I. แนวคิดศูนย์กลางของพระคัมภีร์คือพระเจ้าทรงปรารถนาให้เราดำเนินชีวิตพระคริสต์เพื่อคริสตจักรซึ่งเป็นพระกายของพระคริสต์, คนใหม่คนเดียว — ฟป.1:21ก; อฟ.2:15–16:
1. จุดมุ่งหมายของพระเจ้าประสงค์ให้เรากลายเป็นผู้ที่ถูกซาบซ่าน, แผ่ซ่าน, เติมเต็ม, และสวมใส่พระคริสต์ เพื่อเราจะดำเนินชีวิตพระคริสต์ — 3:17ก; ฆต.2:20; 3:27; 4:19.
2. การดำเนินชีวิตคริสเตียนคือการดำเนินชีวิตที่ผู้เชื่อของพระคริสต์ดำเนินชีวิตพระคริสต์และสำแดงพระองค์ใหญ่ขึ้น — ฟป.1:20–21ก.
3. การดำเนินชีวิตพระคริสต์คือการดำเนินชีวิตออกซึ่งตัวตนหนึ่ง ซึ่งก็คือตัวของพระคริสต์เอง — กซ.1:27; รม.8:10:
(1) ถ้าเราอยากจะดำเนินชีวิตพระคริสต์ เราก็ต้องยึดพระองค์เป็นตัวตนของเราและเป็นตัวตนเดียวกันกับพระองค์; พระองค์กับเราต้องเป็นหนึ่งกันในภาคปฏิบัติที่เป็นจริง — 1กธ.6:17.
(2) ถ้าเรามีความสว่างว่าพระคริสต์ทรงมาแทนที่การดำเนินชีวิตประวันของเราอย่างไร เราก็จะสารภาพต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า แทนที่จะดำเนินชีวิตพระองค์ เรากลับดำเนินชีวิตออกซึ่งสิ่งอื่นมากมาย อีกทั้งสารภาพว่าเราดำเนินชีวิตโดยวัฒนธรรมมากกว่าดำเนินชีวิตโดยพระคริสต์ — 1ยฮ.1:7.
4. สาเหตุที่เราไม่ดำเนินชีวิตพระคริสต์ก็เป็นเพราะเราไม่ได้ถูกก่อรูปด้วยพระคริสต์; เราถูกก่อรูปด้วยสิ่งใด เราก็จะดำเนินชีวิตออกซึ่งสิ่งนั้น — กซ.3:4, 10–11; อฟ.3:17ก.
II. เกี่ยวกับเรื่องของพระคริสต์ผู้ครอบคลุมสรรพสิ่งและแผ่ขยายไร้จำกัดทรงเป็นปรปักษ์กับวัฒนธรรมนั้น เราต้องมองเห็นว่าตามการเปิดเผยที่ครบบริบูรณ์ในพระคัมภีร์ จุดมุ่งหมายของพระเจ้าคือการกระทำตัวของพระองค์เองในพระคริสต์เข้าสู่พลไพร่ที่พระองค์ทรงเลือกสรร, ไถ่ไว้, และบังเกิดใหม่ — ฆต.1:15–16; 2:20; 4:19:
1. การงานศูนย์กลาง, การงานหนึ่งเดียวของพระเจ้าในจักรวาลและตลอดทุกยุคทุกสมัยคือการกระทำตัวของพระองค์เองในพระคริสต์เข้าสู่พลไพร่ที่พระองค์ทรงเลือกสรร ทำให้พระองค์เองเป็นหนึ่งกับพวกเขา — อฟ.3:17ก; 1กธ.6:17.
2. จุดมุ่งหมายของพระเจ้าคือการกระทำตัวของพระองค์เองในพระคริสต์เข้าสู่ตัวเราอย่างถี่ถ้วน ทำให้ตัวของพระองค์เองกลายเป็นองค์ประกอบทางภายในของเรา — อฟ.3:11, 16–19.
3. เพื่อการสำเร็จเป็นจริงแห่งแผนการบริหารที่นิรันดร์ของพระเจ้า พระองค์จำต้องก่อสร้างตัวของพระองค์เองในพระคริสต์เข้าสู่ตัวเรา, ก่อสร้างพระองค์เองในพระคริสต์เข้าสู่เรามาเป็นชีวิต, นิสัย, และการก่อรูปของเรา เพื่อทำให้เรากลายเป็นพระเจ้าในชีวิตและนิสัย แต่ไม่มีส่วนในฐานันดรความเป็นพระเจ้า — 2ซมอ.7:12–14ก; รม.1:3–4; อฟ.3:17ก; ยฮ.14:23; กซ.3:10–11:
(1) เราต้องให้พระเจ้าก่อสร้างตัวของพระองค์เองในพระคริสต์เข้าสู่การก่อรูปทางภายในของเรา เพื่อทั้งตัวของเราจะถูกก่อรูปขึ้นใหม่ด้วยพระคริสต์ — อฟ.3:17ก.
