ประโยคคำสั่ง คือ ประโยคที่บอกให้บุคคลอื่นทำหรือไม่ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
ประโยคขอร้อง คือ ประโยคที่ขอให้ผู้ฟังทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้ ซึ่งผู้ฟังจะทำหรือไม่ทำก็ได้ จะแตกต่างจากประโยคคำสั่ง
1. ประโยคคำสั่ง
1. ประโยคคำสั่งนิยมใช้กับผู้ที่เด็กกว่า หรือผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาและแสดงได้โดยการใช้คำกริยาแท้ (Main Verb) ขึ้นต้นประโยค เช่น
(1) Come here! (คัม เฮียร์) มานี่ซิ
(2) Go away! (โก อเวย์) ออกไป
(3) Shut the door! (ชัท เธอะ ดอร์) ปิดประตูซะ
2. อนึ่งถ้าคำต้นเป็นคำคุณศัพท์ (Adjective) ให้เติม Be ข้างหน้าคำนั้น เช่น
(4) Be careful. (บี แคร์ฟุล) ระวังนะ
(5) Be quiet. (บี ไควเอ็ท) เงียบหน่อย
3. ในกรณีที่ต้องการสั่งคนใดคนหนึ่งโดยเฉพาะก็ให้ระบุชื่อผู้นั้นไว้ที่ต้นประโยค หรือท้ายประโยคก็ได้ เช่น
Vichai, carry this luggage to my room.
(วิชัย แคริ ธิส ลักกิจ ทู มาย รูม)
วิชัย เอาประเป๋านี้ไปไว้ที่ห้องผมด้วย
4. ถ้าต้องการสั่งห้าม ให้เติม Don’t ไว้ข้างหน้าคำกริยาแท้ เช่น
(1) Don’t go there. (โด้นท โก แธร์) อย่าไปที่นั่น
(2) Don’t talk too much. (โด้นท ทอค ทู มัช) อย่าพูดมากไปเลย
2. ประโยคขอร้อง
1. ความจริงแล้วประโยคคำสั่งและคำขอร้องนี้ มีลักษณะคล้ายกัน กล่าวคือ ถ้าเราเติมคำว่า “Please (พลีส)” หรือ “will you (วิล ยู)” ลงในในประโยคคำสั่ง ก็จะกลายรูปเป็นประโยคขอร้องทันที เช่น
ประโยคคำสั่ง : Shut the door!
(ชัท เธอะ ดอร์)
ปิดประตู
ประโยคคำขอร้อง :
(1) Please shut the door
(พลีส ชัท เธอะ ดอร์) กรุณาปิดประตูหน่อย
(2) Will you please shut the door?
(วิล ยู พลีส ชัท เธอะ ดอร์)
คุณจะกรุณาปิดประตูหน่อยได้ไหมครับ
(3) Would you please shut the door?
(วูด ยู พลีส ชัท เธอะ ดอร์)
คุณจะกรุณาปิดประตูหน่อยได้ไหมครับ
*ข้อสังเกต !
คำว่า “will” และ “would” นี้ไม่ได้เป็นประโยคคำถามแต่อย่างใดเลย หากแต่เป็นการแสดงความสุภาพมากขึ้นอีกเท่านั้น
2. การขอร้องโดยใช้โครงสร้างประโยค
Would you mind + กริยา-ing เช่น
Would you mind opening the window?
(วูด ยู ไมนด โอเพ่นนิ่ง เธอะ วินโดว์)
คุณจะกรุณาเปิดหน้าต่างหน่อยได้ไหมครับ
ประโยคนี้ดูคล้ายๆ ประโยคคำถาม แต่ความจริงแล้วไม่ได้เป็นประโยคคำถาม หากแต่เป็นประโยคขอร้องอย่างสุภาพ ว่าจะขัดข้องในการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่
การตอบประโยคขอร้องอย่างสุภาพ ถ้าเราไม่รังเกียจที่จะทำอย่างที่เขาขอร้องจะตอบว่า Yes ไม่ได้ จะต้องตอบในทางปฏิเสธเสมอ เพราะถ้าตอบ Yes จะกลายเป็นว่า เรารังเกียจเขา ดังนั้น ควรตอบดังนี้
(1) Not at all. - ไม่เป็นไรครับเปิดก็ได้
(น็อท แอท ออล)
(2) Of course not. - ไม่เป็นไรครับเปิดก็ได้
(ออฟ คอส น็อท)
(3) Certainly not. - ไม่เป็นไรครับ
(เซอเท่นลี่ น็อท)
(4) I’d be glad to. - ด้วยความยินดีครับ
(ไอด บี แกลด ทู)
(5) Of course. - แน่นอนครับน
(ออฟ คอส)
(6) O.K. (โอเค) - ตกลงครับ
(7) Certainly. - แน่นอนครับ
(เซอเท่นลี่)
(8) All right. - ตกลงครับ
(ออลไร้ท)
(9) With pleasure. - ด้วยความยินดีครับ
(วิธ เพลสเชอะ)
ในทางกลับกัน ถ้าเราไม่อยากทำตามอย่างที่เขาขอร้องเราก็ตอบโดยให้เหตุผลว่าทำไม เช่น
คำของร้อง : Would you mind opening the window?
