ตัวชี้วัดที่ 12 พัฒนาตนเองอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง เพื่อให้มีความรู้ ความสามารถ ทักษะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ภาษาไทยและภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อการศึกษา สมรรถนะวิชาชีพครู ความรอบรู้ในเนื้อหาและวิชาที่สอน
การอบรมพัฒนา
การเป็นวิทยากร pisa
การเผยแพร่ผลงาน
ตัวชี้วัดที่ 13 มีส่วนร่วมและเป็นผู้นําในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้
การเป็นวิทยากร pisa
plc
ตัวชี้วัดที่ 14 นําความรู้ ความสามารถและทักษะที่ได้จากการพัฒนาตนเองและวิชาชีพมาใช้ในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ พัฒนาคุณภาพผู้เรียน รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมการจัดการ เรียนรู้
นวัตกรรมการ หลักการ CPA (Concrete-Pictorial-Abstract) ซึ่งเป็นกิจกรรมสร้างองค์ความรู้จากภาพหรือสื่อการเรียนรู้ที่สร้างได้จริง ตามแนวทางของ สสวท.สำหรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความรู้ที่คงทน ได้เรียนรู้จาการปฏิบัติจริงในการหาความสัมพันธ์ของสูตรการหาปริมาตรและพื้นที่
ส่วนที่ 2 ข้อตกลงในการพัฒนางานที่เสนอเปน็ ประเด็นท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน
ตัวชี้วัดที่ 15
ประเด็นที่ท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน ของผู้จัดทำข้อตกลง ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ ต้องแสดงให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่คาดหวังของวิทยฐานะชำนาญการ คือ การริเริ่ม พัฒนา การจัดการเรียนรู้และพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นหรือมีการพัฒนามากขึ้น (ทั้งนี้ ประเด็นท้าทายอาจจะแสดงให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่คาดหวังในวิทยฐานะที่สูงกว่าได้)
ประเด็นท้าทาย เรื่อง การพัฒนารูปแบบการสอนเรื่องปริมาตรและพื้นที่ผิวโดยใช้เทคนิคการเรียนรู้หลักการ CPA (Concrete-Pictorial-Abstract) ตามแนวทาง ของสสวท. สำหรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21
1. สภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้และคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน
ผลของการประเมินระดับชาติปีการศึกษา 2562 สาระที่ 2 การวัดและเรขาคณิต มาตรฐานที่ 2.2 เข้าใจและวิเคราะห์รูปเรขาคณิต สมบัติของรูปเรขาคณิต ความสัมพันธ์ระหว่ารูปเรขาคณิต และทฤษฎีบทเรขาคณิต พบว่าค่าเฉลี่ยของนักเรียนชั้นมัธยมปีที่ 3 อยู่ในระดับพอใช้ การแก้ปัญหาเกี่ยวกับการหาปริมาตรและพื้นที่ผิวในระดับขั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการหาปริมาตรและพื้นที่ผิวของ พีระมิด กรวย และทรงกลม มีสูตรในการเรียนจำนวนมากทำให้ผู้เรียนเกิดความไม่เข้าใจในการเรียน ที่มาของการใช้สูตรในการแก้ปัญหาในสถานการณ์ต่างๆ ในการนี้ครูผู้สอนจึงหาเทคนิคการเรียนรู้หลักการ CPA (Concrete-Pictorial-Abstract) ซึ่งเป็นกิจกรรมสร้างองค์ความรู้จากภาพหรือสื่อการเรียนรู้ที่สร้างได้จริง ตามแนวทางของ สสวท.สำหรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความรู้ที่คงทน ได้เรียนรู้จาการปฏิบัติจริงในการหาความสัมพันธ์ของสูตรการหาปริมาตรและพื้นที่ผิวของพีระมิด กรวย และทรงกลม
2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล
1) ศึกษาหลักสูตร เอกสาร ตำรา ขอบข่ายสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
