2.2 ชิ้นส่วนที่เคลื่อนที่ (Moving parts)
ชิ้นส่วนที่เคลื่อนที่ของเครื่องยนต์ คือ ขึ้นส่วนทุกชิ้นของเครื่องขนด์ที่สามารถเคลื่อนที่ไปมาในขณะที่เครื่องขนต์กำลังทำงาน จะมีลักษณะของการเคลื่อนที่ 3 แบบ คือ
1. ชิ้นส่วนที่เคลื่อนที่ไป - กลับ หรือ เคลื่อนที่ขึ้น - ลงในขณะที่เครื่องยนต์ทำงาน ได้แก่ ลูกสูบ ลิ้น และกลไกลิ้นก้านสูบ
2. เคลื่อนที่ด้วยการหมุนชิ้นส่วนที่เคลื่อนที่ด้วยการหมุน จะเป็นชิ้นส่วนที่เคลื่อนที่ด้วยการหมุนในลักษณะวงกลมได้แก่ เพลาลูกเบี้ยว เพลาข้อเหวี่ยง และล้อช่วยแรงเคลื่อนที่แบบวงเดือนขึ้นส่วนที่
3. เคลื่อนที่แบบวงเดือน จะเป็นขึ้นส่วนที่เคลื่อนที่แบบเยื้องศูนย์ ได้แก่ ก้านสูบ ลูกเบี้ยวชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ที่เคลื่อนที่ได้ เป็นชิ้นส่วนที่มีความสำคัญอย่างมาก เพราะทำให้เครื่องขนต์มีกำลังงาน โดยจะประกอยด้วยชิ้นส่วนต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
ชิ้นสวนยองเครื่องยนต์แก้สโซลีน
ลูกสูบ ( Piston )
1. ลูกสูบ ( Piston )
ลูกสูบจะติดตั้งอยู่ภายในกระบอกสูบ โดยการเคลื่อนที่ขึ้น - ลง เป็นการถ่ายทอดแรงและการเคลื่อนที่ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงกำลังดันที่กระทำบนหัวลูกสูบ ทำให้ลูกสูบเถื่อนตัวลงและขึ้นภายในกระบอกสูบ จะทำหน้าที่ ดังนี้
1.1 อัดส่วนผสมระหว่าง อากาสกับน้ำมันเชื้อเพลิงหรือเรียกว่า " ไอดี " ในจังหวะอัด
1.2 ช่วยขับไถ่แก๊สไอเสียออกจากกระบอกสูบในจังหวะกาย
1.3 ถ่ายทอดแรงจากการ ระเบิดผ่านก้านสูบไปยังเพลาข้อเหวี่ยงในจังหวะระเบิด
1.4 ทำให้เกิดสูญญากาศภายในกระบอกสูบ จนทำให้กำลังดันบรรยากาศภายนอก ผลักดัน ส่วนผสมของอากาสกับน้ำมันเชื้อเพลิง เข้าสู่กระบอกสูบในจังหวะดูด
ก้านสูบ ( Connecting rod )
2. ก้านสูบ ( Connecting rod )
ก้านสูบ ทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมโยงระหว่างลูกสูบกับเพลาข้อเหวี่ยงเข้าด้วยกัน โดยเปลี่ยนการเคลื่อนที่ขึ้นลงในแนวซึ่งเป็นการหมุนรอบเพลาข้อเหวี่ยงก้านสูบจะประกอบด้วย ปลายด้านเล็กซึ่งเป็นรูด้านบนแบริ่งก้านสบสวมกันลูกสูบ โดยมีสลักลูกสูบและปลายด้านใหญ่จะเป็นส่วนล่างซึ่งสวมอยู่กับเพลาข้อเหวี่ยง โดยมีฝาประกับและแบริ่งประกอบอยู่ด้วย ก้านสูบทำมาจากเหล็กกล้าผสม จะมีความแข็งแรงสูง มีน้ำหนักเบา และทนต่อแรงกดดันได้สูง
สลักลูกสูบ ( Piston pin )
3. สลักลูกสูบ ( Piston pin )