(2) พระคริสต์ทรงก่อสร้างคริสตจักรโดยการเสด็จเข้าสู่วิญญาณของเรา และแผ่ขยายตัวของพระองค์เองจากวิญญาณเข้าสู่ความคิด, อารมณ์, และความตั้งใจของเรา เพื่อยึดครองทั่วทั้งจิตของเรา — มธ.16:18; อฟ.3:17ก.
III. ในการกล่าวว่าพระคริสต์ทรงเป็นปรปักษ์กับวัฒนธรรมนั้น เราไม่ได้กล่าวว่าเราควรละทิ้งวัฒนธรรมของเราและดำเนินชีวิตที่ปราศจากวัฒนธรรมใดๆ เลย — กซ.3:10–11:
1. คนเหล่านั้นที่ไม่มีพระคริสต์ย่อมต้องดำเนินชีวิตตามวัฒนธรรมอย่างแน่นอน เพราะวัฒนธรรมปกปักษ์รักษา, กำกับ, และแก้ไขผู้คนให้ดีขึ้น.
2. ก่อนที่จะต้อนรับพระคริสต์ผู้ครอบคลุมสรรพสิ่งและแผ่ขยายไร้จำกัด ทุกคนล้วนจำเป็นต้องมีวัฒนธรรม.
3. หลังจากที่เราได้ต้อนรับพระคริสต์ เราไม่ควรยอมให้วัฒนธรรมมาจำกัดพระคริสต์หรือมาขัดขวางไม่ให้เรามีประสบการณ์และรับสุขพระคริสต์; แต่เราควรเริ่มต้นเรียนรู้ที่จะดำเนินชีวิตตามพระคริสต์ ไม่ใช่ตามวัฒนธรรม — 2:6–7.
4. ในขณะที่เด็กกำลังเจริญเติบโต พวกเขาจำเป็นต้องมีวัฒนธรรมและกฎบัญญัติ — ฆต.3:23–28:
(1) ก่อนที่เด็กจะต้อนรับพระคริสต์ พวกเขาต้องได้รับการฝึกฝนตามวัฒนธรรมและอยู่ภายใต้กฎบัญญัติ — ข้อ 23–24.
(2) หลังจากที่พวกเขาได้ต้อนรับพระคริสต์แล้ว เราสามารถค่อยๆ ช่วยเหลือพวกเขาให้หันออกจากวัฒนธรรมมาสู่พระคริสต์ — ยฮ.1:12–13; 6:57.
IV. ในเมื่อเราได้ต้อนรับพระคริสต์แล้ว เราจึงไม่ควรยอมให้วัฒนธรรมมาแทนที่พระคริสต์ — กซ.2:6; 3:10–11:
1. วัฒนธรรมทุกรูปแบบล้วนเป็นปรปักษ์กับพระคริสต์ และพระคริสต์ทรงเป็นปรปักษ์กับวัฒนธรรมทุกรูปแบบ — ข้อ 11:
(1) วัฒนธรรมทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมรูปแบบใดล้วนเป็นปรปักษ์กับพระคริสต์ทั้งสิ้น.
(2) นอกเหนือจากพระคริสต์แล้ว ทุกสิ่งที่เรามีและผลผลิตกับการพัฒนาของมนุษย์ทุกอย่างล้วนเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม.
2. ปัจจัยที่จำกัดการขยายใหญ่ขึ้นของการรับสุขที่มีต่อพระคริสต์คือวัฒนธรรม; วัฒนธรรมที่อยู่ภายในเราทำให้เราไม่สามารถมีประสบการณ์ที่แท้จริงต่อพระคริสต์ได้โดยปกติวิสัย — ฟป.3:3–9.
3. เนื่องวัฒนธรรมของเราขัดขวางไม่ให้เรามีประสบการณ์ต่อพระคริสต์, รับสุขพระคริสต์, และดำเนินชีวิตพระคริสต์ เราจึงมีภาระที่หนักอึ้งจากองค์พระผู้เป็นเจ้าที่จะต้องทำให้วิสุทธิชนทุกคนในการฟื้นฟูขององค์พระผู้เป็นเจ้าเรียนรู้ในภาคปฏิบัติที่เป็นจริงว่าจะยึดพระคริสต์เป็นชีวิตและตัวตนของพวกเขาอย่างไร เพื่อมาแทนที่วัฒนธรรมของพวกเขา — อฟ.3:17ก; กซ.3:4.
