I. ถ้าเราเข้าสู่ส่วนลึกของหนังสือโกโลซาย เราก็จะเห็นว่าในหนังสือเล่มนี้ เปาโลกำลังจัดการกับเรื่องที่ซ่อนเร้นอย่างวัฒนธรรมของมนุษย์:
1. ใน กซ.3:11 เปาโลใช้คำว่า “พวกไร้วัฒนธรรม” ซึ่งเป็นเครื่องบ่งชี้อย่างหนักแน่นว่าหนังสือจดหมายฉบับนี้จัดการกับวัฒนธรรม.
2. วัฒนธรรมคือวิธีการที่เป็นระบบซึ่งเราได้พัฒนาขึ้นมาเพื่อให้เราดำรงชีวิตและผดุงไว้ซึ่งชีวิตต่อไป — ยนซ.4:16–22:
(1) วัฒนธรรมคือการดำเนินชีวิตอย่างไม่รู้สึกตัวของมนุษย์ทุกคน — อฟ.2:2–3; 4:17.
(2) ผู้คนทั่วโลกล้วนอยู่ภายใต้ผลกระทบของวัฒนธรรมของตนเอง.
3. วัฒนธรรมส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อผู้เชื่อทั้งหลายในโกโลซายฉันใด วัฒนธรรมในวันนี้ก็ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเราฉันนั้น — กซ.2:8–10, 16–18:
(1) เราตกอยู่ภายใต้ผลกระทบของวัฒนธรรมที่ติดตัวเรามาแต่กำเนิดโดยไม่รู้สึกตัว; องค์ประกอบของวัฒนธรรมนี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวเรา — ฆต.4:3, 9; กซ.2:8, 20.
(2) เมื่อเราเข้าสู่การดำเนินชีวิตคริสตจักร เราก็นำวัฒนธรรมของเราเข้ามาด้วย และวัฒนธรรมนี้จะค่อยๆ ทำลายการรับสุขที่เรามีต่อพระคริสต์และการดำเนินชีวิตคริสตจักร.
(3) โดยส่วนใหญ่แล้ว พระคริสต์ผู้เป็นองค์ประกอบเพียงหนึ่งเดียวในการดำเนินชีวิตคริสตจักรนั้นได้ถูกแทนที่ด้วยวัฒนธรรม — ข้อ 8; 3:11:
ก. เราทุกคนล้วนให้ความล้ำค่าต่อวัฒนธรรมของเราและประเมินคุณค่าเบื้องหลังทางวัฒนธรรมบางอย่างของเราไว้สูงอยู่ใต้จิตสำนึกอย่างไม่รู้สึกตัว.
ข. ในการดำเนินชีวิตคริสตจักรนั้น พระคริสต์ถูกแทนที่ด้วยวัฒนธรรมมากกว่าสิ่งอื่นใดทั้งหมด — ข้อ 11.
II. หนังสือโกโลซายเปิดเผยว่าพระคริสต์ผู้ครอบคลุมสรรพสิ่ง, แผ่ขยายไร้จำกัดทรงเป็นทุกสิ่งในแผนการบริหารของพระเจ้า — 1:15–18, 27:
1. เราต้องมีนิมิตที่ชัดเจนว่าพระคริสต์ผู้อัศจรรย์ผู้นี้ทรงเป็นทุกสิ่งต่อเรา.
2. นิมิตเช่นนี้จะทำให้ผลกระทบของวัฒนธรรมที่มีต่อการประสบการณ์พระคริสต์และการดำเนินชีวิตคริสตจักรสิ้นสุดลง และเราก็จะถูกยึดครอง, ถือครอง, และซาบซ่านด้วยพระคริสต์ แทนที่จะเป็นผู้ที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรม — 3:11ข.