2) กำหนดจุดประสงค์การเรียนรู้ให้สอดคล้องกับคำอธิบายรายวิชา จุดประสงค์การเรียนรู้ในหลักสูตรและเนื้อหา
ดำเนินการสร้างรูปแบบการสอนเรื่องปริมาตรและพื้นที่ผิวโดยใช้เทคนิคการเรียนรู้หลักการ CPA (Concrete-Pictorial-Abstract) ตามแนวทางของ สสวท.สำหรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21
3) นำรูปแบบการสอนเรื่องปริมาตรและพื้นที่ผิวโดยใช้เทคนิคการเรียนรู้หลักการ CPA (Concrete-Pictorial-Abstract) ตามแนวทางของ สสวท.สำหรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ที่สร้างขึ้นเสนอต่อผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 คน ได้แก่ 1) ด้านนวัตกรรม 2) ด้านการสอน 3) ด้านการวัดและประเมินผลเพื่อขอคำแนะนำมาปรับปรุงแก้ไขในส่วนที่บกพร่อง
4) ดำเนินการสร้างและปรับปรุงรูปแบบการสอนเรื่องปริมาตรและพื้นที่ผิวโดยใช้เทคนิคการเรียนรู้หลักการ CPA (Concrete-Pictorial-Abstract) ตามแนวทางของ สสวท.สำหรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ที่ปรับปรุงแก้ไขตามคำแนะนำเพื่อตรวจสอบคุณภาพในด้านเนื้อหาและโครงสร้างและความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาและนำไปใช้กับนักเรียน
5) หาประสิทธิภาพของรูปแบบการสอนเรื่องปริมาตรและพื้นที่ผิวโดยใช้เทคนิคการเรียนรู้หลักการ CPA (Concrete-Pictorial-Abstract) ตามแนวทางของ สสวท.สำหรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 โดยหาประสิทธิภาพของกระบวนการ/ประสิทธิภาพของผลลัพธ์(E1/E2)ตามวิธีการของชัยยงค์ พรหมวงศ์ (พรหมชัยวงค์, 2528)โดยทดลองใช้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนนางรอง อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ ปีการศึกษา 2563 จำนวน 30 คนพบว่ามีรูปแบบการสอนที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพ เป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 ที่ได้ตั้งไว้
แผนการจัดการเรียนรู้
แผนการจัดการเรียนรู้เรื่อง พีระมิด กรวย และทรงกลมจำนวน 17 ชั่วโมง ประกอบด้วย
ทดสอบก่อนเรียน 1 คาบ
แผนที่ 1 เรื่อง ปริมาตรของพีระมิด จำนวน 2 ชั่วโมง
แผนที่ 2 เรื่อง พื้นที่ผิวของพีระมิด จำนวน 3 ชั่วโมง
แผนที่ 3 เรื่อง ปริมาตร ของกรวย จำนวน 2 ชั่วโมง
แผนที่ 4 เรื่อง พื้นที่ผิวของกรวยจำนวน 3 ชั่วโมง
แผนที่ 5 เรื่อง ปริมาตรของทรงกลม จำนวน 2 ชั่วโมง
แผนที่ 6 เรื่อง พื้นที่ผิวของทรงกลมจำนวน 3 ชั่วโมง
ทดสอบหลังเรียน 1 คาบ
โดยมีขั้นตอนการสร้างดังนี้
1) ศึกษาหลักสูตร หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร์ เล่ม 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้
2) กำหนดจุดประสงค์การเรียนรู้ คำอธิบายรายวิชา โครงสร้างรายวิชา
3) ศึกษาวิธีการสร้างแผนการจัดการเรียนรู้ด้วยขั้นตอนตามแนวทางของ สสวท.สำหรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ซึ่งมี 4 ขั้นตอนคือ ขั้นคิด/แปลงปัญหา(formulate) ขั้นใช้คณิตศาสตร์(employ) ขั้นตีความประเมินผล(interpret/evaluate) และการให้เหตุผล(reasoning) ซึ่งการให้เหตุผลสามารถ สอดแทรกได้ในทุกขั้นตอนในการแก้ปัญหา
4) สร้างแผนการจัดการเรียนรู้ที่สอนด้วยขั้นตอนตามแนวทางของ สสวท.สำหรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ซึ่งมี 4 ขั้นตอนคือ ขั้นคิด/แปลงปัญหา(formulate) ขั้นใช้คณิตศาสตร์(employ) ขั้นตีความประเมินผล(interpret/evaluate) และการให้เหตุผล(reasoning) ซึ่งการให้เหตุผลสามารถ สอดแทรกได้ในทุกขั้นตอนในการแก้ปัญหา
