สาระสำคัญ
เรียนรู้ศัพท์สังคีตภาคปฏิบัติของกลุ่มเครื่องดนตรีเครื่องสายไทย
ผลการเรียนรู้
๑. เพื่อให้สามารถเข้าใจคำศัพท์สังคีตกลุ่มเครื่องดนตรีเครื่องสายไทย
๒. เพื่อให้สามารถปฏิบัติการบรรเลงได้ตรงตามศัพท์สังคีตที่กำหนด
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒.๑ ศัพท์สังคีตเกี่ยวกับเครื่องสี
หมายถึง วิธีการพรมนิ้วโดยยืนเสียงหลักแล้วพรมด้วยเสียงรอง โดยเสียงสุดท้ายอยู่ที่เสียงหลัก
วีดิทัศน์สาธิตวิธีปฏิบัติ "พรมเปิด"
หมายถึง วิธีการพรมนิ้วโดยเน้นเสียงรองแต่ยังคงยืนเสียงหลัก โดยเสียงสุดท้ายจะอยู่ที่เสียงรอง
วีดิทัศน์สาธิตวิธีปฏิบัติ "พรมปิด"
ตัวอย่างเพลงที่มีพรมเปิดและพรมปิด
หมายถึง วิธีการพรมแบบสั้นๆ ซึ่งนิยมใช้ตกแต่งทำนองของเสียงซอให้มีความพิเศษขึ้นในบางช่วง
วีดิทัศน์สาธิตวิธีปฏิบัติ "พรมจาก"
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑.๒ ศัพท์สังคีตเกี่ยวกับเครื่องตี (ขิม)
หมายถึง การตีประสานเสียง โดยใช้มือขวาดำเนินทำนองหลัก และใช้มือซ้ายตีประสานควบคู่กับทำนองหลักในพยางค์ที่ ๒ และ ๔ ของห้องเพลง
วีดิทัศน์สาธิตวิธีปฏิบัติ "สำนวนซุ้ม"
หมายถึง การรัวเสียงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดท่วงทำนองที่เสมือนการขับร้องเพลงไทยเดิม
วีดิทัศน์สาธิตวิธีปฏิบัติ "สำนวนกลิ้ง"
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒.๓ ศัพท์สังคีตเกี่ยวกับเครื่องดีด (จะเข้)
วีดิทัศน์แนะนำวิทยากร
- พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ (๒๕๕๖) ได้ให้ความหมายของคำว่า รัว ในหน้าที่ ๙๙๑ ความว่า รัว ๑, รัว ๆ ก. ตีหรือยิงเป็นต้นเร็ว ๆ ทำให้เกิดเสียงดังถี่ ๆ เช่น รัวระฆัง รัวกลอง รัวปืนกล; อาการที่พูดเร็วจนลิ้นพันกัน ฟังไม่ได้ชัด เรียกว่าพูดลิ้นรัว. ว. ไหวถี่ ๆ เช่น ตัวสั่นรัว ๆ; ไม่ชัด, ไม่แจ่มแจ้ง, เช่น ข้อความรัว ภาพรัว ๆ เห็นรัว ๆ. (ราชบัณฑิตยสถาน, ๒๕๕๖, น. ๙๙๑)
- บุญธรรม ตราโมท (๒๕๔๕) ได้อธิบายเกี่ยวกับความหมาย และวิธีการปฏิบัติของคำว่า “รัว” ในหนังสือ คำบรรยายวิชาดุริยางคศาสตร์ ไทย หน้า ๗๖ – ๗๗ มีความว่า รัว คำนี้มีความหมายได้เป็น ๒ ประการ คือ
ประการที่ ๑ หมายถึงชื่อเพลง ๆ หนึ่ง ซึ่งทำนองเพลงบางตอนยืนเสียงอยู่ที่เดียวเป็นเสียง ๆ เสียงละหลาย ๆ พยางค์ ทั้งเร่งให้ค่อย ๆ ถี่ขึ้นไปเป็นตอน ๆ โดยไม่จำกัดจำนวนพยางค์ และเกือบจะเป็นเพลงที่ ไม่มีจังหวะควบคุมเสียเลย เพลงนี้มักใช้เป็นหน้าพาทย์ประกอบกับอภินิหารต่าง ๆ กับใช้เป็นเพลงต่อท้ายเพลงเสมอ และเพลงไหว้ครูเกือบทุกเพลง
ประการที่ ๒ หมายถึง วิธีการบรรเลงโดยทำเสียงให้สั้นและถี่ที่สุด สำหรับเครื่องดนตรีประเภทตีก็ใช้ตีสลับกันสองมือโดยเร็ว เครื่องดนตรีประเภทสีก็ใช้คันสี ๆ เร็ว ๆ สั้น ๆ และเครื่องดนตรีประเภทดีดก็ใช้ไม้ดีดดีดเข้าออกสลับกันเร็ว ๆ
