สาระสำคัญ
เรียนรู้ศัพท์สังคีตภาคปฏิบัติของกลุ่มเครื่องดนตรีปี่พาทย์ และเครื่องหนัง
ผลการเรียนรู้
๑. เพื่อให้สามารถเข้าใจคำศัพท์สังคีตกลุ่มเครื่องดนตรีปี่พาทย์ และเครื่องหนัง
๒. เพื่อให้สามารถปฏิบัติการบรรเลงได้ตรงตามศัพท์สังคีตที่กำหนด
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑.๑ ศัพท์สังคีตเกี่ยวกับเครื่องตี
หมายถึง วิธีการบรรเลงดนตรีประเภทเครื่องตีดำเนินทำนอง ที่ทำให้เกิดเสียงต่อเนื่องกัน เป็นเสียงยาวสม่ำเสมอ โดยใช้ ๒ มือตีสลับกันถี่ ๆ เหมือนรัวเสียงเดียวแต่ทั้งสองมือมิได้ตีอยู่ที่เดียวกัน มักตีเป็นคู่ ๒ คู่ ๓ คู่ ๔ คู่ ๕ คู่ ๖ และคู่ ๘
วีดิทัศน์สาธิตวิธีปฏิบัติ "กรอ"
หมายถึง วิธีบรรเลงที่ทำเสียงหลาย ๆ พยางค์ให้สั้นและถี่ที่สุด ถ้าเป็นเครื่องประเภทดีด เช่น จะเข้ ก็ใช้ไม้ดีด ดีดเข้าออกสลับกันเร็ว ๆ ที่เรียกว่า “รัวไม้ดีด” เครื่องดนตรีประเภทสี เช่น ซอ ก็ใช้คันชักสีเข้าออกสั้น ๆ เร็ว ๆ ที่เรียกว่า “รัวคันชัก” เครื่องดนตรีประเภทเป่า เช่น ขลุ่ย ก็รัวนิ้วปิดเปิดให้ถี่และเร็วที่สุด ที่เรียกว่า “รัวนิ้ว” เครื่องดนตรีประเภทตี เช่น ระนาดเอก ก็ใช้ตีสลับกัน ๒ มือ วิธีรัวของเครื่องดนตรีประเภทตีแยกออกได้เป็น ๒ อย่าง คือ รัวเสียงเดียวและรัวเป็นทำนอง
วีดิทัศน์สาธิตวิธีปฏิบัติ "รัว"
หมายถึง วิธีปฏิบัติอย่างหนึ่งของเครื่องดนตรีประเภทตี เช่น ระนาดเอก ฆ้องวงใหญ่ โดยใช้ไม้ตี ลากไปบนเครื่องดนตรี ลูกระนาดเอกหรือลูกฆ้องวงใหญ่ ซึ่งมีกิริยาอย่างเดียวกับการใช้ไม้กวาด กวาดผง การกวาดนี้จะกวาดจากเสียงสูงมาหาเสียงต่ำหรือจากเสียงต่ำไปหาเสียงสูงก็ได้
วีดิทัศน์สาธิตวิธีปฏิบัติ "กวาด"
หมายถึง วิธีการบรรเลงเครื่องดนตรีดำเนินทำนองทั่วไป ที่เพิ่มเติมเสียงสอดแทรกให้มีพยางค์ถี่ขึ้นกว่าทำนองเนื้อเพลงธรรมดา ซึ่งถ้าเขียนเป็นโน้ตสากลตัวเขบ็ต ๒ ชั้น ในจังหวะ ๒/๔ ก็จะเป็นจังหวะละ ๔ ตัว ห้องละ ๘ ตัว
การบรรเลง “เก็บ” นี้ ส่วนมากใช้กับทำนองเพลงพื้น ๆ ทั่วไป เช่น เพลงลมพัดชายเขา เพลงจระเข้หางยาว เรียกว่า ทางเก็บ ส่วนเพลงบังคับทางซึ่งส่วนมากเป็นทางกรอ เช่น เพลงเขมรไทรโยค เพลงโสมส่องแสง มักเป็นการบรรเลงด้วยการกรอ อาจมีการเก็บบ้างเล็กน้อย
