การต่อผมในตอนนี้มีหลายเทคนิคให้เลือกเลยค่ะ ในแต่ละแบบก็มีการใช้วัสดุในการต่อผม ขั้นตอนการต่อผม รวมถึงราคาต่อผมที่แตกต่างกัน
การต่อผมเคราติน เป็นการต่อผมที่ใช้เคราตินเป็นตัวยึดระหว่างผมจริงกับผมต่อ ซึ่งเทคนิคของทางร้านมีชื่อว่า “การต่อผมเคราติน” ทำให้เหมาะกับสภาพเส้นผมและการใช้ชีวิตประจำวัน หลังจากการต่อผมสามารถดูแลง่าย สระผมเองลดโอกาสพันกัน ไม่เป็นแหล่งสะสมของสิ่งสกปรก โดยทางร้านเลือกใช้เคราตินแท้นำเข้าจากต่างประเทศ เกรดเดียวกับร้านต่อผมร้านใหญ่ๆ ซึ่งมีคุณสมบัติเหนียวจับตัวกันได้ดี มีน้ำหนักเบา โดยทางร้านใช้เคราตินไม่ผสมกาวไม่ทำให้ผมขาดหลุดร่วง มีอายุการใช้งานคงทน
การต่อผมเคราติน เป็นเทคนิคเฉพาะของทางร้าน ทำให้ต่อผมออกมาเนียนเป็นธรรมชาติ ไม่เจ็บไม่รั้งหนังศีรษะไม่ว่าจะเป็นขณะใช้ชีวิตประจำวัน หรือการนอนสบาย สามารถรวบผมได้ไม่เห็นปม ไม่มีส่วนผสมของโลหะทำให้สามารถผ่านเครื่องสแกนได้ ข้อแนะนำของการต่อเคราตินที่สำคัญคือ ตรงปมเคราตินไม่ควรโดนความร้อนสูงๆเช่นเครื่องหนีบหรือเครื่องม้วนผมเพราะเคราตินสามารถละลายได้ ซึ่งอาจทำให้ผมต่อหลุดง่าย ไม่คงทนเท่าที่ควร
การต่อผมแบบเคราตินจะมีขั้นตอนเหมือนกับการต่อผมแบบกาวค่ะ ต่างกันแค่ใช้วัสดุต่างกันเท่านั้น ซึ่งการต่อผมแบบเคราตินจะใช้เคราตินในการต่อผม ซึ่งเคราตินมีคุณสมบัติที่ให้ความคงทนกว่ากาว มีน้ำหนักเบากว่า และยังทนต่อความร้อนได้ดี ลดปัญหาเส้นผมพันทำให้ผมเสียเมื่อตัวเชื่อมละลายนั่นเอง แถมยังสามารถถอดออกง่ายโดยไม่ทำให้เส้นผมจริงเสียหายหนักด้วยค่ะ
การต่อผมเทคนิคขนนก ออกแบบมาเหมาะกับลูกค้าที่มีปัญหาเรื่องหนังศีรษะ การต่อผมขนนกจะช่วยปกปิดปัญหาหนังศีรษะได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับลูกค้าที่ผมบางจนเห็นหนังศีรษะ สามารถขยับปมได้โดยไม่เสียความยาว เหมาะกับใครที่ไม่อยากโดนตัดความยาวเวลามาขยับผม ซึ่งขนนกของทางร้านต่างจากที่อื่นตรงที่ปมของขนนกเล็ก ต่อเนียนเสมือนผมจริงของลูกค้า การต่อแบบขนนกจะสามารถโดนความร้อนหรือหนีบโดนปมได้ เหมาะกับสาวๆ ที่ชื่นชอบในการลอนผม เซ็ตผมทรงต่างๆ
การต่อผมแบบนาโนริงจะคล้ายกับการต่อผมแบบไมโครริง แต่ใช้วัสดุวงแหวนที่มีขนาดเล็กกว่าไมโครริงมาก ๆ ค่ะ ให้งานละเอียดมากกว่า สบายหนังหัวกว่าแต่ข้อจำกัดคือการต่อผมด้วยนาโนริงจะใช้ผมต่อช่อเล็กมาก ๆ ถึงแม้ว่าจะทำให้ดูงานละเอียดแต่ก็แลกมากับการหลุดร่วงง่ายค่ะ