รัวในประการที่ ๒ นี้ ยังแยกได้อีกเป็น ๒ อย่างคือ ก. รัวเสียงเดียว ข. รัวเป็นทำนอง
ก. รัวเสียงเดียว คือ การทำเสียงให้สั้น ๆ ถี่ ๆ ยืนอยู่ในเสียงใดเสียงหนึ่งแต่เสียงเดียวเสียงที่ทำให้สั้น ๆ และถี่ ๆ นี้ ยิ่งทำให้ถี่ (เรียกว่าละเอียด) ได้เท่าใดยิ่งดี โดยไม่ต้องคำนึงว่าเสียงสั้น ๆ ถี่ ๆ นี้ จะต้องย่อยลงมาจากจังหวะอย่างใด
ข. รัวเป็นทำนอง คือ การทำให้เสียงสั้น ๆ ถี่ ๆ ด้วยและเป็นทำนอง (เสียงสูง ๆ ต่ำ ๆ สลับสับสนกัน) ไปด้วยในตัว แต่เสียงที่ทำให้ถี่ ๆ ชนิดนี้จะต้องดำเนินเป็นส่วนย่อยลงมาจากจังหวะเช่นเดียวกับขยี้ รัวชนิดนี้มักเป็นวิธีการประจำของระนาดเอก แต่ระนาดเอกนั้นเวลาที่บรรเลงอย่างที่เรียกว่า ขยี้ ใช้ตีพร้อม ๆ กันทั้งสองมือเป็นคู่ ๘ ทุก ๆ เสียง ส่วนเวลาบรรเลงที่เรียกว่า รัว ใช้ตีมือละเสียงสลับกันโดยเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นกว่าเวลาขยี้ เสียงที่รัวจึงจะละเอียดดี (บุญธรรม ตราโมท, ๒๕๔๕, น. ๗๖ – ๗๗)
วีดิทัศน์สาธิตวิธีปฏิบัติ "รัว"
วิธีบรรเลงเครื่องดนตรีดำเนินทำนองทั่วไปที่เพิ่มเติมเสียงสอดแทรกให้มีพยางค์ถี่ขึ้นมากกว่าทำนองเนื้อเพลงธรรมดา, ทำนองเก็บ หรือ ลูกเก็บ ก็เรียก (ราชบัณฑิตยสถาน, ๒๕๕๖)
การบรรเลงวิธีหนึ่งซึ่งประดิษฐ์พยางค์ หรือเสียงเพิ่ม แทรกให้ถี่ขึ้นไปอีกชั้นจากเนื้อเพลงธรรมดา การเก็บนี้เป็นวิธีการโดยปกติของทางระนาดเอกและจะเข้ (บุญธรรม ตราโมท, ๒๕๔๕)
วีดิทัศน์สาธิตวิธีปฏิบัติ "เก็บ"
สะบัด ๑ ก. เคลื่อนไหวหรือทำให้เคลื่อนไหวไปมาอย่างเร็วและแรง เช่น หมาสะบัดขนเพื่อให้น้ำที่ติดอยู่หลุดกระเซ็นไป แมวคาบหนูสะบัดไปมา ธงสะบัด; โดยปริยายหมายความว่า อย่างมาก, อย่างยิ่ง, เช่น สวยสะบัด โกงสะบัด (ราชบัณฑิตยสถาน, ๒๕๕๖)
สะบัด คือ การแทรกพยางค์ (หรือเสียง) เข้าไปในทางเก็บอีก ๑ พยางค์ ซึ่งแล้วแต่จะเห็นสมควรว่าจะแทรกตรงไหนบ้าง การแทรกพยางค์ตามวิธีที่เรียกว่า สบัด นี้ หากอยู่ในขณะที่บรรเลงโดยใช้จังหวะช้าพยางค์ที่แทรกนี้จะอยู่ชิดกันกับพยางค์หลังที่อยู่ถัดไป ทั้งเหนี่ยวรั้งพยางค์ข้างหน้าให้ร่นถอยไปชิดกับพยางค์ที่แทรกเข้ามานั้น จนเท่ากันกับที่ตัวเองชิดกับพยางค์หลัง แต่ถ้าอยู่ในขณะที่บรรเลง โดยใช้จังหวะเร็วแล้ว พยางค์ที่แทรกเข้ามานี้ก็จะอยู่ระหว่างศูนย์กลางของที่ ๒ พยางค์พอดี และมิได้ทำให้พยางค์อื่นเคลื่อนที่อย่างใด ทั้งนี้ก็เพราะความเร็วบังคับมิให้ทำได้ดังที่อยู่ในขณะใช้จังหวะช้าดังจะได้เห็นตัวอย่างเป็นตัวโน้ตรวมอยู่ในข้อต่อไปนี้ (บุญธรรม ตราโมท, ๒๕๔๕)
วีดิทัศน์สาธิตวิธีปฏิบัติ "สะบัดเสียงเดียว"
วีดิทัศน์สาธิตวิธีปฏิบัติ "สะบัดสามเสียง"