วีดิทัศน์สาธิตวิธีปฏิบัติการ "เก็บ"
หมายถึง วิธีบรรเลงดนตรีโดยเพิ่มพยางค์ในแต่ละประโยคเพลงให้มากขึ้นกว่าการบรรเลงปรกติ ทำได้ ๒ วิธี คือ ๑) เพิ่มโดยเติมพยางค์ให้มากขึ้นก่อนจะถึงลูกตกท้ายประโยค และ ๒) เพิ่มโดยการบรรเลงประโยคนั้นให้เร็วขึ้นเป็นหลายครั้งในเวลาเท่ากับการบรรเลงเดิม การขยี้วิธีหลังนี้ผู้มีความสามารถสูงอาจทำได้ถึง ๖ ครั้งใน ๑ ช่วงเวลา บรรเลงปรกติ เรียกว่า “ขยี้ ๖ ชั้น”
วีดิทัศน์สาธิตวิธีปฏิบัติ "ขยี้"
หมายถึง เป็นคำเรียกวิธีดำเนินทำนองเพลงแบบหนึ่งที่ปฏิบัติพลิกแพลง ให้มีวิธีการบรรเลงเป็น ๒ อย่างสลับกัน โดยปรกติใช้เรียกทางเดี่ยวของระนาดเอกที่มีทั้ง “เก็บ”และ “รัว” เป็นทำนอง) สลับกัน
อธิบาย : ที่เรียกว่าคาบลูกคาบดอก ก็เป็นการสมมติว่า “เก็บ” และ “รัว” เป็นดอก เมื่อบรรเลงโดยใช้วิธีทั้ง ๒ อย่างสลับกันจึงเป็นคาบลูกคาบดอก
วีดิทัศน์สาธิตวิธีปฏิบัติ "คาบลูกคาบดอก"
หมายถึง วิธีการบรรเลงที่แทรกเสียงเข้ามาในเวลาบรรเลงทำนอง “เก็บ” อีก ๑ พยางค์ รวมเป็น ๓ พยางค์ (ดู เก็บประกอบ) ซึ่งแล้วแต่ผู้บรรเลงจะเห็นสมควรว่าแทรกตรงไหน ทำนองตรงที่แทรกนั้นเรียกว่า “สะบัด” วิธีการบรรเลงสะบัดอาจทำได้ด้วยการสะบัดโน้ตระดับเสียงเดียว สะบัดโน้ต ๒ ระดับเสียง และสะบัดโน้ต ๓ ระดับเสียง
หลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปะบรรเลง) ได้กล่าวไว้ว่า วิธีบรรเลงสะบัดมีอยู่ ๒ แบบ คือ แบบ “สะบัดคม” และแบบ “สะบัดหน่วง” โดยสะบัด คม คือ การตีเก็บ ๓ พยางค์ ที่รวดเร็ว ทำให้เกิดเสียงกร้าว ส่วนสะบัดหน่วง คือ การตีเก็บ ๓ พยางค์ที่ไม่เร็วมากนัก ทำให้เกิดเสียงนุ่มนวลกว่าสะบัดคม
วีดิทัศน์สาธิตวิธีปฏิบัติ "สะบัดขึ้น"
วีดิทัศน์สาธิตวิธีปฏิบัติ "สะบัดลง"
หมายถึง วิธีการบรรเลงด้วยการสะบัดโน้ตในระดับเสียงให้มีเสียงดัง ๓ พยางค์ต่อเนื่องกันอย่างรวดเร็ว โดยเป็นการสอดแทรกพยางค์เข้าในการบรรเลงเก็บโน้ต ๒ พยางค์ (ดูสะบัด)
วีดิทัศน์สาธิตวิธีปฏิบัติ "สะเดาะ"
วีดิทัศน์สาธิตสรุปวิธีการปฏิบัติเครื่องตี
