ชุมชน บ้านห้วยทราย ตำบลหนองมะนาว อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา
หากจะพูดถึง เมืองย่าโม โคราชของขึ้นชื่ออย่างหนึ่ง ก็คือผ้าไหม ซึ่งชาวอำเภอคง บ้านห้วยทราย ตำบลหนองมะนาว อำเภอคง จังหวัดนครราชีสีมา พื้นเพดังเดิม ชาวบ้านมีอาชีพทำไร่ นา เลี้ยงวัว เลี้ยงควาย ส่วนใหญ่มีอาชีพเป็นเกษตรกร แต่สำหรับ บ้านห้วยทราย คุณแม่นิยม เทศชาตรี ได้มีการ ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม เนื่องจากสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ ก็เลยมีการทอผ้าไหมเกิดขึ้น และยึดหลักเป็นอาชีพของชุมชน การทอผ้ามีทั้ง ผ้าฝ้าย ผ้าโทเร ผ้าขาวม้า ผ้าถุง ผ้าคลุมไหล่ ผ้าถุง ฯ การเลี้ยงไหม แบบธรรมชาติ ไร้สารเคมี แต่ก่อนเคยใช้แบบสารเคมี เพราะสะดวกสบาย ย้อมได้หลากหลายสี สีมีความสวยสีสดสม่ำเสมอ แต่พอระยะเวลานานเข้าส่งผลเสียต่อสุขภาพ คนที่ใส่ไปอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ ที่สำคัญคนในชุมชนที่ย้อมที่สัมผัสกับสารเคมีตลอดเวลา ก็อาจจะเกิดการแพ้การระคายเคืองผิวหนังได้ และมีการเทน้ำที่ปนเปื้อนสารเคมีลงในน้ำ ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมทำให้มีผลตกค้างกับสิ่งแวดล้อม การใช้สารเคมีในการย้อมผ้าจึงมีผลกระทบ ทั้งผู้ใช้ ผู้ทำ และสิ่งแวดล้อมด้วย ดังนั้นชุมชนบ้านห้วยทรายจึงเปลี่ยนมาทำการเลี้ยงหม่อนไหมแบบธรรมชาติไร้สารเคมี เริ่มตั้งแต่การปลูกใบหม่อม การเลี้ยงไหม และวิธีการย้อมสีแบบธรรมชาติไร้สารเคมี หลังจากได้เรียนรู้ ลองผิด ลองถูก อยู่หลายครั้งกว่าจะสำเร็จ จากนั้นได้มีการจัดตั้งกลุ่มขึ้นและมีหน่วยงานเข้ามาสนับสนุนการเลี้ยงหม่อนไหม การออกแบบผ้าไหม การย้อมสีจากธรรมชาติ การเลี้ยงไหมไร้สารเคมี และการแปรรูปออกแบบผลิตภัณฑ์ เพื่อส่งเสริมอาชีพของคนในชุมชน
การย้อมสีไหมจากวัสดุธรรมชาติ มีขั้นตอนยากกว่า สีเคมีเยอะกว่า แต่ผลที่ได้ดีกว่า ผลตอบรับจากผู้บริโภคก็ดีกว่า เพราะเนื่องในปัจจุบันกันมารักสุขภาพ และนิยมบริโภคสิ่งที่ออแกนิค ปลอดสารพิษกันเยอะขึ้น ในการปลูกใบหม่อน แบบไร้สารเคมี ชุมชนบ้านห้วยทรายจะใช้ปุ๋ยอินทรีย์แทนสารเคมีที่เคยใช้สมัยก่อน เป็นการลดต้นทุนและยังปลอดภัยไรสารเคมีด้วย และเป็นการใส่ใจการผลิตตั้งแต่ขั้นตอนแรกในการปลูกหม่อนไหม เผื่อได้ใบหม่อนที่ไร้สารเคมี ไปใช้ในการเลี้ยงหนอนไหมต่อไป การเลี้ยงหนอนไหมจะเป็นวัตถุดิบในการทำไปถักทอเป็นเส้นไหม ไหมก็เป็นแมลงชนิดหนึ่ง ที่มีวัฏจักรชีวิต จากไข่ มาเป็นตัวหนอน เป็นระยะที่ 1 ระยะที่ 2 ระยะที่ 3ระยะที่ 4 และระยะที่ 5 ตามลำดับ พอเป็นระยะที่ 5 จะเป็นไหมที่สุกแก่เต็มที่ เสร็จแล้วจะนำมา ใส่จ่อ จากนั้น ตัวไหมก็จะชักใยออกมาเป็นรัง จากนั้นชุมชนก็จะนำมาสาวไหม เป็นการทำให้เส้นใยไหมออกมาจากรังไหมเป็นเส้นที่สวยงาม และนำมาทำการลอกกาวไหม เป็นการนำเอาโปรตีนที่หุ้มเส้นใยไหมชั้นนอกออก เพื่อให้เส้นไหมพร้อมในการย้อมสี
การทอผ้าไหม ลดต้นทุนเพิ่มรายได้ และเป็นเอกลักษณ์ของชุมชน การทอผ้านั้นต้องอาศัยฝีมือและความรู้ความชำนาญของผู้ทอเป็นอย่างมาก เป็นงานศิลปะที่มีอยู่เพียงชิ้นเดียวในโลก เพราะแต่ละคนที่ทำแต่ละขั้นตอน จะมีความแตกต่างกัน เส้นไหมที่สาวได้แต่ละช่วงเวลาหรือแต่ละระยะของฝักไหมให้ความหนาของเส้นไม่เท่ากัน สีไม่เหมือนกัน นอกจากนั้นแล้วความสามารถในการทอ การสอดกระสวย ความแรงในการตีกระทบหรือการฟัดทำให้ได้สีเข้มอ่อนต่างกัน การเรียงเส้นไหมให้ตรงลายจะแสดงถึงความคมชัดและความชำนาญของผู้ทอแต่ละคน อากาศ อุณหภูมิ หรือแม้แต่อารมณ์ความรู้สึกของผู้ทอ สิ่งเหล่านี้มีผลกับความสวยงามของผ้าผืนนั้น ๆ จึงทำให้ผ้าทอมือแต่ละผืนที่ทอ มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองและมีเพียงผืนเดียวในโลกเท่านั้น
ผู้ให้ข้อมูล นางนิยม เทศชาตรี ตำแหน่งประธานกลุ่มหมู่บ้านหม่อนไหมไร้สารเคมี
ผู้ให้ข้อมูล ดร.บุษราคัม ป้อมทอง ตำแหน่งนักวิชาการ
ผู้เรียบเรียง นางสาวเกศรินทร์ เอกกลาง