ชุมชนท่องเที่ยว ส่องนกเงือกชมทะเลหมอกเขาบูโด
บูโด เป็นเทือกเขาใหญ่และสำคัญของทิวเขาสันกาลาคีรีที่แบ่งเขตแดนไทย-มาเลเซีย กรมป่าไม้จึงจัดตั้งวนอุทยานน้ำตกปาโจ และกลายมาเป็นอุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี มีพื้นที่ประมาณ 294 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของนราธิวาส ยะลา และปัตตานี ที่คั่นอยู่กลางใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นภูเขาที่อุดมสมบูรณ์ด้วยสัตว์ป่านานาพันธุ์ เป็นป่าเขาดิบชื้น แบบ อินโดนีเซีย มาลายันที่ มีความสมบูรณ์มากที่สุดบริเวณรอบๆที่ราบเชิงเขาที่ยาวไกลครอบคลุมเนื้อที่หลายอำเภอ เป็นที่ทำมาหากินหล่อเลี้ยงชีวิต ของวิถีชีวิตชาวเกษตรกรอีกหลายแสนคนเป็นป่าต้นน้ำ มีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์
อำเภอกะพ้อ เป็นอำเภอที่อยู่เขตแดนระหว่าง จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลาและจังหวัดนราธิวาส โดยมีเทือกเขาบูโดเป็นเส้นกั้นแบ่งเขตแดน ณ เขาบูโดแห่งนี้เป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีพืชสมุนไพร สัตว์ป่านานาชนิด และมีน้ำตกหลากหลายสาย เช่น น้ำตกตาเศร้า ซึ่งเป็นน้ำตกที่มีน้ำไหลจากซอกหินจากรากไม้ น้ำตกบาตูดินเด็ง เป็นน้ำตกขนาดเล็กที่น้ำไหลจากกำแพงหินซึ่งมีความสวยงาม น้ำเย็นมาก มีนกเงือกอาศัยอยู่ชุกชุมมากถึง 6 สายพันธุ์ ได้แก่ นกเงือกหัวแรด นกหัวหงอก นกกกหรือกาฮัง นกชนหิน นกกาเขา และนกกู๋กี๋ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - มีนาคม ของทุกปี สามารถชมดอกไม้สีทอง (บุปผาทองคำ) ซึ่งเป็นดอกไม้ป่าที่มีสีทองออกดอก เพิ่มสีสันอย่างสวยงาม นอกจากนี้ยังมีไฮไลต์ที่โดดเด่นและมีชื่อเสียงคือ ชมทะเลหมอกในยามเช้าพร้อมกับทานข้าวยำริมลำธาร ต้มน้ำด้วยไม้ฟืนกับบรรยากาศสุดพิเศษ และชมพระอาทิตย์ตกยามเย็น นอนกางเต้นท์พักแรม สัมผัสบรรยากาศยามค่ำคืน นั่งชมดาวบรรยากาศสุดโรแมนติก กำลังได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวและคนต่างถิ่นหลั่งไหลเข้ามาเป็นจำนวนมาก และเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี ที่สำคัญคือเป็นแหล่งหากินและเพาะพันธุ์ของนกเงือกสายพันธุ์หายาก ถือเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองหายากใกล้สูญพันธุ์
ปัจจุบันชาวบ้านหันมาให้ความสำคัญ ศึกษาเรียนรู้และหันมาป้องกันให้นกเงือกเหล่านี้ได้เข้ามาอาศัยในผืนป่าแห่งนี้ให้อยู่แบบยั่งยืนต่อไป โดยเมื่อไม่นานมานี้ ชาวบ้านทดลองสร้างรังนกเทียมขึ้นมาเป็นของนกเงือกหายากมากประเภทหนึ่งคือ นกชนหิน มีนิสัยเลือกโพรงที่ละเอียดกว่าสายพันธุ์อื่นๆ เข้าโพรงยากและเลือกมาก มีความอ่อนไหว ละเอียดอ่อน ชาวบ้านใช้การผ่าไม้จริง หาต้นไม้ที่ตรงกันกับที่มันเคยเข้ามาอาศัย ทำร่องรูเป็นโพรง เลียนแบบตามลักษณะรัง หรือโพรงที่นกชนหินเคยอยู่ ขณะนี้อยู่ระหว่างนำไปติดตั้งประกบกับต้นไม้จริงๆ ที่มีความสูง ต้องใช้รอก ใช้คนหลายคน เป็นงานยากลำบากและลุ้นให้มันเข้ามาในโพรงเพื่อผสมขยายพันธุ์ต่อไป ช่วงฤดูชมนกเงือกตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนพฤษภาคม ช่วงแรกๆ จะเป็นช่วงที่นกเงือกเข้ามาสำรวจโพรงที่รังของมันเพื่อหาที่อยู่อาศัยเป็นบ้านพัก เมื่อได้รังแล้วจะชวนตัวเมียมาเกี้ยวพาราสีกัน
หลังจากฤดูผสมพันธุ์จนถึงช่วงวางไข่ในเดือนกุมภาพันธ์ จนตัวเมียฟักไข่ และมีสมาชิกใหม่แล้ว มันจะดูแลลูกน้อยที่เกิดมา ตัวเมียจะไม่ออกจากรังเป็นช่วงยาวนาน 1-2 เดือน จากนั้นเป็นช่วงที่ตัวผู้จะหาอาหารนำมาป้อนตัวเมียและลูกในทุกๆ วัน สามเวลา เช้า กลางวัน และเย็น เมื่อแม่นกพักฟื้นได้แล้วมันจะออกไปหากินบ้างสลับกันกับพ่อนก เมื่อแม่นกออก พ่อนกจะเป็นฝ่ายเฝ้าดูแล โดยไม่เคยทิ้งลูกนกเลย จะเป็นแบบนี้ทุกวัน จนกว่าสมาชิกใหม่จะโต ลูกนกจะใช้เวลา 10-15 วัน และครอบครัวนกเงือกจะพาสมาชิกใหม่ออกไปจากรังไปสู่ป่ากว้างต่อไปในช่วงเดือนพฤษภาคมของทุกปี ชาวบ้านสร้างเพิงเล็กๆ ริมเขาป็นจุดซุ่มดูนกเงือก มีอยู่ 4-5 จุด เป็นสถานที่เหมาะสมจุดหนึ่งสำหรับดูนกเงือก และศึกษาระบบนิเวศในเทือกเขาบูโด
สำหรับผู้สนใจมาท่องเที่ยวชุมชนท่องเที่ยว ส่องนกเงือก ชมทะเลหมอกเขาบูโด ต.กะรุบี อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี ควรแจ้งให้ชุมชนได้รับทราบก่อน สนใจติดต่อได้ที่นายแวอุเซ็ง แต ปราชญ์ชาวบ้าน ต.กะรุบี โทร.08-1275-6642 หรือเฟซบุ๊กเพจ "ชมรมอนุรักษ์ นกเงือกอำเภอกะพ้อ"