5) นำแผนการสอนที่สร้างขึ้นเรียบร้อยแล้วให้ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 คนด้านการสอนวิชาคณิตศาสตร์ ด้านเทคนิควิธีการสอน และด้านการวัดและประเมินผล เพื่อตรวจสอบความสอดคล้องขององค์ประกอบต่าง ๆ ในแผนการจัดการเรียนรู้ ด้านความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา(content validty)ความชัดเจน ความถูกต้องเหมาะสมของภาษาที่ใช้และความสอดคล้องด้วยดัชนีความสอดคล้อง(Index of Item Objective Congruence: IOC)โดยกำหนดเกณฑ์การพิจารณา ค่าดัชนีความสอดคล้องตั้งแต่ 0.50 ขึ้นไป
8.3.3 แบบประเมินความสามารถทางการคิดของนักเรียนประยุกต์ใช้รูปแบบวิธีการประเมินตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน มาตรฐานที่ 4 ผู้เรียนมีความสามารถในการคิดอย่างเป็นระบบ คิดสร้างสรรค์ ตัดสินใจแก้ปัญหาได้อย่างมีสติสมเหตุสมผล ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งเป็นรูปแบบวิธีการประเมินที่ผ่านกระบวนการหาประสิทธิภาพมาแล้ว
8.3.4 แบบประเมินความพึงพอใจ
แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการสอนเรื่องปริมาตรและพื้นที่ผิวโดยใช้เทคนิคการเรียนรู้หลักการ CPA (Concrete-Pictorial-Abstract) ตามแนวทางของ สสวท.สำหรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 จำนวน 1 ฉบับ มีขั้นตอนการสร้าง ดังนี้
1) ศึกษาหลักการสร้างแบบประเมินความพึงพอใจจากเอกสารการวัดและประเมินผลต่าง ๆ
2) ดำเนินการสร้างร่างแบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการสอนเรื่องปริมาตรและพื้นที่ผิวโดยใช้เทคนิคการเรียนรู้หลักการ CPA (Concrete-Pictorial-Abstract) ตามแนวทางของ สสวท.สำหรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 จำนวน 10 ข้อ
3) นำร่างแบบประเมินผลความพึงพอใจให้ผู้เชี่ยวชาญ 3 คน เพื่อตรวจสอบความเที่ยงตรงของเนื้อหา (Content Validity) ภาษาที่ใช้และการประเมินที่ถูกต้องและนำมาหาค่าดัชนีความสอดคล้องของเครื่องมือ IOC (Index of Objective Congruence) โดยกำหนดเกณฑ์การพิจารณา ค่าดัชนีความสอดคล้องตั้งแต่ 0.5 ขึ้นไป
4) ปรับปรุงแก้ไขแบบประเมินความพึงพอใจตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญก่อนนำไปใช้
3. ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง
3.1 เชิงปริมาณ
3.1.1 เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพรูปแบบการสอนเรื่องปริมาตรและพื้นที่ผิวโดยใช้เทคนิคการเรียนรู้หลักการ CPA (Concrete-Pictorial-Abstract) ตามแนวทางของ สสวท.สำหรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80
3.1.2 ผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 60 คน โรงเรียนนางรอง มีคะแนนสอบประจำหน่วยการเรียนรู้เรื่องปริมาตรและพื้นที่ผิวผ่านเกณฑ์เกินร้อยละ 70 ของนักเรียนทั้งหมด ในปีการศึกษา 2564
3.2 เชิงคุณภาพ
3.2.1 ได้รูปแบบการเรียนรู้จากพัฒนาประสิทธิภาพรูปแบบการสอนเรื่องปริมาตรและพื้นที่ผิวโดยใช้เทคนิคการเรียนรู้หลักการ CPA (Concrete-Pictorial-Abstract) ตามแนวทางของ สสวท.สำหรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เป็นแนวทางในการเชื่อมโยงไปสู่การแก้ไขปัญหาจากสถานการณ์จริง
3.2.2 ผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในแต่ละกลุ่มสามารถสร้างแบบรูปการสอนจากการใช้เทคนิค CPA นำเสนอและเผยแพร่ได้โดยใช้เทคโนโลยี ในปีการศึกษา 2564-2565