หลายคนอยากลองเปลี่ยนสีผม แต่ยังไม่แน่ใจว่าผมสีไหนจะเหมาะกับเรา ทำแล้วผมจะแห้งเสียไหม
MAYSA SALON จึงได้รวบรวมเอาข้อมูลที่คุณควรรู้ ก่อนที่คุณจะตัดสินใจทำสีผมมาฝากกันค่ะ
ก่อนการทำสีผม การเลือกโทนสีที่เหมาะสม
เพื่อผลลัพธ์ที่ดี คุณควรรู้จักเลือกสีผมที่เข้ากันกับโทนสีผิวของคุณ สำหรับสาวผิวขาวจัด เหมาะกับสีโทนน้ำตาลทอง น้ำตาลอมส้ม น้ำตาลแดง หรือมะฮอกกานี สาวผิวขาวเหลือง สีผมที่เหมาะ คือ สีโทนน้ำตาลเข้ม หรือสีโทนประกายม่วง ประกายแดงทั้งหลาย สาวผิวสองสี จะเหมาะกับ โทนสีน้ำตาลอ่อน หรือน้ำตาลประกายทอง ส่วนสาวผิวเข้ม จะเหมาะที่สุดกับ โทนสีน้ำตาลช็อกโกแลต
การเริ่มต้นวางแผนทำสีผมมักเริ่มจากการหาแรงบันดาลใจ ดูตัวอย่างสีผมที่เราเลิฟจากอินเทอร์เน็ต โซเชียลมีเดีย แล้วนำไปให้ช่างทำผม ซึ่งการเลือกสีที่ดีและเหมาะสมควรพิจารณาจากสีผิวของเรา ซึ่งโทนผิวของแต่ละคนก็จะมีความแตกต่างกันไป ยกตัวอย่าง
✔️สาวๆ ที่มีผิวสดใสขาวอมชมพู เหมาะกับผมโทนสว่างๆ อย่างสีบลอนด์ทอง น้ำตาลอ่อน น้ำตาลหม่น หรือโทนเทาไปในทางสว่าง
✔️ส่วนสาวๆ ผิวสองสีขาวเหลือง เหมาะกับผมสีน้ำตาลกาแฟ โทนมอคค่า ออกแนวน้ำตาลเข้ม หรือผมสีน้ำตาลแดง หากอยากได้สว่างก็จะเป็นโทนสีแดงที่ช่วยเพิ่มความโดดเด่น
✔️และสาวๆ ที่มีผิวสีน้ำผึ้ง เหมาะกับสีน้ำตาลคาราเมล น้ำตาลทอง น้ำตาลอ่อน หรือน้ำตาลประกายทองก็ได้ ซึ่งถ้าเลือกได้ถูกโทนสีก็จะช่วยขับผิวให้ดูมีออร่า ทำหน้าหน้าสว่างสดใสมากขึ้นไปอีก
นอกจากนี้ ถ้าเราเป็นคนที่พื้นสีผมเดิมตามธรรมชาติเข้มมากๆ แต่อยากย้อมผมโทนสีสว่าง เช่น สีแดง สีชมพู สีเทา ก็ควรรู้ว่า เราจำเป็นต้องฟอกสีผมก่อน ซึ่งบางคนอาจต้องฟอกหลายรอบเพื่อเปลี่ยนโครงสร้างเม็ดสีเดิมของเส้นผม ฉะนั้นก่อนย้อมผม จึงควรเช็กสภาพเส้นผมของตัวเองว่ามีความพร้อมและแข็งแรงมากพอรับมือกับการฟอกสีหรือไม่
เราแต่งตัวสไตล์ไหน บุคลิก หรือหน้าที่การงานของเราเป็นอย่างไร ไปจนถึงความถี่ในการเข้าร้านทำผม เพราะบางโทนสี โดยเฉพาะสีอ่อน เช่น บลอนด์ ส้ม เทา จะค่อนข้างตัดกับผมสีเข้มของสาวไทยอย่างเรา เมื่อผมที่งอกขึ้นมาใหม่ บริเวณโคนจะเป็นสีเข้ม ทำให้เห็นความต่างชัดเจน เราอาจต้องเติมโคนบ่อยไปด้วย ดังนั้น สำหรับบางคนที่ไม่ค่อยมีเวลาเข้าร้านทำผม หรือไม่ได้ทำสีผมเป็นประจำ อาจต้องลองตัดสินใจด้วยว่า การทำผมสีนี้จะเหมาะกับเราแค่ไหน หรือสาวๆ อาจเลือกโทนสีและเทคนิคในการทำสีที่ช่วยให้โคนผมสีเข้มและอ่อนดูกลมกลืนไปด้วยกัน แบบไม่ต้องเติมโคนบ่อยก็ได้เช่นกันค่ะ
