แหล่งเรียนรู้และภาคีเครือข่ายในระดับพื้นที่ตำบลลาดพัฒนา
แหล่งเรียนรู้และภาคีเครือข่ายในระดับพื้นที่ตำบลลาดพัฒนา
แหล่งเรียนรู้ในชุมชน และทุนด้านงบประมาณที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์เพื่อการจัดการศึกษา
ประเภทบุคคล ประเภทสถานที่และองค์กร ประเภททรัพยากรธรรมชาติ ประเภทกิจกรรมทางสังคม-วัฒนธรรมและต้นทุนงบประมาณ
1. แหล่งเรียนรู้ประเภทบุคคล ได้แก่
1.1 นายทองแดง มาสังข์ ด้านการทำลอบ ไซดักปลา
บ้านเลขที่ 78 หมู่ที่ 1 บ้านลาด
1.2 นายสุข เรืองสมบัติ ด้านการทำพานบายศรี
บ้านเลขที่ 52 หมู่ที่ 2 บ้านลาด
1.3 นายทัดทอง ปัญญาคงมั่น ด้านโหราศาสตร์
บ้านเลขที่ 29 หมู่ที่ 5 บ้านท่าเจริญ
1.4 นายหวัน นันตะวงษา ด้านการทำกระติบข้าว
บ้านเลขที่ 68 หมู่ที่ 5 บ้านท่าเจริญ
1.5 นายสุทัศน์ แสนพินิจ ด้านหมอสูตรขวัญ/หมอน้ำมนต์/พิธีกรรม
บ้านเลขที่ 26 หมู่ที่ 19 บ้านลาด
1.6 นายสงวน อ่อนบัวขาว ด้านการทำบั้งไฟ
บ้านเลขที่ 57 หมู่ที่ 5 บ้านท่าเจริญ
1.7 นางรำไพร อุทาหงษ์ ด้านหมอนวดแผนไทย
บ้านเลขที่ 64 หมู่ที่ 19 บ้านลาด
1.8 นายสาย โคตรศรี ด้านจักสาน พิณ แคน
บ้านเลขที่ 73 หมู่ที่ 5 บ้านท่าเจริญ
1.9 นางหอม โพธิ์นาง ด้านการจักสานตะกร้าไม้ไผ่ /หวดไม้ไผ่ /กระด้งไม้ไผ่
บ้านเลขที่ 18 หมู่ที่ 7 บ้านวังไผ่
1.10 นางลมุล โพธิ์นาง ด้านการร้องสรภัญญะ
บ้านเลขที่ 17 หมู่ที่ 1 บ้านลาด
2. แหล่งเรียนรู้ประเภทสถานที่/ชุมชน/กลุ่มทางเศรษฐกิจ/สังคม ได้แก่
2.1 กลุ่มแปรรูปผลิตภัณฑ์จากหวาย ณ บ้านท่าเจริญ หมู่ที่ 5
2.2 ศูนย์ OTOP ทำเฟอร์นิเจอร์เครื่องหวายและผักตบชวา ณ บ้านวังไผ่ หมู่ที่ 4
2.3 วัดบ้านโพธิ์ศรีบ้านลาด ณ บ้านลาด หมู่ที่ 1
2.4 วัดบ้านศรีเวฬุวัน ณ บ้านวังไผ่ หมู่ที่ 4
2.5 วัดบ้านกุดซุย ณ บ้านกุดซุย หมู่ที่ 8,17
3. แหล่งสนับสนุน ทุน/งบประมาณ ประเภทองค์กร ได้แก่
3.1 องค์การบริหารส่วนตำบลลาดพัฒนา
ณ บ้านลาด หมู่ที่ 1
3.2 โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลบ้านบุ่งคล้า – ท่างาม
ณ บ้านบุ่งคล้า – ท่างาม หมู่ที่ 3,11
3.3 โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลบ้านลาด
ณ บ้านลาด หมู่ที่ 1
3.4 โรงเรียนชุมชนบ้านลาดพัฒนา
ณ บ้านลาด หมู่ที่ 1
3.5 โรงเรียนบ้านวังไผ่ป่าจั่น
ณ บ้านวังไผ่ หมู่ที่ 7
3.6 โรงเรียนบ้านบุ่งคล้า-ท่างาม
ณ บ้านท่างาม-บุ่งคล้า หมู่ที่ 3,11
3.7 โรงเรียนบ้านเลิงบ่อ
ณ บ้านเลิงบ่อ หมู่ที่ 12
3.8 โรงเรียนบ้านม่วงโพธิ์ศรี
ณ บ้านม่วง หมู่ที่ 10
แหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติ (เจ้าของผลงาน)
บทความแหล่งเรียนรู้
โคก หนอง นา โมเดลตามแนวทางพระราชดำริ : ความท้าทายทุนนิยม
ณ สวนบุญฉวี บ้านนาแพง หมู่ที่ 2 ตำบลห้วยแอ่ง อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม
ท่ามกลางกระแสทุนนิยมเสรีที่ถั่งโถม และสภาพเศรษฐกิจสังคมที่ GDP ดิ่งติดลบรัฐไทยจะต้องปรับนโยบายใดบ้าง เพื่อให้โครงการตามพระราชดำรินี้ดำรงคงอยู่ท่ามกลางความพอดีพอเพียง (Sufficiency) ในทุนนิยมโลกที่ค่อนข้างจะย้อนแย้งในตัวเองในหลายประการ ไม่ว่าจะมองในมิติใด เพราะกระแสสังคมโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ค (Social Network) ที่สังคม และผู้คนต้องปรับตัวและตามมันให้ทัน ความท้าทาย เศรษฐกิจเอื้อทุนใหญ่ สังคมปลาใหญ่กินปลาเล็ก รัฐสวัสดิการยังห่างไกล ความเหลื่อมล้ำทางสังคมมีทุกมิติ สังคมเป็นสังคมผู้สูงวัยสมบูรณ์แล้ว รัฐใช้ "ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี" นำทางการพัฒนาที่น่าจะไม่สอดคล้องกับ "โลกาภิวัตน์" และ "ระเบียบการจัดโลกใหม่" (New World Orders) โดยเฉพาะกระแสความเปลี่ยนแปลงโซเซียลที่ผันผวนมาก ที่ต้องมีการปรับตัวเปลี่ยนแปลงสูงมาก ชาวนาน้ำตาตก ข้าวไม่ได้รับการประกัน เพราะรัฐไม่มีงบประมาณ แต่รัฐจะให้ชาวนาทำโครงการโคกหนองนา เพราะข้าวนาปีของชาวนาที่เก็บเกี่ยวแต่ไม่มีราคาเพราะข้าวเกวียนละ 6 พันบาท แต่ต้นทุนชาวนามี 6.5 พันบาท (ชาวนาขาดทุน) รัฐมีปัญหาทำโครงการจำนำข้าว เพราะรัฐบาลนี้ไม่ทำเพราะขาดงบประมาณ อย่างไรก็ตามควรศึกษาแนวคิดวิธีการในโครงการนี้ เป็นนวัตกรรม Slow life เช่นสำหรับคนเกษียณ และ เป็น New Normal ต่อไป
จึงขอกล่าวถึง ความหมายและที่มาโคกหนองนา แนวคิดการจัดการน้ำ "โคก หนอง นา โมเดล" นี้ เป็นการทำเกษตรในพื้นที่ขนาดจำกัด หรือขนาดเล็ก เป็นการกักเก็บน้ำไว้ทั้งบนดิน(ด้วยหนอง คลองไส้ไก่ และคันนา) และใต้ดิน (ด้วยป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง) ตามแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยเฉพาะในพื้นที่จำกัด อย่างน้อยเพียง 3 ไร่ หรือแล้วแต่ขนาดของที่ดินตามสภาพความเหมาะสมก็ได้
เมื่อปี 2564 สวนบุญฉวีแห่งนี้ได้นำรูปแบบมาตรฐาน โคก หนอง นา โมเดล จากกรมพัฒนาที่ดินมาจังหวัดมหาสารคาม มาเป็นโมเดลต้นแบบสำหรับที่ดินขนาดแบบ 1 ไร่ 3 ไร่ 5 ไร่ หรือ 10-15 ไร่ ที่เป็นโมเดลพื้นที่ขนาดเล็ก มีองค์ประกอบดังนี้
(1) โคก ดินที่ขุดทำหนองน้ำนั้นให้นำมาทำโคกบนโคกปลูก “ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง” ตามแนวทางพระราชดำริ โดยการปลูกพืช ผัก สวนครัว เลี้ยงหมู เลี้ยงไก่ เลี้ยงปลา ทำให้พออยู่ พอกิน พอใช้ พอร่มเย็น เป็นเศรษฐกิจพอเพียงขั้นพื้นฐาน ก่อนเข้าสู่ขั้นก้าวหน้า คือ ทำบุญทำทาน เก็บรักษา ค้าขาย และเชื่อมโยงเป็นเครือข่าย และปลูกที่อยู่อาศัยให้สอดคล้องกับสภาพภูมิประเทศ และภูมิอากาศ
(2) หนอง เป็นการขุดหนองเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ยามหน้าแล้งหรือจำเป็น และเป็นที่รับน้ำยามน้ำท่วม การขุด “คลองไส้ไก่” หรือคลองระบายน้ำรอบพื้นที่ตามภูมิปัญญาชาวบ้าน โดยขุดให้คดเคี้ยวไปตามพื้นที่เพื่อให้น้ำกระจายเต็มพื้นที่ เพิ่มความชุ่มชื้น ลดพลังงานในการรดน้ำต้นไม้ มีการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ ทั้งการขุดลอก หนอง คูคลอง เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ยามหน้าแล้งและเพิ่มการระบายน้ำยามน้ำหลาก
(3) นา พื้นที่นานั้นให้ปลูกข้าวอินทรีย์พื้นบ้าน โดยเริ่มจากการฟื้นฟูดินด้วยการทำเกษตรอินทรีย์ยั่งยืน