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑.๒ ศัพท์สังคีตเกี่ยวกับเครื่องเป่า (ปี่ใน)
หมายถึง ชื่อกลุ่มเสียงต่ำของเครื่องดนตรีประเภทปี่ (ดูแหบ ประกอบ)
วีดิทัศน์สาธิตวิธีปฏิบัติเสียง "ต้อ"
หมายถึงชื่อของกลุ่มเสียงที่บีบให้สูงพิเศษของเครื่องดนตรีประเภทเครื่องเป่า ตามปกติกลุ่มเสียงต่ำสุดเรียกว่า “เสียงต้อ” ช่วงเสียงกลาง เรียกว่า “เสียงกลาง” กลุ่มเสียงบน เรียกว่า “เสียงแหบ”
วีดิทัศน์สาธิตวิธีปฏิบัติเสียง "แหบ"
หมายถึง การบรรเลงเครื่องดนตรีประเภทที่ใช้นิ้ว เช่น ปี่ ขลุ่ย และซอต่าง ๆ โดยใช้นิ้วต่างกันแต่ทำให้เกิดเป็นเสียงระดับเดียวกัน และต้องทำเสียงติดต่อกันตั้งแต่ ๒ พยางค์ขึ้นไป คือ ปิดเปิดนิ้วอย่างที่ปฏิบัติอยู่เป็นปกติครั้งหนึ่งและนิ้วควงครั้งหนึ่งติดต่อกัน อาจเพียงอย่างละพยางค์เดียว (ฮือ-ฮอ) หรือสลับกันหลาย ๆ พยางค์ (ฮือ-ฮอ-ฮือ-ฮอ-ฮือ-ฮอ) ก็ได้ แต่ถ้าทำอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงเสียงเดียว จะเรียกว่า “ควง” ไม่ได้ เสียงที่เกิดจากการควงหรือควงนิ้วเรียกว่า “เสียงควง”
วีดิทัศน์สาธิตวิธีปฏิบัติ "กรอ"
หมายถึง วิธีปฏิบัติให้เกิดสียงอย่างหนึ่งของเครื่องดนตรีประเภทที่ใช้นิ้วบังคับเสียงสูงต่ำ เช่น ซอ ปี่ เมื่อต้องการให้ทำนองเพลงตอนนั้นมีเสียงพลิ้วและสั่นระรัว เพื่อให้เกิดความไพเราะ จึงใช้ปลายนิ้วแตะเร็ว ๆ ก็จะเกิดเป็นเสียงสูงขึ้นไปสลับกับเสียงเดิมอย่างถี่ ๆ และจบลงด้วยเสียงเดิม เสียงที่เกิดจากการพรมนั้นละเอียดและนานกว่าเสียงที่เกิดจากประ
วีดิทัศน์สาธิตวิธีปฏิบัติ "พรมนิ้ว"
หมายถึง วิธีบรรเลงอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดเสียงเต้นระริกไปในตัวเล็กน้อย การบรรเลงเครื่องดนตรีประเภทที่ใช้นิ้ว เช่น ปี่ ซอ จะขยับนิ้วให้สั่นสะเทือนขึ้นคล้ายกับที่ปากเราพูดว่า “ปริบ” นั่นเอง นิยมใช้ในเพลงเดี่ยวทางหวานหรือทางธรรมดาในช่วงเสียงยาวหรือหมดวรรคตอน ส่วนเครื่องดนตรีที่ดำเนินทำนอง เช่น ระนาด ฆ้องวง ก็ตีลงไปโดยทำให้ไม้ตีสั่นสะเทือนขึ้นมาเล็กน้อย มักจะใช้ในการดำเนินทำนองแบบทางกรอและในบางโอกาสที่เหมาะสม ขึ้นอยู่กับความสามารถของนักดนตรีผู้บรรเลง