(วูด ยู ไมนด โอเพนนิ่ง เธอะ วินโดว์)
คุณจะกรุณาเปิดหน้าต่างให้หน่อยได้ไหมครับ
ตกลงตามคำขอ : Certainly not.
(เซอเท่นลี่ น็อท)
ไม่เป็นไรครับเปิดก็ได้
ไม่ตกลงตามคำขอ : I’m sorry, but the wind is too strong
(ไอม ซ้อรี่ บัท เธอะ วินด อีส ทู สตรอง)
ผมเสียใจครับแต่ลมแรงเกินไป
ตัวอย่างคำสั่ง/คำขอร้องในห้องเรียน
At the start of the class
ต้นคาบเรียน
Okay guys, today we're gonna look at some new vocabulary.
โอเคทุกคน, วันนี้เราจะดูคำศัพท์ใหม่ๆ
*The word "gonna" is slang for "going to".
*คำว่า "gonna" เป็นคำสแลงที่ย่อมาจาก "going to"
Today I'm gonna teach you about conjunctions.
วันนี้ผมจะสอนคุณเกี่ยวกับคำเชื่อมต่างๆ
Open your books at page 8.
เปิดหนังสือไปที่หน้า 8
Turn to page 8.
เปิดไปที่หน้า 8
Did you forget your book? / Forgot your book?
ลืมเอาหนังสือมาหรอ
Don't worry. / It's ok. / It's alright.
ไม่ต้องห่วง / ไม่เป็นไร / ไม่เป็นไร
Can you share with your friend?
แบ่งใช้กับเพื่อนได้มั๊ย
I'll get you some paper.
เดี๋ยวเอากระดาษมาให้ใช้
Reading
เวลาอ่านภาษาอังกฤษ
Repeat after me.
พูดตามผมหน่อย
You forgot to read the 's' at the end.
คุณลืมอ่าน 's' ตรงท้าย
Please don't forget to read the 's' sound.
กรุณาอย่าลืมอ่านเสียง 's'
Can you read this word again?
อ่านคำนี้อีกครั้งได้มั๊ย
I want you to read number 1, please.
ผมอยากให้คุณอ่านข้อ 1 ครับ
Read the first paragraph.
อ่านย่อหน้าที่หนึ่งหน่อย
This is how you read this word with a Thai accent: /choo-gaa/, /don-laa/
นี่คือวิธีอ่านคำนี้ในสำเนียงไทย: /ชูการ์/, /ดอนล่า/ (sugar, dollar)
This is how you read this word with an American accent: /shu-ger/, /doll-er/
นี่คือวิธีอ่านคำนี้ในสำเนียงอเมริกัน: /ชูเกอะ/, /ดอเลอะ/
This sentence sounds more natural.
ประโยคอันนี้ฟังแล้วธรรมชาติกว่า
Answering
เวลาตอบคำถามภาษาอังกฤษ
Please write the answer.
กรุณาเขียนคำตอบหน่อย
You don't have to write the answer, just tell it to me.
ไม่ต้องเขียนคำตอบ, แค่พูดออกมาก็พอ
I want you to practice your speaking, so just tell me the answer.
ผมอยากให้คุณฝึกการพูด, ฉะนั้นแค่บอกคำตอบมาก็พอ (ไม่ต้องเขียน)
I'm sorry, I couldn't understand you.
โทษที, ผมไม่เข้าใจที่คุณพูดเมื่อกี้
Again, from the beginning, please.
เอาใหม่, ตั้งแต่แรกครับ
The answer is in the second paragraph.
คำตอบอยู่ในย่อหน้าที่สอง
Can you find it?
หาเจอมั๊ย
What's the answer to question 1a?
คำตอบของข้อ 1a คืออะไร
Say it in English, please.
กรุณาพูดเป็นภาษาอังกฤษหน่อยครับ
No/Nope, that's wrong.
ไม่ใช่, ผิดแล้ว
Like this?
แบบนี้หรือเปล่า
No, like this.
ไม่ใช่, แบบนี้ตังหาก
Yes/Yep, that's right/correct.
ใช่, ถูกต้องแล้วครับ
Teacher (ที่มีความรู้ภาษาไทย)
If you don't know the answer, just guess it.
ถ้าคุณไม่รู้คำตอบ, เดาเลยก็ได้
That sentence is ok, but this sentence is more common.
ประโยคอันนั้นก็โอเค, แต่อันนี้สามัญกว่า [ได้ยินคนพูดบ่อยกว่า]
You have 10 minutes.
คุณมีเวลาสิบนาที
(Are you) Finished?
เสร็จยัง
At the end of the class
ท้ายคาบเรียน
Okay, time's up!
โอเค, หมดเวลา!
(Do you have) Any questions?
มีคำถามมั๊ยครับ
That's all for today.
วันนี้จบแค่นี้
Please don't forget to do your homework.
กรุณาอย่าลืมทำการบ้านครับ
I'll see you (guys) next Wednesday.
แล้วเจอกันพุธหน้า
Have a nice weekend!
ขอให้มีความสุขในวันเสาร์อาทิตย์นี้!