การทำสีผมจะทำให้ผมแห้งเสียไม่เหมือนเดิม ยิ่งหากคุณฟอกสีผมด้วยแล้วล่ะก็ ยิ่งต้องทำใจไว้เลยว่าสุขภาพผมจะแย่ลงกว่าเดิม ดังนั้น เมื่อตัดสินใจทำสีผมแล้ว ควรบำรุงผมให้มากขึ้นกว่าเดิม โดยอาจทำทรีตเม้นท์หมักผมบ่อยๆ และหลังสระผมก็ให้ใช้ซีรั่มหรือน้ำมันบำรุงผมให้นุ่มชุ่มชื้นไม่แห้งชี้ฟู
ทำสีผมแล้วอาจจะไม่ได้สีโทนที่เราต้องการ สีผมจะสวยอย่างในแบบที่เราเห็นจากต้นฉบับในเว็บหรือแม้แต่ข้างกล่องผลิตภัณฑ์หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับพื้นสีผมธรรมชาติของเรา รวมถึงลักษณะเส้นผมของเราด้วย ถึงแม้เราจะเลือกสีเดียวกับในแบบที่เราดูมาให้ทำ แต่ถ้าสีผมธรรมชาติเราเข้มหรืออ่อนเกินไป สีที่ได้หลังการทำก็จะแตกต่างกัน หากไม่มั่นใจ แนะนำว่าให้ปรึกษาช่างทำสีผมจะแนะนำเฉดสีหรือมีวิธีการทำสีผมให้ใกล้เคียงกับที่เราต้องการมากที่สุดค่ะ
การทำสีผมนั้นต้องใช้เวลา | TIME
การทำสีผมนั้นต้องใช้เวลา หากใครไม่เคยทำสีผมมาก่อน อาจไม่รู้ว่า การย้อมผมเพื่อให้ได้เฉดสีตามที่ต้องการ โดยเฉพาะโทนสีอ่อน หรือสีสดใสอย่างแดง ส้ม ชมพู อาจมีหลายขั้นตอน และต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรทีเดียว บางครั้งอาจต้องกัดสีผมก่อนที่จะลงสี และอาจจะต้องบำรุงผมขณะทำทุกขั้น ขึ้นอยู่กับเทคนิคของช่างทำสีผมด้วย ดังนั้น ถ้าจะเข้าร้านทำผม ควรเผื่อเวลาไว้อย่างน้อยสักครึ่งวัน ก็จะดีค่ะ
4 ข้อ หลังการทำสีผม ควรรู้วิธีป้องกัน !!
1.เส้นผมก็ต้องการกันแดดและป้องกันความร้อนเหมือนผิว
ความร้อนมีส่วนทำให้สีผมซีดหรือเฟดลงได้อย่างรวดเร็ว เช่นกัน ไม่ว่าจะไดร์เป่าผม เครื่องหนีบหรือม้วนผม หรือแม้แต่การตากแดดนานๆ ดังนั้น ในระหว่างวัน สาวๆ ควรจะปกป้องเส้นผมจากแสงแดด ด้วยการสวมหมวกหรือร่ม และเมื่อต้องใช้อุปกรณ์ทำผมแบบที่ใช้ความร้อน ก็ควรใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผม เพื่อปกป้องเส้นผมจากความร้อน และทำให้สีผมไม่เฟดเร็ว
3.อย่าทำสีประเภทฟอกเมื่อเพิ่งดัดผมหรือยืด
แม้ว่าคุณจะไม่เคยทำสีผมมาก่อน แต่หากคุณเคยดัดผมมาเมื่อไม่นานมานี้ ก็ไม่ควรจะตัดสินใจทำสีฟอกผมโดยทันที ยิ่งหากจะทำผมสีอ่อนยิ่งไม่ควรเข้าไปใหญ่ เพราะอาจต้องใช้น้ำยาฟอกสีผมหรือใช้ระยะเวลานานกว่าเดิม ทำให้เส้นผมที่อ่อนแอจากการดัดครั้งก่อน ยิ่งถูกทำร้ายและทำให้ผมเสียมากขึ้นไปอีก
ส่วนทำสีโทนน้ำตาลธรรมชาติ(แบบที่ไม่ได้ฟอก) สามารถทำพร้อมกันกับการดัดหรือยืดได้ นั่นก็ขึ้นอยู่กับสภาพผมของคุณ ว่าสภาพผมพร้อมหรือไม่ ควรปรึกษาช่างให้เช็คดูสภาพผมก่อน เพื่อให้สภาพผมของคุณเสียหายให้น้อยที่สุด
4.หลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์จัดแต่งทรงผมด้วยความร้อน