วิธีต่อผมแบบกิ๊บเป็นวิธีต่อผมที่ทำได้ง่ายที่สุด สะดวกที่สุด ราคาต่อผมก็ค่อนข้างเบาด้วยค่ะ โดยการต่อผมด้วยกิ๊บจะใช้กิ๊บเป็นตัวเชื่อมระหว่างช่อผมที่ต่อกับเส้นผมของเราจริง ๆ ที่นำมารวมกันให้เป็นช่อ ซึ่งหากใครที่มีความสามารถหน่อยก็อาจสามารถซื้ออุปกรณ์มาต่อผมตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งร้านทำผมเลยก็ได้ และยังสามารถถอดออกได้ง่ายอีกด้วย แต่ข้อจำกัดของการต่อผมแบบกิ๊บคืออาจมองเห็นรอยต่อจากผมต่อได้ง่ายค่ะ
จะเห็นได้ว่าแค่การต่อผมก็มีหลายเทคนิคให้เลือก ทำให้หลายคนที่สนใจอาจเกิดคำถามขึ้นว่าจะต่อผมแบบไหนดีที่สุด? ซึ่งคำตอบที่ MAYSA ตอบได้คือให้ลองพิจารณาจากงบที่มีหรือความสะดวกของแต่ละคนได้เลยค่ะ
แต่จะให้แนะนำจริง ๆ ว่าการต่อผมแบบไหนดีสุด MAYSA ก็คงจะแนะนำการต่อผมแบบขนนกกับแบบเคราตินค่ะ
เพราะในตอนนี้การต่อผมแบบเคราตินได้รับความนิยมสูง ให้ผมที่ต่อดูเป็นธรรมชาติ งบประมาณเข้าถึงง่ายโดยได้คุณภาพที่ดีไม่แพ้เทคนิคอื่น
และไม่ใช่ประเภทโลหะ จึงช่วยลดความเสียดสีของโลหะที่อาจจะเกิดการขาดได้ อีกทั้งยังให้ความคงทนที่ดีระดับหนึ่งและช่วยให้ผมหนาขึ้นอีกด้วยค่ะ
ส่วนแบบขนนกจะดีกว่าเคราติน ทั้งเรื่องไม่ต้องปั่นปมขึ้นมาใหม่ทุกครั้งที่อยากจะขยับช่อ ไม่เสียความยาว สามารถขยับปม ถอดออกต่อใหม่เลยในทันที นำ้หนักเบามากกว่า สบายศีรษะ ถนอนผมจริง ผมจริงไม่ขาด วัสดุการต่อ ไร้โลหะ ปมเล็ก กว่าเมล็ดเขียว และทนความร้อนได้ดี
ก่อนจะไปจองคิวเพื่อต่อผม ลองมาดูข้อดีข้อเสียของการต่อผมก่อนกันก่อนค่ะว่ามันเหมาะกับเราจริง ๆ หรือไม่ คุ้มไหมที่จะทำ
สามารถทำให้ผมของคุณยาวและหนาขึ้นได้ตามที่ต้องการแบบทันที
ช่วยให้ผมดูสวยงามเป็นหนึ่งเดียว ไม่ต้องรอผมยาวตามธรรมชาติ
ผมที่ต่อจะติดกับเส้นผมจริงของเราค่อนข้างนานนับเดือนหรือบางเทคนิคของการต่อผมก็สามารถอยู่ได้ยาวครึ่งปีเลย ไม่ต้องมานั่งถอด ๆ ใส่ ๆ ในทุก ๆ วันค่ะ
บางเทคนิคสามารถทำให้ผมยาวได้เนียนสวยเป็นธรรมชาติ สามารถมัดผมได้เหมือนผมจริง ๆ
เพิ่มความมั่นใจและความสวยงาม สามารถเลือกประเภทสีผมและแบบที่ต้องการได้
ช่วยให้ผมดูเป็นเอกลักษณ์และโดดเด่น สามารถเปลี่ยนสไตล์ได้ง่าย
ดูแลรักษาผมต่อค่อนข้างยากกว่าปกตินิดหน่อย ไม่สามารถหวีสางผมถึงช่วงโคนแบบปกติได้เพราะอาจทำให้ผมที่ต่อไว้ร่วงหลุดออกได้บ้าง
มัดผมแล้วเจ็บหนังหัวง่ายกว่าปกตินิดหน่อย เพราะผมต่อที่ยาวขึ้นและหนาขึ้น ที่ต่อเอาไว้ก็ค่อนข้างดึงรั้งเส้นผมและหนังศีรษะอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อีกทั้งเพราะการต่อผมมักจะทิ้งปมรอยต่อเอาไว้อยู่ไม่มากก็น้อย ทำให้เวลานอนทับอาจรู้สึกเจ็บได้ ก็ขึ้นอยู่การเลือกเทคนิคการต่อผม
