามากกว่าปกติ
โอเมก้าที่ถูกบอนด์แล้วจะมีสัมพันธ์และพันธะกับคู่ของตนเท่านั้นจนกว่าคู่จะเสียชีวิตหรือถูกบอนด์ทับ มีกลิ่นฟีโรโมนเปลี่ยนไป อัลฟ่าอื่นๆสามารถรับรู้ได้ว่าโอเมก้านั้นถูกบอนด์แล้ว การฮีทของโอเมก้าที่ถูกบอนด์ยังคงทำให้อัลฟ่าอื่นๆ รู้สึกใกล้เคียงกับการรัทแต่ยังสามารถพยายามควบคุมสติได้ แต่โอเมก้าจะต่อต้านเมื่อมีสัมพันธ์กับบุคคลที่ไม่ใช่คู่บอนด์ของตนตามสัญชาตญาณ รู้สึกไม่เต็มใจ หลังจากนั้นจะรู้สึกหวั่นวิตกอยู่พักใหญ่
อัลฟ่าสามารถบอนด์ทับโอเมก้าที่ถูกบอนด์แล้วได้ รอยกัดใหม่เกิดขึ้นแต่รอยเก่าก็จะไม่หายไปเช่นกัน จากนั้นโอเมก้าจะได้รับผลข้างเคียงจากการเปลี่ยนแปลงของสารเคมีและฮอร์โมนอย่างรุนแรง เกิดอาการผิดปกติ เช่น จับไข้ คลื่นไส้ วิงเวียน ไปจนถึงหมดสติ และมีโอกาสที่โอเมก้าจะได้รับอันตรายถึงชีวิต ซึ่งอาจใช้เวลามากกว่า 1 สัปดาห์จึงจะกลับเป็นปกติ ตอบสนองต่อคู่บอนด์ใหม่
แม้ว่าจะเกิดการบอนด์หรือไม่ก็ตาม โอเมก้าที่ถูกกระตุ้นบริเวณต่อมคอนิเกียมอย่างเพียงพอจะหลั่งสารเคมีในสมอง มีอาการเคลิ้มทางจิต (trip) คล้ายการเมายา
สรุปการบอนด์
1. อัลฟ่าผลิต'บอนดิ้งเอนไซม์' เอนไซม์นี้ผลิตในเวลาที่เกิดสถานการณ์ทางเพศเท่านั้น ซึ่งขณะนั้นรัทหรือไม่รัทก็ได้
2. อัลฟ่านั้นกัดเข้าที่ต่อม'คอนีเกียม'ของโอเมก้าที่เจริญพันธุ์สมบูรณ์แล้ว ซึ่งขณะนั้นโอเมก้าฮีทหรือไม่ฮีทก็ได้
3. โอเมก้ามีรอยกัดบริเวณที่ถูกบอนด์ ซึ่งจะไม่จางหายไปเว้นแต่ทำศัยกรรมตกแต่ง (เป็นแค่การตกแต่งบริเวณผิวหนังเท่านั้น ไม่มีผลต่อพันธะบอนด์)
4. โอเมก้ามีกลิ่นของอัลฟ่าติดตัวมากพอที่จะทำให้บุคคลใกล้เคียงรู้สึกได้นานถึง 1 สัปดาห์ว่าเพิ่งจะถูกบอนด์
5. ร่างกายของโอเมก้าตอบสนองต่ออัลฟ่าที่ได้บอนด์ด้วยเป็นพิเศษและต่อต้านเมื่อมีสัมพันธ์กับบุคคลที่ไม่ใช่คู่บอนด์ของตนตามสัญชาตญาณ ขณะที่อัลฟ่าสามารถบอนด์โอเมก้าได้มากกว่า 1 คน
คู่แท้ คือ คู่อัลฟ่าและโอเมก้าที่เมื่อพบเจอกันจะสามารถรับรู้ได้ทันทีจากปฏิกิริยาและความลุ่มหลงในกันและกันอย่างรุนแรง โอเมก้าตนนั้นแม้จะถูกบอนด์แล้วแต่เมื่อพบคู่แท้กลับไม่ต่อต้านเมื่อมีสัมพันธ์กับคู่แท้ของตน เป็นเรื่องเล่าที่แพร่หลายในวงกว้าง แต่ไม่มีหลักฐานยืนยันว่ามีจริงหรือไม่ บ้างก็ว่าเป็นเพราะสารเคมีที่เกิดขึ้นระหว่างอัลฟ่าและโอเมก้าคู่นั้นตอบสนองกันได้อย่างดีเยี่ยม
ครึ่งคู่แท้ หรือ คู่แท้เพียงฝ่ายเดียว คล้ายกับคู่แท้ แต่จะเกิดแค่เพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น