สภาพปัญหาของผู้เรียนและการจัดการเรียนรู้
จากประสบการณ์การเรียนการสอน และจากการได้ร่วมแลกเปลี่ยนสะท้อนปัญหาการเรียนการสอนจากเพื่อนครูในกระบวนการ PLC ของระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 พบว่า ข้อบกพร่องของการจัดการเรียนการสอนหนึ่ง คือ วิธีการสอนของครูที่ส่วนมากเป็นการบรรยาย และครูเป็นผู้ป้อนข้อมูล ทำให้นักเรียนขาดความกระตือรือร้นในการเรียน และได้รับการพัฒนาทักษะการเชื่อมโยง การคิดวิเคราะห์ ได้น้อย นักเรียนนำความรู้มาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้น้อย ซึ่งเนื้อหาสาระการเรียนรู้ในวิชาสังคม มีสาระการเรียนรู้ที่ค่อนข้างมากและหลากหลาย โดยเฉพาะในสาระภูมิศาสตร์ บางครั้งนักเรียนไม่เข้าใจและไม่สามารถเชื่อมโยง คิดวิเคราะห์ ที่นำมาสู่การปรับใช้ในวิถีประจำวัน รวมถึงเข้าใจในสภาพของความแตกต่างของภูมิศาสตร์ที่มีผลต่อวิถีชีวิตของประชากรในแต่ละพื้นที่ที่มีความแตกต่างกัน
ดังนั้น ในฐานครูผู้สอนจึงเป็นความท้าทายในการริเริ่มปรับเปลี่ยนกระบวนการสอนของตัวเองเพื่อพัฒนาการจัดการเรียนการสอน พัฒนาการเรียนรู้และทักษะของนักเรียน และโดยการบริหารงานของผู้อำนวยการที่ส่งเสริมให้ครูพัฒนาตนเองโดยการอบรมและศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมถึง กระบวนการเรียนการสอนที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนทั้งด้านความรู้และทักษะที่เหมาะสมกับนักเรียนที่นี่
ซึ่งในแผนการจัดการเรียนรู้เรื่องภัยพิบัติดินโคลนถล่มนี้ ข้าพเจ้าเลือกใช้กระบวนการสอน GPas 5 step ร่วมกับศูนย์การเรียน ซึ่งมี 5 ขั้นตอน โดยในกระบวนเรียนการสอน ส่งเสริมให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมายการเรียนรู้ด้วยกันจากการให้นักเรียนได้สังเกตสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่จะเรียน และให้นักเรียนได้ค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเองจากเดิมที่ส่วนมากครูจะเป็นผู้บรรยาย หรืออธิบายให้นักเรียนฟังและทำใบงานทบทวนความเข้าใจ ทำให้นักเรียนขาดความกระตือรือร้นในการเรียน และในขั้นตอนของการแสวงหาความรู้ ข้าพเจ้าได้ใช้รูปแบบการแสวงหาความรู้จากศูนย์การเรียนเพิ่มเข้ามา เพื่อให้นักเรียนมีความตื่นเต้นและกระตือรือร้นในการค้นคว้ามากขึ้น นอกจากใช้หนังสือเรียน ให้ผู้เรียนมีบทบาทในการค้นคว้ามากกว่าฟังจากครู เสริมสร้างให้คิดวิเคราะห์ ด้วยนำความรู้ที่ได้มาแลกเปลี่ยนกับเพื่อนเพื่อสรุปความรู้ผ่านการทำงานกลุ่ม และวางแผนงานร่วมกันและการนำเสนอผลงาน โดยที่ครูเป็นผู้เสนอแนะเท่านั้น ให้นักเรียนได้สะท้อนผลจากการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงกับวิถีชีวิตของตนเอง การนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน โดยการใช้คำถาม
เสริมสร้างการมีจิตสาธารณะแก่นักเรียน โดยการขยายผลการเรียนรู้ต่อผู้อื่นเริ่มจากบุคคลใกล้ตัว เพื่อให้นักเรียนเกิดความรู้ที่คงทน ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ นี้ อีกทั้งนักเรียนอยู่ใน ภูมิประเทศที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดภัยพิบัติดินโคลนถล่ม รวมถึงพื้นที่ใกล้เคียง ที่นักเรียนหรือผู้ปกครองมีโอกาสประสบพบเจอ ในการไปทำไร่ตามพื้นที่ต่าง ๆ ให้นักเรียนได้รู้จักวิธีและแนวทางการเอาตัวรอดได้ เมื่อมีภัยพิบัติ และเป็นการเสริมสร้างความตระหนักรู้ให้นักเรียนว่า มนุษย์มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงทรัพยากรธรรมชาติ และนักเรียนเองในอนาคตที่จะเติบโตเป็นพลเมืองของสังคม จะมีส่วนรับผิดชอบและมีแนวทางการดูแลทรัพยากรธรรมชาติ ในรูปแบบใด เมื่อนักเรียนเรียนรู้จบหน่วย ภัยพิบัติธรรมชาติในประเทศไทย