กระทบ ก.โดน, ถูกต้อง, ปะทะ, ในบทกลอนใช้ว่า ทบ ก็มี เช่น ของ้าวทบประทะกัน (ตะเลงพ่าย), หรือ ประทบ ก็มี เช่น ประทบประทะอลวน (ตะเลงพ่าย), พูดหรือทำให้กระเทือนไปถึงผู้อื่น เช่น พูดกระทบเขา ตีวัวกระทบคราด (ราชบัณฑิตยสถาน, ๒๕๕๖)
วิโรจน์ สุภาลูน อธิบายวิธีการกระทบสาย ในหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพคุณครูนิภา อภัยวงศ์ หน้าที่ ๔๖ โดยเรียกวิธีการดีดนี้ว่า ผลึ่ง มีความว่า การกระทบสามสาย (ผลึ่ง) เป็นการดีดสายทั้งสามให้ได้เสียงออกมาพร้อมกัน โดยใช้นิ้วชี้กดลงบนนมที่สามของสายทุ้มแล้วดีดพร้อมกันสามสาย โดยใช้ไม้ดีดเข้าจะได้เสียงโด คู่แปดสามเสียง (วิโรจน์ สุภาลูน, ๒๕๔๒, น. ๔๖)
การดีดกระทบสาม ๓ เสียงเดียวกัน ใช้เป็นจำนวนมาก ได้แก่ การดีด “ฉ่าง” หรืออาจเรียกว่า “แพร็ง” ที่เสียงโดนั่นเอง การดีดเสียงกระทบนี้ จะดีดไม้ดีดเข้าที่สายเปล่าสายเอก พาดไปโดนสายทุ้มนมที่ ๓ โดยที่มือซ้ายกดนมจะเข้ไว้ และพาดลงไปถึงสายเปล่าสายลวดด้วย เพราะฉะนั้นการดีดไม้ดีดเข้า ๑ ครั้ง จะได้เสียงจะเข้เป็นเสียงเดียวกัน ๓ สาย ดังอธิบายไว้แล้วในเบื้องต้น แสดงด้วยโน้ตดังตัวอย่างที่แสดงดังนี้
วีดิทัศน์อธิบายวิธีปฏิบัติ "ดีดกระทบสาย"
วิดิทัศน์สาธิตวิธีปฏิบัติ "ดีดกระทบสาย"
วิธีบรรเลงดนตรีโดยเพิ่มพยางค์ในประโยคเพลงให้มากขึ้นกว่าการบรรเลงปรกติ ทำได้ ๒ วิธี คือ เพิ่มโดยเติมพยางค์ก่อนจะถึงลูกตกท้ายประโยค หรือเพิ่มโดยการบรรเลงประโยคนั้นให้เร็วขึ้นเป็นหลายครั้งในเวลาเท่ากับการบรรเลงเดิม (ราชบัณฑิตยสถาน, ๒๕๕๖)
ขยี้ คือการบรรเลงวิธีหนึ่ง ซึ่งผู้ประดิษฐ์พยางค์หรือเสียงเพิ่มแทรกให้ถี่ขึ้นไปอีกเท่าหนึ่งเป็นทวีคูณจากทางเก็บที่ได้กล่าวมาข้างบนนี้ สมมุติว่าเนื้อเพลงธรรมดาใช้ ๔ พยางค์ ทางเก็บใช้ ๘ พยางค์ และทางขยี้ก็ต้องเพิ่มพยางค์แทรกขึ้นไปอีกเท่าหนึ่ง จึงจะเป็น ๑๖ พยางค์ (บุญธรรม ตราโมท, ๒๕๔๕)
หนังสือเกณฑ์มาตรฐานดนตรีไทยและเกณฑ์การประเมินอธิบายว่า “การตบสาย คือการใช้น้ำหนักนิ้วกดลงตามตำแหน่งแรงกว่าที่กดตามปกติเล็กน้อย ให้เกิดเสียงตามมาหลังการดีดด้วยไม้ดีดเดียว” (สำนักมาตรฐานอุดมศึกษา, ๒๕๔๔, น. ๓๒๙)
วิธีการดีดจะเข้ด้วยวิธีการดีดตบสาย คือ โดยใช้ไม้ดีดเข้าพร้อมกับนิ้วนางมือซ้ายกดที่เสียงใดเสียงเสียงหนึ่งของสายที่ต้องการ แล้วใช้นิ้วชี้ตบข้ามไป 1 นม ให้เกิดหางเสียงตามมาเป็นคู่ 3 ด้วยไม้ดีดเดียว
หมายถึง การดีดไม้เข้า ๑ ครั้ง จะได้เสียงเดียวกันสามสาย เริ่มจากสายเปล่าสายเอกพาดไปโดนสายทุ้มที่มีมือซ้ายกดนมที่ ๓ไว้ และพาดลงไปถึงสายเปล่าสายลวดด้วย
คณะผู้จัดทำหน่วยความรู้ที่ ๒ ศัพท์สังคีตกลุ่มวิชาเอกเครื่องสายไทย
อ.วีรวัฒน์ เสนจันทร์ฒิไชย
อ. ว่าที่ร้อยตรีวัญชัย ชะยูเด็น