ส่วนที่ 1 ข้อตกลงในการพัฒนางานตามมาตรฐาน
ข้อมูลของผู้รับการประเมิน
ชื่อ นางสาวจุรีพร ปานทรัพย์
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ชำนาญการ ตำแหน่งเลขที่ 49327
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ
โรงเรียนลาดยาววิทยาคม
สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครสวรรค์
วิชาที่สอน 1. ภาษาอังกฤษพื้นฐาน ระดับชั้น ม.3/10, 3/8
2.การแปลเบื้องต้น ระดับชั้น ม.6/5
3.ญี่ปุ่นศึกษา ระดับชั้น ม.6/5
รวมชั่วโมงการสอน 12 ชั่วโมง
ครูที่ปรึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/4
ภาระงานเป็นไปตามที่ ก.ค.ศ.กำหนด >>>>>>>>>
งานกิจรรมชุมนุม
งานลดเวลาเรียน-เพิ่มเวลารู้
งานประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา
งานวัดและประเมินผลการเรียน
ข้าพเจ้าแสดงเจตจำนงในการจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางานตำแหน่ง ครู วิทยฐานะชำนาญการ ซึ่งเป็นตำแหน่งและวิทยฐานะที่ดำรงอยู่ในปัจจุบันกับผู้อำนวยการสถานศึกษา ไว้ดังต่อไปนี้
ส่วนที่ 2 ข้อตกลงในการพัฒนางานที่เป็นประเด็นท้าทาย
ประเด็นที่ท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน ของผู้จัดทำข้อตกลง ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการ ต้องแสดงให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่คาดหวังของวิทยฐานะชำนาญการ คือ แก้ไขปัญหา การจัดการเรียนรู้ พัฒนาตนเอง พัฒนาวิชาชีพ นำความรู้ ความสามารถทักษะที่ได้จากการพัฒนาตนเองและพัฒนาวิชาชีพ มาใช้ในการจัดการเรียนรู้ที่มีผลต่อคุณภาพผู้เรียนเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่สูงขึ้น ดีขึ้นหรือมีการพัฒนามากขึ้น และสามารถเป็นแบบอย่างที่ดี ได้
ประเด็นท้าท้าย
การแก้ปัญหาการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ตามกรอบมาตรฐานCEFR โดยใช้วิธีการสอนแบบ CLT
1. สภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้และและคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน
กระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดเป้าหมายในการจัดการสอนภาษาอังกฤษให้เป็นแนวใหม่ตามกรอบ ความสามารถทางภาษา ของสหภาพยุโรปหรือ CEFR (The Common European Framework of Reference for Languages) โดยเน้นให้มีการออกแบบพัฒนา การเรียนการสอน การทดสอบ และการวัดผลประเมินความสามารถภาษาอังกฤษ ที่ส่งเสริมการพัฒนาทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษให้กับ ผู้เรียน ทุกระดับชั้นให้เป็นไปตามกรอบมาตรฐาน CEFR (สถาบันภาษาอังกฤษ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, 2558) ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษตามกรอบมาตรฐาน CEFR ควรอยู่ในระดับ A1- A2 ทักษะการพูด เป็นทักษะที่ควรเร่งส่งเสริมและพัฒนา เนื่องจากเป็นทักษะหลักของการเรียนรู้ภาษาเพื่อการสื่อสารโดยทั่วไป เพื่อให้ผู้เรียนสามารถนำทักษะเหล่านี้ไปใช้ได้ในจริงชีวิตประจำวันได้อย่างอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ แต่การเรียนการสอนภาษาอังกฤษของไทยยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรและไม่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ประสิทธิภาพในการใช้ภาษาอังกฤษของคนไทยอยู่ในระดับต่ำ แม้เด็กไทยจะเรียนรู้ภาษาอังกฤษตั้งแต่ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานก็ตาม จากการสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ พบว่า ผู้เรียนไม่สามารถพูดสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้ อีกทั้งยังขาดความมั่นใจในการพูดภาษาอังกฤษ
ดังนั้น ในฐานะครูผู้สอนจึงมีความสนใจที่จะนำวิธีการสอนแบบ CLT (Communicative Language Teaching ) หรือการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร มาใช้แก้ปัญหาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เพื่อพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษให้ดีขึ้นและให้นักเรียนมีความมั่นใจกล้าที่จะพูดภาษาอังกฤษให้สามารถพูดได้ในระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษตามกรอบมาตรฐาน CEFR
2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล
การพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตามกรอบมาตรฐาน CEFR โดยใช้วิธีการสอนแบบ CLT
มีจุดประสงค์
1. เพื่อศึกษาและพัฒนาระดับทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตามกรอ[มาตรฐาน CEFR ที่ระดับ A2 หลังใช้วิธีการสอนแบบ CLT
2. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตามกรอบมาตรฐาน CEFR โดยวิธีการสอนแบบ CLT
ผู้วิจัยได้ดำเนินการวิจัยโดยมีรายละเอียดดังนี้
1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
2. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
3. การสร้างเครื่องมือและการหาคุณภาพของเครื่องมือ
4. การเก็บรวบรวมข้อมูล
5. การวิเคราะห์ข้อมูล
6. สถิติที่ใช้ในการวิจัย
3. ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง
3.1เชิงปริมาณ
3.1.1 นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีทักษะกการพูดสนทนาภาษาอังกฤษตามกรอบมาตรฐาน CEFR ในระดับ2
3.1.2 จำนวนนักเรียนที่มีความพึงพอใจต่อวิธีการสอนแบบ CLT อยู่ในระดับมากไม่ต่ำกว่า 70%
3.2 เชิงคุณภาพ
3.2.1 นักเรียนมีความมั่นใจและกล้าพูดภาษาอังกฤษมากขึ้น
3.2.2 นักเรียนสามารถนำทักษะการพูดภาษาอังกฤษและกิจกรรมที่ได้เรียนรู้ในการเรียนไปใช้ใน
ชีวิตประจำวันได้