ความร้อน (Heat) : คือพลังงานที่ถ่ายโอนระหว่างวัตถุสองชิ้นที่มีอุณหภูมิแตกต่างกัน โดยพลังงานจะเคลื่อนจากวัตถุที่มีอุณหภูมิสูงไปยังวัตถุที่มีอุณหภูมิต่ำ
การถ่ายโอนความร้อน :
การนำ (Conduction) : การถ่ายโอนความร้อนจากโมเลกุลหนึ่งไปยังโมเลกุลอื่นโดยตรง เช่น จากเหล็กไปยังมือเมื่อสัมผัส
การพาความร้อน (Convection) : การถ่ายโอนความร้อนโดยการเคลื่อนที่ของของเหลวหรือก๊าซ เช่น การหมุนเวียนของอากาศร้อนในห้อง
การแผ่รังสี : การถ่ายโอนความร้อนผ่านคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เช่น แสงจากดวงอาทิตย์
การนำ (Conduction)
การพาความร้อน (Convection)
การแผ่รังสี (Radiation)
แนวคิดหลัก :
แก๊สประกอบด้วยโมเลกุลจำนวนนับไม่ถ้วนที่เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วและกระจัดกระจาย
โมเลกุลของแก๊สมีพลังงานจลน์ที่สัมพันธ์กับอุณหภูมิ
การชนกันระหว่างโมเลกุลของแก๊สเกิดขึ้นโดยไม่สูญเสียพลังงาน
(ชนกันแบบยืดหยุ่น)
อุณหภูมิและพลังงานจลน์
พลังงานจลน์เฉลี่ยของโมเลกุลในแก๊สสัมพันธ์กับอุณหภูมิ
โดย Ek คือพลังงานจลน์เฉลี่ย,
kB คือค่าคงที่ของบูลซ์มานน์, และ
T คืออุณหภูมิในหน่วยเคลวิน
โดย m คือมวลของโมเลกุล
ความร้อนที่ทำให้สสารเปลี่ยนอุณหภูมิ
(Heat for temperature change)
พลังงานที่จำเป็นในการเปลี่ยนอุณหภูมิของสสารใน
สถานะใดสถานะหนึ่ง
โดย Q คือพลังงานที่ดูดซับหรือปล่อยออก, m คือมวล,
c คือความจุความร้อนจำเพาะ, และ
ΔT คือการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ
ความร้อนที่ทำให้สสารเปลี่ยนสถานะ
(Heat for phase change)
พลังงานที่จำเป็นในการเปลี่ยนสถานะของสสาร เช่น
จากของแข็งเป็นของเหลว หรือจากของเหลวเป็นแก๊ส
โดย L คือความลับการหลอมเหลวหรือการระเหย
การขยายตัวและการบีบอัดของแก๊ส
เมื่อแก๊สขยายตัวหรือลดขนาดในภาชนะปิด จะมีการทำงานที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน โดย W คืองานที่ทำ, P คือความดัน, และ
ΔV คือการเปลี่ยนแปลงปริมาตร
ความสัมพันธ์ระหว่างความดันและอุณหภูมิ:
การเพิ่มอุณหภูมิของแก๊สจะเพิ่มความดันในกรณีที่ปริมาตรคงที่
การบีบอัดแก๊ส:
เมื่อเพิ่มความดันหรือทำให้ปริมาตรของแก๊สลดลง อุณหภูมิจะเพิ่มขึ้น
ความร้อนและทฤษฎีจลน์ของแก๊ส
ที่มา : ฟิสิกส์ ไทบ้าน