1.การจับคู่
ธรรมชาติ >> เมื่อนกกระเรียนพันธุ์ไทยอายุได้ 1 ปี จะทำการจับคู่ได้แล้ว แต่จะพร้อมผสมพันธุ์เมื่อมีอายุ 3-5 ปี ซึ่งในทางธรรมชาติและกรงเลี้ยงก็จะเหมือนกัน เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์พ่อและแม่นกจะพาลูกนกที่อายุ 1 ปี กลับเข้ามารวมฝูง และปล่อยลูกนกไว้ในกลุ่มเพื่อให้ลูกนกได้หาคู่ของตัวเอง ส่วนตัวที่หาคู่ไม่ได้ก็จะรวมฝูงต่อไป ส่วนพ่อกับแม่นกก็จะกลับไปทำรังของตัวเองรอบใหม่
มนุษย์เลี้ยง >> เริ่มการสอนกระบวนการจับคู่ ตัวที่ไม่จับคู่ก็จะฝึกเข้าสังคม แล้วก็จะจับคู่กันเองตามธรรมชาติ การผสมเทียม >> คือการรีดน้ำเชื้อสดโดยเลือกพ่อพันธุ์ที่แข็งแรงแล้วไปผสมกับตัวเมียที่พร้อมจะวางไข่ (โดยจะมีสถิติตัวเมียที่พร้อมจะวางไข่) เหตุผลที่ต้องใช้วิธีการผสมเทียม คือ 1.)เพื่อป้องกันสายเลือดชิดกัน เพราะมันอาจส่งผลให้ลูกนกในรุ่นต่อไปเกิดความพิการหรืออ่อนแอได้ 2.) ตัวเมียนั้นคู่ของมันเกิดการตายไป หรือไม่ยอมรับตัวผู้ตัวใหม่เลย
2.การวางไข่/ฟักไข่
ธรรมชาติ >> พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ฟักเองใช้เวลา 30 วัน ไม่เกิน 1-2 ฟอง ตัวผู้กับตัวเมียจะช่วยกันฟักไข่ เมื่อฟักแล้วจะช่วยกันเลี้ยงถึง 1 ปีแล้วจึงปล่อยให้ลูกนกกินเอง
ตู้ฟักไข่ >> เหตุผลที่ต้องใช้ตู้ฟักเพราะ 1. ต้องการเพิ่มจำนวนไข่ให้ได้จำนวนที่มากขึ้น (โดยวิธีการขโมยไข่เข้าตู้ฟัก) ภายใน 1 ปีสามารถขโมยไข่ได้ 3 ครั้ง มีจำนวนมากถึง 6 กรณีที่ 2 โดยปกติในตามธรรมชาตินกกระเรียนจะวางไข่ 2 ฟอง แต่แม่นกฟักไข่แค่ใบเดียวแล้วลืมหรือละเลยในการฟักไข่ใบที่เหลือ เราจึงต้องนำไข่ใบที่พ่อแม่นก กระเรียนไม่ฟักเข้าตู้ฟักไข่ โดยวิธีการขโมยไข่เพื่อเพิ่มจำนวนไข่นั้นไม่นิยมทำบ่อยเพราะอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของตัวแม่นกกระเรียน
3.ลูกนก
ธรรมชาติ >> คือ พ่อแม่นกจะเลี้ยงเอง แต่จะมีการเสริมอาหารต่าง ๆ ให้ เช่น จำพวกตัวหนอนหรืออาหารเม็ด คนเลี้ยง >> จะจับนกแยกออกจากพ่อแม่ในตอนที่มีอายุไม่เกิน 7 วัน ซึ่งจะใช้การป้อนอาหาร ซึ่งเราจะเรียกว่า “กระบวนการแยกเลี้ยงแบบมนุษย์ใส่ชุดหุ่น” พ่อแม่นกจะป้อนอาหารให้ลูกนกไปจนถึง 1 เดือน แล้วปล่อยให้ลูกหัดกินเองซึ่งในทางธรรมชาติลูกนกจะมีพัฒนาการและร่างกายที่แข็งแรงมากกว่าคนเลี้ยง
4.โตเต็มวัย ลักษณะทางกายภาพ
>> สีขน มีสีเทา
>> ส่วนหัวมีสีแดง
>> นิ้วตีนไม่มีผังผืด
>> เป็นนกน้ำที่มีขนาดสูงที่สุดในโลก
>> ความสูง 150 – 190 เซนติเมตร