III. พระคริสต์ผู้ทรงเป็นเอก, ครอบคลุมสรรพสิ่ง, แผ่ขยายไร้จำกัดนั้นทรงเป็นชีวิตของเรา และเป็นส่วนแห่งการก่อรูปเพียงหนึ่งเดียวของคนใหม่คนเดียว — ข้อ 4ม 10–11:
1. ส่วนแห่งการก่อรูปของคริสตจักรในฐานะคนใหม่นั้นคือพระคริสต์และพระคริสต์เพียงผู้เดียว; เนื้อหาของคริสตจักรนั้นไม่ใช่สิ่งอื่นใดเลย แต่เป็นพระคริสต์ผู้ครอบคลุมสรรพสิ่งและแผ่ขยายไร้จำกัดเท่านั้น — 1:15–18; 2:9–10.
2. ในฐานะชีวิตของเราและส่วนแห่งการก่อรูปของคนใหม่คนเดียว พระคริสต์ผู้ครอบคลุมสรรพสิ่งและแผ่ขยายไร้จำกัดทรงมาแทนที่วัฒนธรรมของเราด้วยตัวของพระองค์เอง — 3:11.
3. ผลลัพธ์ของการรับสุขพระคริสต์เป็นส่วนของเรานั้นก็คือเราจะประสบการณ์พระองค์ทรงเป็นเนื้อหาและส่วนแห่งการก่อรูปของคนใหม่คนเดียว และท้ายที่สุดพระคริสต์ที่เราได้รับสุขผู้นี้ก็จะกลายเป็นส่วนแห่งการก่อรูปของคนใหม่ — 1:12; 3:11.
4. ตาม กซ.3:11 ในคนใหม่นั้น วัฒนธรรมต่างๆ ที่แตกต่างกันไม่อาจดำรงอยู่ต่อไปได้:
(1) ในคนใหม่คนเดียวไม่มีความแตกต่างทางวัฒนธรรม เพราะทุกส่วนของคนใหม่ล้วนถูกก่อรูปด้วยพระคริสต์ — ข้อ 11.
(2) ในคริสตจักรซึ่งเป็นคนใหม่นั้นไม่มีฐานะสำหรับความแตกต่างทางภูมิภาค, วัฒนธรรม, หรือประเทศชาติ และไม่มีพื้นที่สำหรับสถานะทางเผ่าพันธุ์, เชื้อชาติ, วัฒนธรรม, หรือสังคม.
5. เนื่องจากพระคริสต์ทรงเป็นส่วนแห่งการก่อรูปเพียงหนึ่งเดียวของคนใหม่ ดังนั้นจึงไม่ควรมีความแตกต่างใดๆ ท่ามกลางผู้เชื่อทั้งหลายที่เป็นส่วนหนึ่งของคนใหม่นี้ และไม่ควรมีความแตกต่างใดๆ ท่ามกลางคริสตจักรทั้งหลาย — 1กธ.4:17; วว.1:12, 20; 22:16.
IV. ในฐานะส่วนแห่งการก่อรูปของคนใหม่ พระคริสต์ทรงเป็นสารพัดและดำรงอยู่ในสารพัด; พระคริสต์ทรงเป็นทุกๆ อวัยวะ และพระองค์ทรงอยู่ในทุกๆ อวัยวะ — กซ.3:11:
1. ในคริสตจักรซึ่งเป็นคนใหม่นั้น พระคริสต์ทรงเป็นทุกคนและพระองค์ก็อยู่ในทุกคนด้วย — 1:27; 3:11.
2. ด้านหนึ่ง ในคนใหม่นี้ไม่ฐานะสำหรับตัวตนทางธรรมชาติ เพราะพระคริสต์ทรงเป็นทุกๆ อวัยวะ.
3. อีกด้านหนึ่ง พระคริสต์ทรงดำรงอยู่ในสารพัด ข้อเท็จจริงนี้บ่งชี้ว่าอวัยวะทั้งหลายยังคงดำรงอยู่ต่อไปในฐานะผู้ที่มีพระคริสต์อาศัยอยู่ภายใน ไม่ใช่ผู้ที่ปราศจากพระคริสต์ — 1:27.