วีดิทัศน์สาธิตวิธีปฏิบัติ "ปริบ"
วีดิทัศน์สาธิตสรุปวิธีปฏิบัติเครื่องเป่า (ปี่ใน)
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑.๓ ศัพท์สังคีตเกี่ยวกับเครื่องหนังไทย
หมายถึง วิธีการตีกลองทัดตามแบบแผนที่บัญญัติไว้ประจำกับทำนองเพลงนั้น ๆ เช่นเดียวกับเครื่องขึงด้วยหนังที่เลียนเสียงจากทับต้องตีตามหน้าทับ แต่กลองทัดเป็นเครื่องขึงด้วยหนังกำกับจังหวะอีกแบบหนึ่งซึ่งมิได้เลียนเสียงมาจากทับ เพราะฉะนั้นวิธีตีกลองทัด จึงเรียกว่า “ไม้กลอง” ไม่เรียกว่า “หน้าทับ” (ดูไม้เดินประกอบ)
วีดิทัศน์สาธิตวิธีปฏิบัติ "ไม้กลอง"เพลงลา
หมายถึง วิธีการตีกลองทัดที่ดำเนินไปเรื่อย ๆ ตามจังหวะอย่างสม่ำเสมอ ไม่มีการสอดแทรกให้กระชั้น จะถี่หรือห่างเท่าใดแล้วแต่ลักษณะของทำนองนั้น ๆ เช่น เพลงเข้าม่าน เพลงปฐม เพลงเชิด
วีดิทัศน์สาธิตวิธีปฏิบัติ "ไม้เดิน"
หมายถึง ไม้กลองที่ตีสอดแทรกแซงให้กระชั้นกัน ซึ่งเป็นไปตามแบบบัญญัติ มิใช่เล่นไม้ เพื่อให้ทราบว่าจบตอนของเพลงหรือจบเพลง เรียกว่า “ลา” หรือ “ไม้ลา” เช่น เพลงเสมอ จะตีไม้เดิน ๕ ไม้ แล้วจึงถึงลา เรียกว่า “๕ ไม้ลา” ซึ่งหมายความว่าดำเนินเรื่อย ๆ มา ๕ จังหวะ (ของกลอง) แล้วก็ถึงตอนจบ (ดูไม้กลองประกอบ)
วีดิทัศน์สาธิตวิธีปฏิบัติ "ไม้ลา"
หมายถึง วิธีตีเครื่องหนังประเภทหน้าทับ โดยเพิ่มเติมกลเม็ดให้พลิกแพลงออกไป เพื่อให้น่าฟังยิ่งขึ้น แต่มีความยาวของหน้าทับเท่าเดิมและต้องรักษาทำนองเนื้อแท้ไว้เป็นหลัก การตีพลิกแพลงก็ต้องให้สอดคล้องและเหมาะสมกับทำนองเพลงด้วย
วีดิทัศน์สาธิตวิธีปฏิบัติ "ส่าย"
หมายถึง การตีกลองทัดพลิกแพลงสอดแทรกให้ผิดไปจากไม้กลองเดิม แต่จะต้องยึดถือไม้กลองอันเป็นเนื้อแท้ของเดิมไว้เป็นหลัก ทั้งนี้ก็เพื่อมิให้เบื่ออย่างหนึ่งกับเพื่อให้เหาะสมกับท่ารำของตัวโขนละครอีกอย่างหนึ่ง
วีดิทัศน์สาธิตวิธีปฏิบัติ "เล่นไม้"
คณะผู้จัดทำหน่วยความรู้ที่ ๑ ศัพท์สังคีตกลุ่มวิชาเอกปี่พาทย์และเครื่องหนัง
อ.ผไทพันธ์ุ พึ่งบุญ ณ อยุธยา
อ.ธนาพงษ์ พรหมทัศน์