คืนชีวิตเล็กๆ หรือจุลินทรีย์กลับคืนแผ่นดินใช้การควบคุมปริมาณน้ำในนาเพื่อคุมหญ้า ทำให้ปลอดสารเคมีได้ ปลอดภัยทั้งคนปลูก คนกิน ยกคันนาให้มีความสูงและกว้าง เพื่อใช้เป็นที่รับน้ำยามน้ำท่วม ปลูกพืชอาหารตามคันนา ดังเช่น สวนบุญฉวี (เจ้าของสวน : นางสาวพรฉวี มัชปะโม) จึงได้มีแนวคิดในการออกแบบพื้นที่กสิกรรมโดยอาศัย
“โคก หนอง นา โมเดล” เป็นแนวคิดหลักในการจัดการพื้นที่ในบริเวณพื้นที่นาและสวน ต่อยอดโครงการตามแนวพระราชดำริ "เศรษฐกิจพอเพียง" ตามทฤษฎีใหม่ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ได้ทรงดำริและดำเนินการโครงการพระราชดำริมานานแล้วรวมสี่พันกว่าโครงการ แนวคิด "โคก หนอง นา โมเดล" เดินตามศาสตร์ของพระราชา เพื่อการทำเกษตรแนวใหม่ ที่ยึดหลักของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลัก โดยวิธีขุดบ่อน้ำ เพื่อใช้น้ำนั้นมาทำการเพาะปลูกตาม “เกษตรทฤษฎีใหม่” ตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ซึ่งเป็นวิธีที่ต้องทำอย่างช้า ๆ เพราะว่าต้องสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายไม่ใช่น้อย ๆ แต่ว่าค่อย ๆ ทำ และเมื่อทำแล้วจะทำให้ประชาชนมีกินแบบตามอัตภาพคืออาจไม่รวยมาก แต่ก็พอกิน
ไม่อดอยาก..."
สรุปได้ว่า โคก หนอง นา โมเดล เป็นการสร้างความมั่นคงในแหล่งทำกินด้านการเกษตร เลี้ยงสัตว์ สู้กับภัยแล้ง ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ให้หันกลับมาอุดมสมบูรณ์ โดยปรับปรุงพื้นที่รองรับฝนธรรมชาติ และการเชื่อมโยงวงจรชีวิต พืช สัตว์ให้เดินทางร่วมกันได้ เหมือนดังเช่นสวนบุญฉวีแห่งนี้ ที่กำลังจะกลายเป็นแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติในชุมชนบ้านนาแพง ตำบลห้วยแอ่ง อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม อีกแห่งหนึ่งที่ดึงดูดความสนใจจากผู้พบเห็นทั่วไปอย่างแน่นอน และเชื่อว่าการต่อยอดแนวทางการนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในหลวงรัชกาลที่ 9 มาใช้เป็นแบบอย่างในการครองเรือน ครองตนและครองงาน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้บุคคลนั้นๆ มีชีวิตที่สงบสุข สมบูรณ์ทางกายและใจเรื่อยไปแบบยั่งยืน
ตำแหน่งที่ตั้ง : ตั้งอยู่ในหมู่ที่ 2 บ้านนาแพง ตำบลห้วยแอ่ง อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม (สวนเจ้าของผลงาน)
การเดินทาง : ใช้เส้นทางถนนมหาสารคาม-ร้อยเอ็ด ขับผ่านวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีมหาสารคาม จนถึงป้อมตำรวจสถานีตำรวจภูธรท่าตูม เจอสามแยกให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปถนนผ่านองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยแอ่ง ประมาณ 1.5 กิโลเมตร ก็จะพบอีกทางแยกเข้าหมู่บ้านแล้วจะเจอสี่แยก ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปประมาณ 200 เมตร ก่อนเข้าทางแยกจะมีป้ายบอกทางเข้าสวนอินทผลัม ผอ.สัญชัย ใจมั่น
ข้อมูลเนื้อหา เรื่องราว เขียนโดย นางสาวพรฉวี มัชปะโม
ภาพถ่าย/ภาพประกอบ โดย นางสาวพรฉวี มัชปะโม
ข้อมูล TKP อ้างอิง https://siamrath.co.th/n/219462