4. ในพระคริสต์เรามีเสรีภาพที่จะทิ้งวัฒนธรรมของเราไว้ข้างหนึ่ง เพื่อจะขยายศักยภาพของเราในการรับสุของค์พระผู้เป็นเจ้า; ทุกพื้นที่ในตัวเราต้องถูกมอบให้กับพระคริสต์.
5. ถ้าศักยภาพทางภายในทั้งหมดของเรามีที่ว่างให้กับพระคริสต์ วัฒนธรรมที่อยู่ภายในเราก็จะถูกแทนที่ด้วยพระคริสต์ผู้อาศัยอยู่ในเราโดยปกติวิสัย — 1:27; 3:11.
V. เราต้องมองเห็นนิมิตแห่งความครอบคลุมสรรพสิ่งและการแผ่ขยายไร้จำกัดของพระคริสต์ นี่เป็นเรื่องที่สำคัญมาก; เราอย่าได้เพียรพยายามละทิ้งวัฒนธรรมของเราโดยปราศจากนิมิตของพระคริสต์เช่นนี้ — กจ.26:19; อฟ.1:17–23.
1. พระคริสต์ผู้อาศัยอยู่ในเราไม่ใช่พระคริสต์ที่เล็กและจำกัด; พระองค์ทรงเป็นผู้ที่มีพระฉายาของพระเจ้าผู้ไม่ประจักษ์แก่ตา, เป็นการแปรสภาพเป็นรูปธรรรมแห่งความบริบูรณ์ของพระเจ้า, และเป็นจุดศูนย์รวมแห่งแผนการบริหารของพระเจ้า — กซ.1:15, 18; 2:2, 9–10:
(1) บัดนี้พระคริสต์ผู้นี้ทรงอาศัยอยู่ในเราและทรงเฝ้ารอโอกาสที่จะแผ่ขยายตัวของพระองค์เองไปทั่วทั้งตัวของเรา — 1:27.
(2) พระคริสต์ผู้นี้ควรจะเป็นทุกสิ่งในการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา และเราควรดำเนินชีวิตพระองค์ โดยไม่มอบฐานะใดๆ ให้กับวัฒนธรรมในการดำเนินชีวิตของเรา — ฟป.1:21ก; กซ.3:11.
2. ทันทีที่เรามองเห็นนิมิตของพระคริสต์ผู้ครอบคลุมสรรพสิ่งและแผ่ขยายไร้จำกัด เราก็ควรจะเริ่มต้นทิ้งเบื้องหลังทางวัฒนธรรมของเราไว้ข้างหนึ่ง และอย่ายอมให้สิ่งนี้มาแทนที่พระคริสต์หรือจำกัดพระองค์ — กจ.9:4–5; 26:19; ฟป.3:7–10:
(1) เราไม่ควรมอบฐานะใดๆ ในการดำเนินชีวิตของเราให้แก่วัฒนธรรม.
(2) แต่ทุกพื้นที่ภายในเราควรจะถูกมอบให้แก่พระคริสต์ผู้ครอบคลุมสรรพสิ่งและแผ่ขยายไร้จำกัดซึ่งอาศัยอยู่ในเรา — กซ.1:27.
3. ถ้าเรามองเห็นนิมิตของพระคริสต์ผู้อาศัยอยู่ภายใน, ครอบคลุมสรรพสิ่ง, และแผ่ขยายไร้จำกัดเช่นนี้ เราก็จะละทิ้งวัฒนธรรมของเราโดยปกติวิสัย — 3:10–11:
(1) เดิมทีพระคริสต์ทรงถูกแทนที่ด้วยวัฒนธรรม แต่ทันทีที่เราได้มองเห็นนิมิตนี้ วัฒนธรรมที่อยู่ภายในเราก็จะถูกแทนที่ด้วยพระคริสต์ — ข้อ 11.
(2) แทนที่จะพยายามละทิ้งวัฒนธรรมของเรา เราควรที่จะดำเนินชีวิตพระคริสต์เท่านั้น และพระคริสต์ก็จะมาแทนที่วัฒนธรรมของเราด้วยตัวของพระองค์เอง — ฟป.1:21ก.
4. เมื่อเราดำเนินชีวิตพระคริสต์ เราก็จะถูกช่วยให้หลุดพ้นจากวัฒนธรรมโดยปกติวิสัย และพระคริสต์ที่เราดำเนินชีวิตก็จะมาแทนที่วัฒนธรรมของเราโดยอัตโนมัติ; นี่ก็คือการเปิดเผยที่อยู่ในหนังสือโกโลซาย — 1:15, 18, 27; 2:2, 9–10; 3:4, 10–11.