ประเพณีกินแกงขี้เหล็กในวันเพ็ญเดือน ๑๒

"ขี้เหล็ก” เป็นพืชผักผลไม้ที่หาได้ง่ายตามท้องไร่ท้องนาหรือสวนหลังบ้าน นอกจากจะนำมาใช้เป็นอาหารไว้รับประทานแล้ว ตำราการแพทย์แผนไทยยังได้มีการใช้ประโยชน์ของขี้เหล็กในหลายๆด้าน เช่น ใช้แก้อาการท้องผูก บำรุงโลหิต บำรุงน้ำดี ช่วยทำให้เจริญอาหารฯลฯ โดยส่วนที่นำมาใช้และมีสรรพคุณทางยา ได้แก่ ดอก ใบ ใบแก่ ฝัก เปลือกฝัก เปลือกต้น ลำต้น กิ่ง แก่น ทั้งต้นและราก นอกจากนี้ขี้เหล็กยังมีสาร  "บาราคอล” ที่มีฤทธิ์ในการกล่อมประสาทมีฤทธิ์เป็นยานอนหลับอ่อนๆ ทำให้นอนหลับสบาย

ในคืนวันเพ็ญ เดือน ๑๒ งานประเพณีลอยกระทงที่ชาวบ้านจะร่วมใจสืบทอดประเพณีวิถีถิ่นของ  ในตำบลนครชุมด้วยการ "แกงขี้เหล็ก” ซึ่งเป็นความเชื่อคนโบราณว่า เป็นสุดยอดของยาอายุวัฒนะ โดยเมืองนครชุม เป็นเมืองแห่งความหลากหลายทางวัฒนธรรมในด้านศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม จารีตประเพณี เอกลักษณ์และภูมิปัญญาท้องถิ่น ทำให้ชุมชน ชาวบ้านย้อนอดีตและออกมารักษาวัฒนธรรมประเพณีนี้กันอีกมากมาย ทำให้สร้างอาชีพ กระจายรายได้และมีส่วนร่วมกับกิจกรรมที่มาจากบรรพบุรุษเรามานานนม แสดงถึงวิถีชีวิตความเอื้ออาทร ต่อกันเคยทำแจกกันในสมัยก่อน ปู่ ย่า ตา ยาย เคยทำมาและอวยพรให้ชาวบ้าน อยู่ดีมีสุข สุขภาพแข็งแรง

 

ประวัติความเป็นมา

แกงขี้เหล็ก มีส่วนประกอบของแกงขี้เหล็ก ใบขี้เหล็กเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่ง คนโบราณเอาใบอ่อนและดอกมาปรุงเป็นของกิน ในวันเพ็ญ เดือน ๑๒ ทำแกงขี้เหล็กกันทุกครัวเรือน คนนครชุมโบราณถือว่า วันเพ็ญเดือน ๑๒ ยอดขี้เหล็กจะเป็นยารักษาสารพัดโรค แต่ต้องเก็บตอนเช้ามืด โดยมีความเชื่อที่ว่า การปรุงแกงขี้เหล็กเพื่อ เป็นยาอายุวัฒนะ ก่อนหน้าการลอยกระทงเพียง ๑๒ ชั่วโมง ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น จะมีพิธีพลียาจากต้นขี้เหล็ก เพราะ มีความเชื่อว่าต้นขี้เหล็กจะมีเทพเทวดาคอยรักษา จึงต้องทำพิธีนี้ขึ้นเพื่อขออนุญาต  นำดอกขี้เหล็กและใบอ่อนไปปรุงเป็นอาหารและต้องแกงขี้เหล็กให้เสร็จภายในวันนั้น จะเก็บล่วงหน้าไม่ได้ มิฉะนั้นสรรพคุณจะไม่ขลัง การหักช่อดอกต้องทำด้วยความสุภาพและระมัดระวัง ให้ความเคารพต่อเทพเทวดาที่สถิตอยู่กับต้นขี้เหล็กนั้น ปัจจุบันจะมีแกงกันในวันเพ็ญดังกล่าว เฉพาะบ้านผู้รู้ในตำราแพทย์แผนไทย  กล่าวว่า แก้ท้องผูก นอนไม่หลับ บำรุงน้ำดี บำรุงโลหิต และทำให้เจริญอาหาร ส่วนคนที่มารับประทาน แกงขี้เหล็กได้ฟรี หรือจะทำบุญแล้วแต่กำลังศรัทธา จะนำเงินที่ได้ทั้งหมดไปถวายวัด