สลักลูกสูบ เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับยึดลูกสูบเข้ากับก้านสูบ โดยมีแหวนล็อกสลักลูกสูบไม่ให้หลุดออกมา สลักลูกสูบจะเป็นอุปกรณ์ที่รับแรงจากลูกสูบเพื่อส่งถ่ายกำลังไปยังก้านสูบและส่งต่อไปขังเพลาข้อเหวี่ยง เพื่อนำไปใช้งานต่อไปสลักลูกสูบจะทำมาจากเหล็กกล้ำชุมผิวให้แข็ง โดยทำเป็นท่อนกลมกลวงภายในตลอดผิวเรียบสลักลูกสูบจะเป็นชื้นส่วนที่ต้องรับแรงมาก ถ้าใช้งานระยะเวลานาน ๆ ต้องเปลี่ยนใหม่เพราะไม่สามารถซ่อมได้
เพลาข้อเหวี่ยง ( Crank shaft )
4. เพลาข้อเหวี่ยง (Crank shaft)
เพลาข้อเหวี่ยงทำหน้าที่ เปลี่ยนการเคลื่อนที่ ขึ้น - ลงของลูกสูบ เป็นการหมุนรอบตามแนววงกลม และงานไปยังระบบส่งกำลังของรถยนต์ ซึ่งทำให้รถยนต์สามารถเคลื่อนไปได้
ล้อช่วยแรง ( Fly wheel )
5. ล้อช่วยแรง ( Fly wheel )
ล้อช่วยแรงจะติดตั้งอยู่ตรงส่วนปลายของเพลาข้อเหวี่ยงล้อช่วยแรงทำมาจากเหล็กหล่อพิเศษ หรือเหล็กเหนียวโดยกลึงผิวหน้าให้เรียบตรงด้านที่ยึดกับชุดคลัตซ์ล้อช่วยแรง ทำหน้าที่ หมุนไปกับเพลาข้อเหวี่ยงเพื่อทำให้เครื่องยนต์เดินเรียบอย่างสม่ำเสมอ และเก็บพลังงานจากการหมุน เพื่อรับกำลังงานมาจากเครื่องขนต์ผ่านชุดคลัดช์ไปยังเกียร์รถยนต์
เพลาลูกเบี้ยว ( Camshaft )
6. เพลาลูกเบี้ยว ( Camshaft )
เพลาลูกเบี้ยวเป็นชิ้นส่วนที่เคลื่อนที่ของเครื่องยนต์ 4 จังหวะทำหน้าที่เปิด - ปิดลิ้นไอดี และลิ้นไอเสียของเครื่องยนต์เพลาลูกเบี้ยวหมุนด้วยความเร็วเพียง 2 เท่าของเพลาข้อเหวี่ยงเพลาลูกสูบเบี้ยวทำมาจากเหล็กกล้ำขึ้นรูปหรือเหล็กหล่อชุบผิวแข็ง เพลาลูกเบี้ยวจะติดตั้งอยู่ตอนล่างของลูกสูบ ซึ่งการติดตั้งแบบนี้จะนิยมใช้กับเครื่องยนต์ทั่ว ๆไป โดยให้เฟืองขับโดยตรงแต่สำหรับรถยนต์ที่ใช้ในปัจจุบันนี้ จะนิยมติดตั้งเพลาลูกเบี้ยวอยู่บนฝาสูบ และจัดวางลิ้นอยู่บนฝาสูบด้วย ซึ่งจะใช้โซ่เป็นตัวขับหรือสายพานและเฟืองอยู่กายใน เป็นแบบที่นิยมเครื่องยนต์ในปัจจุบันมากที่สุด
7. ลิ้น และอุปกรณ์กลไกยกลิ้น (Valves or ValveMechanism)
ก้านกระทุ้งอง ลิ้นของเครื่องยนต์ ทำหน้าที่ เปิด - ปิด ช่องไอดีและไอเสีย ควบคุมการบรรจุไอดีเข้าไปภายในกระบอกสูบและเพื่อ
ขับไล่แก๊สไอเสียออกจากกระ บอกสูบของเครื่องยนต์ 4จังหวะ ลิ้นจะมีอยู่ 2 ชนิดที่ใช้ในเครื่องยนต์ คือ
1. ลิ้นไอดี ( อินเท็ค วาล์ว : Intake valve จะมีขนาดโตกว่าลิ้นไอเสีย ทำหน้าที่เปิดให้ส่วนผสมระหว่างอากาศน้ำมันเชื้อเพลิงจากท่อร่วมไอดีไหลเข้ามายังกระบอกสูบในจังหวะดูดและลิ้นไอดีจะปิดสนิทในจังหวะอัดและจังหวะระเบิดโดยลิ้นไอดีจะทำมาจากโลหะผสมพิเศษซิลิกอนโครเมี่ยม
2. ลิ้นไอเสีย ( เอ็กซ็อท วาล์ว : Exhaust valve ทำหน้าที่ที่เปิดให้แก๊สไอเสียที่เกิดจากการเผาไหม้ ไหลออกจากกระบอกสูบในจังหวะคาย และลิ้นไอเสียจะต้องปิดสนิทในจังหวะดูด จังหวะอัดและจังหวะระเบิด โดยลิ้นไอเสียจะทำมาจากโลหะผสมพิเศษ โครเมียมนิเกิล