เกี่ยวกับโครงการ

     โครงการนี้มุ่งเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพและให้ความรู้เรื่องการผลิตสารอาหารเสริมสำหรับพืชจากธรรมชาติโดยการนำสารอาหารเสริมที่สามารถนำมาใช้แทนการใช้สารเคมีในการปลูกพืช โดยเป้าหมายหลักคือการลดการใช้สารเคมีและลดต้นทุน ในการปลูกพืชของเกษตรกรในชุมชน การที่ชุมชนมีการใช้สารเคมีในภาคการเกษตรอย่างต่อเนื่องทำผลกระทบต่อปัญหาในหลาย ๆ ด้าน เช่น ส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม ทำให้ดินเสื่อมโทรมดินขาดความอุดมสมบูรณ์ ขาดธาตุอาหารพืช และผลกระทบต่อมลพิษในแหล่งน้ำที่มาจากการที่น้ำพัดพาหน้าดินที่มีการปนเปื้อนของสารพิษจากการฉีดพ่นสารเคมีทางการเกษตรของเกษตรกรลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ ซึ่งจะส่งผลเสียทำให้คุณภาพของน้ำเปลี่ยนแปลงไป มีผลทำให้เกิดการสะสมของสารเคมีในสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในน้ำ เป็นต้น และส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพเกษตรกร ซึ่งการได้รับสารเคมีทางการเกษตรโดยตรงผ่านทางผิวหนังและการหายใจ มักส่งผลทำให้เกษตรกรเกิดอาการเจ็บป่วย มีอาการแพ้สารเคมี และถ้าสะสมเป็นระยะเวลานาน ๆ อาจทำให้เป็นโรคมะเร็งได้ ดังนั้น การพัฒนาศักยภาพการพึ่งตนเองในการผลิตสารอาหารเสริมสำหรับพืชจากธรรมชาติของเกษตรกรนั้นจะช่วยให้เกษตรกรสามารถลดต้นทุนในการผลิตในภาคการเกษตร ลดการทำลายสิ่งแวดล้อม และเป็นการส่งเสริมสุขภาพของตัวเกษตรกร พัฒนาและสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนได้อย่างยั่งยืน  

เอกสารอ้างอิง

Bareground. (2023). Unveiling the green secret: The power of plant bio-stimulants with chitosan. Retrieved from https://www.bareground.com/unveiling-the-green-secret-the-power-of-plant-bio-stimulants-with-chitosan

Frontiers in Plant Science. (2024). Chitooligosaccharide enhances plant growth and stress tolerance. Frontiers in Plant Science. Retrieved from https://www.frontiersin.org/journals/plant-science/articles/10.3389/fpls.2024.1423949/full

Mdpi Biomolecules. (2021). Chitosan and chitooligosaccharides: Functional biopolymers for sustainable agriculture. Biomolecules, 11(6), 819. https://doi.org/10.3390/biom11060819

Omex Canada. (2023). Chitosan and its use in agriculture. Retrieved from https://omexcanada.com/blog/chitosan-and-its-use-in-agriculture

PubMed. (2022). Chitosan as a plant biostimulant and elicitor: Mechanisms and applications. Retrieved from https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/35566152