ผมแห้งช้ากว่าปกติ เพราะความหนาและความยาวที่เพิ่มขึ้น ปมที่มัดไว้จะแห้งยาก เหมือนเรามัดผมแล้วเป่าผมให้แห้งทั้งอย่างนั้นค่ะ
การต่อผมไม่สามารถทำให้ผมยาวแบบถาวรได้ เมื่อตัวเชื่อมผมจริงกับผมต่อเสื่อมสภาพก็ต้องกลับมาต่อผมใหม่อีกครั้ง
เพิ่มโอกาสทำให้ผมร่วง ผมบางได้ เนื่องจากการต่อผมจะทำให้เส้นผมจริงถูกดึงรั้งและรับน้ำหนักมากเป็นเวลานาน ทำให้รากผมอ่อนแอลง ฉะนั้นควรขยับปมทุกๆ 3-4 เดือน เพื่อเซฟเส้นผมบ้างเส้นที่ยาวช้ากว่าที่ควรไม่ให้ดึงรั้งรากผมจนหลุดร่วงได้ค่ะ
การต่อผม 1 ครั้งสามารถอยู่กับเราได้ยาว 3-5 เดือนขึ้นอยู่กับเทคนิคการต่อผมและการดูแลรักษาของแต่ละคนค่ะ
เมื่อต่อผมแล้วยังสามารถสระผมได้ปกติค่ะ เพียงแต่อาจมีข้อควรระวังในการสระผมเล็กน้อยเพื่อให้ผมต่อไม่หลุดร่วงง่ายและไม่เป็นการทำร้ายเส้นผมและหนังศีรษะไปมากกว่าเดิม เช่น ให้เงยหน้าสระผมแทนการก้มสระผม หลีกเลี่ยงการเกาหนังศีรษะหรือขยี้เการุนแรง เกาศรีษะตามแนวเส้นผมเลี่ยงการพัน ใช้แชมพูและทรีทเม้นท์ได้ปกติ เป่าผมปกติ เลี่ยงความร้อนสูงๆจากเครื่องม้วนเครื่องหนีบที่โคนผม เป็นต้น
หากคุณไปต่อผมมาแล้ว จะมีวิธีดูแลผมหลังต่อผมอย่างไรบ้างเพื่อให้เส้นผมที่ต่ออยู่ไปได้นานและลดความเสียหายต่อเส้นผมและหนังศีรษะจริง มาดูกันเลยค่ะ
1.สระผมอย่างเบามือ
หลังต่อผมจะทำให้เซลล์รากผมอ่อนแอเลงจากการถูกรั้งค่ะ ดังนั้นเวลาสระผมจึงควรสระอย่างเบามือ หลีกเลี่ยงการขยี้เส้นผมหรือเกาหนังศีรษะเพื่อไม่ให้หนังศีรษะถูกทำร้ายไปมากกว่าเดิมและลดโอกาสที่ทำให้ผมพัน ซึ่งอาการผมพันสำหรับผู้ที่ต่อผมนั้นแก้ได้ค่อนข้างยากกว่าผมปกติค่ะ
2. ค่อย ๆ หวีผมทีละช่ออย่างเบามือ
เพราะผมต่อไม่ได้แข็งแรงเช่นเดียวกับผมจริงที่ติดกับหนังศีรษะ และผมจริงที่ถูกต่อผมก็อ่อนแอลงจากการถูกดึงรั้ง ดังนั้นควรจะค่อย ๆ หวีผมลงมาอย่างเบามือที่สุด ไม่หวีจากโคนลากลงมาถึงปลายผมทีเดียวและรุนแรง เพราะจะทำให้ผมที่ต่อเอาไว้ร่วง หรือหากอาการหนักผมจริงก็อาจร่วงติดตามผมที่ต่อมาด้วย
3. ก่อนนอนให้เก็บผมให้เรียบร้อย
เพื่อป้องกันผมพันกัน ก่อนนอนให้มัดผมให้เรียบร้อยก่อนนอนค่ะ หรือโดยอาจจะใช้วิธีถักเปียแบบหลวม ๆ ไว้ค่ะ
การต่อผมเทคนิคเหล่านี้สามารถช่วยให้คุณได้ผมที่ยาวและหนาขึ้นอย่างธรรมชาติ
ดูสวยและน่าสัมผัส โดยไม่ต้องรอให้ผมของตัวเองยาวออกมา
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงลุคในระยะบ้างช่วงเวลาอันสั้นได้