4. เมื่อเรายึดพระคริสต์เป็นชีวิตและการก่อรูปของเรา เราก็มีความรู้สึกในส่วนลึกภายในว่าเราเป็นหนึ่งกับพระคริสต์และพระคริสต์ก็คือพวกเรา และในเวลาเดียวกัน เราจะมีความรู้สึกที่ลึกซึ้งกว่าว่าพระคริสต์ทรงอยู่ในเรา — 3:4.
5. ในคริสตจักรซึ่งเป็นคนใหม่นั้น พระคริสต์ทรงเป็นทุกสิ่ง; กรณีนี้บ่งชี้เป็นนัยว่าผู้เชื่อทุกคนจะต้องถูกก่อรูปด้วยพระคริสต์ — 1:15–18; 2:16–17; 3:4, 10–11:
(1) เราต้องถูกแผ่ซ่านด้วยพระคริสต์, ซาบซ่านด้วยพระคริสต์, และมีพระคริสต์กระทำเข้าสู่ภายในตัวเราอย่างเป็นอินทรียภาพ — ฆต.4:19; อฟ.3:17ก.
(2) ในที่สุด เราจะถูกแทนที่ด้วยพระคริสต์ แล้วจากนั้นพระคริสต์จะทรงเป็นสารพัดและดำรงอยู่ในสารพัดในความเที่ยงแท้; พระองค์จะทรงเป็นทุกส่วนของคนใหม่ — กซ.3:11ข.
6. คนใหม่คือพระคริสต์ที่อยู่ในวิสุทธิชนทุกคนซึ่งได้แผ่ซ่านเราและแทนที่เราจนกระทั่งความแตกต่างทางธรรมชาติทั้งหมดได้ถูกขจัดทิ้งไป และทุกคนล้วนถูกก่อรูปด้วยพระคริสต์ — ฆต.4:19; อฟ.3:17ก; กซ.1:27.
7. เมื่อเรามีนิมิตเกี่ยวกับพระคริสต์ผู้ครอบคลุมสรรพสิ่งและแผ่ขยายไร้จำกัด พร้อมกับได้ประสบการณ์พระคริสต์อย่างเพียงพอ คนใหม่คนเดียวก็จะปรากฏอยู่ท่ามกลางเราในภาคปฏิบัติที่เป็นจริง และเราก็จะแปรสภาพการดำเนินชีวิตของคนใหม่ให้เป็นจริง — 3:10–17; ฟม.10–16.
8. ถ้าพระคริสต์ทรงเป็นการดำเนินชีวิตของวิสุทธิชนทุกคน ในคนใหม่ก็จะมีเพียงพระคริสต์เท่านั้น และวิสุทธิชนทุกคนก็จะดำเนินชีวิตพระคริสต์ไม่ว่าเขาจะมีเชื้อชาติใดก็ตาม; จากนั้นพระคริสต์ก็จะกลายเป็นอวัยวะทั้งหมดของคนใหม่ในความจริงแท้และในภาคปฏิบัติที่เป็นจริง — กซ.3:11; ฟป.1:21ก.
V. กรุงเยรูซาเล็มใหม่จะเป็นการสำเร็จสุดยอดในขั้นสุดท้ายของคนใหม่คนเดียว — อฟ.2:15–16; 4:24; กซ.3:10–11; วว.21:2, 9–10:
1. เมื่อเรากลายเป็นกรุงเยรูซาเล็มใหม่ เราก็จะรับสุขการดำเนินชีวิตของคนใหม่คนเดียวแห่งจักรวาล.
2. วันนี้เราสามารถลิ้มรสการรับสุขนี้ล่วงหน้าโดยการยอมให้พระคริสต์ผู้ครอบคลุมสรรพสิ่งและแผ่ขยายไร้จำกัดมาแทนที่วัฒนธรรมของเรา, ก่อรูปเราด้วยตัวของพระองค์เอง, และกระทำให้เราทุกคนเป็นส่วนของคนใหม่คนเดียวในความจริงแท้และในภาคปฏิบัติที่เป็นจริง — กซ.1:27; 2:10; 3:4, 10–11.