พลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานรูปหนึ่งที่มีความสำคัญและมีการใช้งานกันมาอย่างยาวนานโดยสามารถผลิตได้จากเชื้อเพลิง ต่าง ๆ ได้แก่ เชื้อเพลิงฟอสซิลและพลังงานทดแทน ปัจจุบันมีการใช้พลังงานไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นทำให้ต้องมีการแสวงหาเชื้อเพลิงชนิดต่าง ๆ ให้เพียงพอต่อความต้องการโดยแต่ละประเทศมีสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้าแตกต่างกันไปตามศักยภาพของประเทศนั้น ๆ อย่างไรก็ตามการผลิตกระแสไฟฟ้ายังต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจึงต้องมีการจัดการและแนวทางป้องกันที่เหมาะสมภายใต้ข้อกำหนดและกฎหมายแบ่งเป็น 5 ตอน ดังนี้
เชื้อเพลิงฟอสซิล (Fossil Fuel) หมายถึง เชื้อเพลิงที่เกิดจากซากพืช ซากสัตว์ที่ทับถม จมอยู่ใต้พื้นพิภพเป็นเวลานานหลายร้อยล้านปีโดยอาศัยแรงอัดของเปลือกโลกและความร้อนใต้ผิว โลกมีทั้งของแข็ง ของเหลวและก๊าซ เช่น ถ่านหินน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติเป็นต้น แหล่งพลังงานนี้เป็น แหล่งพลังงานที่สำคัญในการผลิตไฟฟ้าในปัจจุบันสำหรับประเทศไทยได้มีการนำเอาพลังงาน ฟอสซิลมาใช้ในการผลิตไฟฟ้าประมาณร้อยละ 90
1. ถ่านหิน (Coal) ถ่านหิน เป็นเชื้อเพลิงประเภทฟอสซิลที่อยู่ในสถานะของแข็ง เกิดจากการทับถมกัน ของซากพืชในยุคดึกดำบรรพ์ ถ่านหินมีปริมาณมากกว่าเชื้อเพลิงฟอสซิลชนิดอื่น ๆ และมีแหล่ง กระจายอยู่ประมาณ 70 ประเทศทั่วโลก เช่น อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย แอฟริกา เป็นต้น จากการ คาดการณ์ปริมาณถ่านหินที่พิสูจน์แล้ว ข้อมูล ณ ปี พ.ศ. 2557 จาก BP Statistical Review of World Energy คาดว่า ถ่านหินในโลกจะมีเพียงพอต่อการใช้งานไปอีก 110 ปี และถ่านหินใน ประเทศไทยมีเหลือใช้อีก 69 ปีซึ่งถ่านหินที่น ามาเป็นเชื้อเพลิงสำหรับการผลิตกระแสไฟฟ้า ได้แก่ ลิกไนต์ซับบิทูมินัส บิทูมินัส 28 ถ่านหินส่วนใหญ่ที่พบในประเทศไทยเป็นลิกไนต์ที่มีคุณภาพต่ำ ปริมาณสำรองส่วน ใหญ่ที่นำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้าอยู่ที่เหมืองแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ในปีพ.ศ. 2558 ประเทศไทยมีการผลิตไฟฟ้าด้วยถ่านหินร้อยละ 18.96 ซึ่งมาจากถ่านหิน ภายในประเทศและบางส่วนนำเข้าจากต่างประเทศ โดยนำเข้าจากอินโดนีเซียมากที่สุด
การเผาไหม้ของถ่านหินจะเกิดก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ ฝุ่นละออง และก๊าซ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้ โรงไฟฟ้าได้ ดังนั้นโรงไฟฟ้าถ่านหินในปัจจุบัน เรียกว่า “โรงไฟฟ้าเทคโนโลยีถ่านหินสะอาด (Clean Coal Technology)” ซึ่งมีการติดตั้งเครื่องกำจัดก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ เครื่องกำจัด 29 ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์และเครื่องดักจับฝุ่นแบบไฟฟ้าสถิต ทำให้ลดมลสารที่เกิดขึ้นจากการเผา ไหม้ และสามารถควบคุมการปล่อยมลสารให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด จึงไม่ กระทบต่อสิ่งแวดล้อม แม้ประเทศไทยจะเคยประสบปัญหาเรื่องผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอันเกิดมาจากฝุ่น ละออง ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ จากการใช้ถ่านหินลิกไนต์มาผลิตไฟฟ้า ของโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เนื่องจากถ่านหินมีคุณภาพไม่ดีและเทคโนโลยีในขณะนั้นยังไม่ทันสมัย แต่หลังจากที่ประเทศไทยได้มีการนำเอาเทคโนโลยีถ่านหินสะอาดมาใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า โดยการติดตั้งระบบกำจัดและควบคุมมลสารที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ของชุมชนได้เป็นอย่างดี ปัจจุบันแม่เมาะเป็นชุมชนที่น่าอยู่และมีอากาศบริสุทธิ์
2. น้ำมัน (Petroleum Oil) น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงประเภทฟอสซิลที่มีสถานะเป็นของเหลว เกิดจากซากสัตว์และ ซากพืชทับถมเป็นเวลาหลายร้อยล้านปี พบมากในภูมิภาคตะวันออกกลาง สำหรับประเทศไทย มีแหล่งน้ำมันดิบจากแหล่งกลางอ่าวไทย เช่น แหล่งเบญจมาศ แหล่งยูโนแคล แหล่งจัสมิน เป็นต้น และแหล่งบนบก ได้แก่ แหล่งสิริกิติ์ อ าเภอลานกระบือ จังหวัดก าแพงเพชร จากการ คาดการณ์ปริมาณน้ำมันที่พิสูจน์แล้ว ข้อมูล ณ ปี พ.ศ. 2557 จาก BP Statistical Review of World Energy คาดว่าน้ำมันในโลกจะมีเพียงพอต่อการใช้งานไปอีก 52.5 ปี และน้ำมันในประเทศ ไทยมีเหลือใช้อีก 2.8 ปี น้ำมันที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้ามี 2 ประเภท คือ น้ำมันเตาและน้ำมันดีเซล ในปี พ.ศ. 2558 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ใช้น้ำมันผลิตไฟฟ้าในสัดส่วนเพียง ร้อยละ 1 เท่านั้น เนื่องจากมีต้นทุนการผลิตสูงสำหรับการใช้น้ำมันมาผลิตไฟฟ้านั้นมักจะใช้เป็น เชื้อเพลิงสำรองในกรณีที่เชื้อเพลิงหลัก เช่น ก๊าซธรรมชาติ มีปัญหาไม่สามารถนำมาใช้ได้เป็นต้น
เนื่องจากการเผาไหม้น้ำมันในกระบวนการผลิตไฟฟ้านั้น จะมีการปลดปล่อยก๊าซ กำมะถัน ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ รวมทั้งฝุ่นละออง ซึ่งอาจส่งผลกระทบ ต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้โรงไฟฟ้าได้ จึงได้มีการติดตั้งเครื่องกำจัด ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (Flue Gas Desulfurization: FGD) เพื่อลดการปล่อยก๊าซกำมะถัน และมี การควบคุมคุณภาพอากาศให้ได้ตามมาตรฐานสิ่งแวดล้อม
3. ก๊าซธรรมชาติ (Natural Gas) ก๊าซธรรมชาติ เป็นเชื้อเพลิงประเภทฟอสซิลที่มีสถานะเป็นก๊าซ ซึ่งเกิดจากการทับถม ของซากสัตว์และซากพืชมานานนับล้านปี พบมากในภูมิภาคตะวันออกกลาง จากการคาดการณ์ ปริมาณก๊าซธรรมชาติที่พิสูจน์แล้ว ข้อมูล ณ ปี พ.ศ. 2557 จาก BP Statistical Review of World Energy คาดว่า ก๊าซธรรมชาติในโลกจะมีเพียงพอต่อการใช้งานไปอีก 54.1 ปี และก๊าซ ธรรมชาติในประเทศไทยมีเหลือใช้อีก 5.7 ปี
กระบวนการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ เริ่มต้นด้วยกระบวนการเผาไหม้ก๊าซธรรมชาติ ในห้องสันดาปของกังหันก๊าซที่มี ความร้อนสูงมาก เพื่อให้ได้ก๊าซร้อนมาขับกังหัน ซึ่งจะไปหมุนเครื่องกำเนิดไฟฟ้า จากนั้นจะนำก๊าซ ร้อนส่วนที่เหลือไปผลิตไอน้ำสำหรับใช้ขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบกังหันไอน้ำ สำหรับไอน้ำส่วนที่ 31 เหลือจะมีแรงดันต่ำก็จะผ่านเข้าสู่กระบวนการลดอุณหภูมิ เพื่อให้ไอน้ำควบแน่นเป็นน้ำและ นำกลับมาป้อนเข้าระบบผลิตใหม่อย่างต่อเนื่อง