Knowledge
สาระเกษตรน่ารู้
Knowledge
สาระเกษตรน่ารู้
อุปกรณ์และเทคโนโลยีสำหรับ SMART FARM
สำหรับการทำฟาร์มอัจฉริยะ (SMART FARM) เป็นการบริหารจัดการฟาร์มด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้อย่างหลากหลาย เพื่อคุณภาพและผลผลิตของทางการเกษตร เป็นการเปลี่ยนวิถีเกษตรแบบเดิมเข้ามาสู่การทำฟาร์มอัจฉริยะ ผู้ประกอบการ เกษตรกรควรเรียนรู้ศึกษาอุปกรณ์ ระบบเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่จะมาประยุกต์ใช้ในการจัดการทั้งการอำนวยความสะดวก หรือแก้ปัญหาที่เหมาะสมกับเรา
1.อุปกรณ์เซนเซอร์
- เซนเซอร์ดิน
เซนเซอร์ตรวจสอบ ติดตามสภาพความชื้น ปริมาณปุ๋ย ความเข้มของแสง อุนหภูมิ วัดค่า pH ของดิน วิเคราะห์สภาพความแห้งแล้งและน้ำท่วมของดิน และผลกระทบต่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาของพืชผล แบ่งเป็น 3 ประเภทหลัก เซนเซอร์ปริมาตร (Volumetric sensors) วัดปริมาณน้ำในดินโดยตรง , เครื่องวัดแรงดึงน้ำ (Tensiometers) วัดแรงตึงระหว่างอนุภาคในดินกับโมเลกุลของน้ำ เพื่อให้พืชเข้าถึงน้ำได้ เหมาะกับการใช้งานในดินที่มีความชื้นค่อนข้างสูง , โซลิดสเตทเซนเซอร์ (Solid state sensors) ตัวเลือกที่ถูกที่สุดสำหรับการวัดความชื้นในดินและไม่ต้องการการสอบเทียบสำหรับพื้นผิวของดิน
- เซนเซอร์น้ำฝน
เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ร่วมกับเครื่องตั้งเวลารดน้ำต้นไม้อัตโนมัติ (Controller) หน้าที่คือมันจะตัดระบบรดน้ำต้นไม้ไม่ให้ทำงาน ถ้า Rain Sensor ตรวจจับว่ามีฝนตกแล้ว ก่อนหน้าที่จะถึงเวลารดน้ำต้นไม้ หรือในระหว่างการรดน้ำต้นไม้
- เซนเซอร์แสง
นำไปใช้สำหรับควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ อย่างหลอดไฟที่ต้องการให้เปิดเองอัตโนมัติในเวลากลางคืน และปิดสวิทซ์เองในช่วงเวลากลางวัน และสามารถนำมาใช้งานสำหรับการเปิด หรือ ปิด สแลนหลังคาลดแสงแดดจากดวงอาทิตย์โดยตรง และช่วยดูดความเข้มแสง ที่ผ่านเข้ามาภายในโรงเรือน
- เซนเซอร์ความชื้น
ในอุตสาหกรรมจัดออกเป็น 3 ชนิด คือ คือ Capacitive, Thermal Conductivity และ Resistive
2.ซอฟต์แวร์
โซลูชันซอฟต์แวร์เฉพาะทางเกษตรโดยเฉพาะ เช่น ซอฟต์แวร์จาก EverGrow ที่มีระบบคอมพิวเตอร์ใช้ควบคุมอากาศ ความชื้น แสงแดด น้ำ แก๊สต่างๆ และระบบน้ำ ใช้สำหรับการผสมปุ๋ย รวมถึงลดการใช้ปริมาณน้ำ และยังมีซอฟต์แวร์คล้ายสมองกลที่ออกแบบเองใช้คำนวณปริมาณความร้อน ชื้น ในอากาศ หากมีความเหมาะสมแล้วก็ไม่จำเป็นต้องรดน้ำ
3.การเชื่อมต่อ
เช่น ความสามารถเชื่อมโยงการทำงานของเครื่องวัด และอุปกรณ์ทำการเกษตรต่าง ๆ เข้าด้วยกันผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและสมาร์ทโฟน
4.ที่ตั้ง
เช่น การใช้เทคโนโลยี GPS ดาวเทียม ช่วยให้เกษตรกรมองเห็นพื้นที่เพาะปลูกของตัวเองแบบภาพรวมจากอากาศ ทั้งยังช่วยหาความผิดปกติและปัญหาสุขภาพของพืชได้ โดยใช้เทคโนโลยีภาพถ่ายจากดาวเทียม EU-Sentinel และ NASA-Landset ทำให้เกษตรกรสามารถแก้ไขปัญหาพืชได้
5.วิทยาการหุ่นยนต์
อาศัยการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีขั้นสูงร่วมกัน ได้แก่ การผสมผสานการใช้เทคโนโลยีเซ็นเซอร์ (Sensor Fusion) และการใช้ข้อมูลเชิงลึก ทางเกษตรในระดับโอมิกส์ เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลการเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตร แล้วสั่งงานหุ่นยนต์ทางานร่วม (Cobots) ทางการเกษตรและ Drone ใช้ทํางานอย่างการไถเตรียมดิน การเพาะเมล็ดพืช การจัดการวัชพืช การใส่ปุ๋ย การคัดเลือกพืช เช่น รถแทรกเตอร์อัตโนมัติ
6.แพล็ตฟอร์มการวิเคราะห์ข้อมูล
ช่วยในการบันทึก วิเคราะห์ข้อมูล ทำให้เกษตรกรนำข้อมูลที่ได้นำปรับไปใช้ให้เหมาะสมกับโรงเรือนของตนเองได้แม่นยำขึ้น เช่น การใช้โซลูชันการวิเคราะห์แบบสแตนด์อะโลน เป็นต้น
ถึงแม้ปัจจุบันมีเครื่องมือ และเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาอย่างหลากหลาย เราเองสามารถเลือกสิ่งที่เหมาะสมและลงทุนแก้ปัญหา ช่วยลดระยะเวลาทำงาน ทั้งหมดนี้ผู้ประกอบการ และเกษตรกร สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อเป็นแนวทางทำการเกษตรให้มีประสิทธิผลและยั่งยืนมากขึ้นด้วยนั่นเอง