ดังที่รู้กันดีว่าความร้อนเป็นศัตรูตัวร้ายของเส้นผม เป็นสาเหตุของผมอ่อนแอ แห้งเสีย ชี้ฟู และไร้น้ำหนักแล้วยิ่งผมต้องไปเจอกับสารเคมีต่างๆ ในการทำสีผม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากต้องฟอกสีผม น้ำยาฟอกสีจะทำปฏิกิริยาดึงความชุ่มชื้นออกจากเส้นผม ก็จะยิ่งทำให้ผมเสียมากขึ้นไปอีก ควรหลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์จัดแต่งทรงผมด้วยความร้อนทุกประเภทไปก่อนทั้งเครื่องหนีบผมเครื่องม้วนผม แล้วปล่อยให้เส้นผมอยู่ในสภาพที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด เพื่อให้โครงสร้างของเส้นผมมีสภาพที่ดี แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้ ก็พยายามใช้ให้น้อยลง และบำรุงผมทดแทน
อย่าลืมทำทรีตเม้นท์ ต้องทำใจไว้ก่อนกว่า หลังทำสีผมของเราจะอ่อนแอลง อาจจะไม่ถึงกับแห้งเสีย แต่ขาดความเงางามลงไปบ้าง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ
ดังนั้นหลังทำสีผมเราจึงต้องให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพผมเป็นอย่างมาก แนะนำว่า ควรทำทรีทเม้นท์ผมอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะทำเองง่ายๆ ที่บ้านก็ได้ หรืออาจจะทำทรีทเม้นท์ที่ร้านซาลอนบ้างเดือนละ 1-2 ครั้ง นอกจากนั้นแล้ว สาวๆ ผมยาว อาจต้องใส่ใจในการดูแลปลายผมมากขึ้นด้วย เพราะเป็นส่วนที่จะแห้งเสียและมีโอกาสแตกปลายได้มากกว่าปกติ
โดยผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมสูตรที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นได้ดีสำหรับผมทำสีคือสูตรส่วนผสมที่เข้มข้น ซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุง ลดการซีดจางของเม็ดสี รวมถึงผลิตภัณฑ์บางแบรนด์ยังมีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถเคลือบเส้นผม ช่วยปิดเกล็ดผมไม่ให้เม็ดสีหลุดร่อนออกมาได้ง่ายอีกด้วย นอกจากนี้ ควรเลือกใช้แชมพูสูตรปราศจากซัลเฟตจะช่วยรักษาสีผมให้สวยสดใสได้ยาวนาน รวมถึงเลือกใช้ทรีทเม้นท์ที่ดีต่อสุขภาพของเส้นผมทำสี และหากรู้สึกว่าหลังทำสีแล้วผมแห้งมากกว่าเดิม และเริ่มชี้ฟู ก็ควรใช้มาสก์บำรุงผมชนิดเข้มข้นสำหรับผมทำสีโดยเฉพาะ เพิ่มเติมอีกสัปดาห์ละครั้ง เพื่อการบำรุงที่ล้ำลึกยิ่งขึ้น ปรับสภาพผมแห้งเสีย คืนความชุ่มชื้นให้เส้นผมกลับมามีสุขภาพดีได้อย่างรวดเร็ว
เคล็ดไม่ลับอย่างหนึ่งคือ ปรับเปลี่ยนสีคิ้วตามสีผม สีผมก็ทำให้สีผิวบนใบหน้าเปลี่ยนได้ด้วย หากคุณย้อมผมสีเข้ม ใบหน้าของคุณจะสว่างสดใสขึ้นกว่าที่เคย แต่หากคุณทำผมสีอ่อนหรือสีอะไรที่ต่างไปจากสีคิ้วธรรมชาติมาก อาจจะทำให้เกิดความแตกต่างที่ชัดเจน แนะนำว่า ควรจะหามาสคาร่าคิ้วสีที่ใกล้เคียงกับสีผมมาปัดด้วย เพื่อทำให้ดูกลมกลืนกันมากขึ้นค่ะ