เมื่อพืชต้องการอาหารเสริม 

สารเสริมประสิทธิภาพ (Biostimulants)
สารที่ช่วยกระตุ้นกระบวนการธรรมชาติของพืช เช่น ฮิวมิคแอซิด (Fulvic Acid) หรือสารสกัดจากสาหร่ายทะเล ช่วยในการดูดซึมธาตุอาหาร เพิ่มการเจริญเติบโตของราก และช่วยให้พืชทนต่อความเครียดจากสภาพแวดล้อม. 

ทำไมต้องสารอาหารเสริมจากธรรมชาติ 

1. ลดการพึ่งพาสารเคมีทางการเกษตร ซึ่งเป็นปัญหาที่ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

2. สารอาหารเสริมจากไคโตซานเป็นทางเลือกใหม่ที่มีประสิทธิภาพและมาจากธรรมชาติ

3. ช่วยให้เกษตรกรสามารถพึ่งพาตนเองได้มากขึ้น 

ไคโตซานคืออะไร  ไคโตซานเป็นสารสกัดที่ได้จากไคตินซึ่งพบในส่วนแข็งของสัตว์ไม่มีกระดูสันหลัง เช่น เปลือกหอย เปลือกกุ้ง เป็นต้น มีคุณสมบัติพิเศษที่เป็นประโยชน์มากกับพืชและดินแถมยังไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม โดยไคโตซานเป็นที่รู้จักมามากกว่า 100 ปี แต่ได้มีการนำมาเป็นส่วนประกอบของปุ๋ยได้ไม่นาน โดยไคโตซานมีส่วนช่วยส่งเสริม ให้พืชสร้างเอนไซม์ เบต้ากลูคาเนส เกิดสารจำพวกลิกนิน แทนนิน ช่วยให้พืชใบเขียว แข็งเรงป้องกันการเข้าทำลายของแมลง บำรุงราก ป้องกันเชื้อราและยับยั้งสาเหตุการเกิดโรคพืชในกลุ่มของเชื้อราและแบคทีเรีย และเพิ่มปริมาณจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในดินให้สมบูรณ์ และช่วยปรับสภาพดินและยังเป็นตัวช่วยให้จับกับยาตัวอื่นๆได้ดี และไม่สูญสลายไปกับน้ำ พืชสามารถเก็บไว้ใช้ได้นาน 

ประโยชน์ของไคโตซาน

1. ป้องกันโรคพืช , ความเครียด , ศัตรูพืชและสิ่งแวดล้อม

เสริมสร้างปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันของพืช ทำให้พืชมีแหล่งภูมิคุ้มกันตัวเอง และเพิ่มความสามารถในการต้านทานภายใต้สภาวะแวดล้อม (ความร้อนความเย็น,ความแห้งแล้ง ฯลฯ ) ส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชและยับยั้งเชื้อรา ทำให้ผนังเซลล์ของพืชหนาขึ้น ส่งเสริมให้เกิดปฏิกิริยาการป้องกันไวรัสเชื้อราและแบคทีเรียหลายชนิดได้ทันที

2.ส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช

ช่วยส่งเสริมการผลิตฮอร์โมน เอมไซน์ และช่วยในการตรึงธาตุอาหารพวกฟอสเฟต โพแทสเซียม แคลเซียม แมกนีเซียม และเหล็ก ไว้ในดินที่เป็นประโยชน์ต่อพืชต่าง ๆในดิน ส่งผลให้

–  ส่งเสริมการงอกของเมล็ดพืชและการเจริญเติบโตของเมล็ดพืช

–  ส่งเสริมการเจริญเติบโตของรากก้านและใบ

–  ส่งเสริมการเจริญเติบโตของผลไม้และปรับปรุงผลผลิตและผลกำไร

3. ปรับปรุงโครงสร้างดิน

ส่งเสริมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ ทำให้ระบบนิเวศวิทยาของดินมีการฟื้นฟู ปรับสภาพดิน ปรับปรุงดินที่เค็ม – เปรี้ยว ให้เป็นกลาง และลดอัตราการเกิดไส้เดือนฝอยที่เป็นสาเหตุของโรคทางรากของพืช

ในปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ ไม่ว่าเป็น เอนไซม์เทคโนโลยี นาโนเทคโนโลยี ไบโอเทคโนโลยี มาสกัด ไคโตซานให้มีโมเลกุลที่มีขนาดเล็ก และบริสุทธิ์มากขึ้น เรียกว่า #ไคโตโอเลโกแซคคาไรด์ (Chitooligosaccharide) เรียกย่อว่า C.O.S. ทำให้พืชดูดซึมเข้าสู่เซลล์ได้ง่ายและนำไปใช้ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น 

ไคโตซาน ช่วยปรับความสมดุลในดิน

ไคโตซานช่วยปรับสภาพดิน การใช้ไคโคซานต่อเนื่องจะช่วยปรับค่าความเป็นกรดด่างในดินให้เกิดความสมดุลที่ Ph 6-7 เป็นค่าที่เหมาะสมต่อการเพาะปลูกพืช

ไคโตซาน ช่วยปลดปล่อยแร่ธาตุต่างๆในดิน

ไคโตซาน ช่อยย่อยสลาย ปลดปล่อยแร่ธาตุ สารเคมี ที่ตกค้างในดินอันเนื่องมาจากการใช้ปุ่ยเคมีอย่างยาวนาน ทำให้พืชนำแร่ธาตุต่างๆมาใช้ได้อีกครั้ง จึงช่วยลดการใช้ปุ๋ยเคมี

ไคโตซาน ในภาคการเกษตร

สรรพคุณไคโตซานด้านการเกษตร มีการนำไคโตซานมาใช้ในการเกษตรอย่างกว้างขวางเนื่องจาก ไคโตซานเป็นมิตรต่อพืชและสวนมีความปลอดภัยต่อคนและสัตว์ และ ประโยชน์ของไคโตซานในภาคการเกษตรมีหลากหลายมาก อาทิเช่น ช่วยปรับสภาพดิน,น้ำ,อากาศให้เอื้อต่อการเจริญเติบโตของพืช นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันและยับยั้ง เชื้อราไวรัส แบคทีเรียต่างๆที่ก่อให้เกิดโรคในพืชได้เป็นอย่างดี และช่วยปรับแร่ธาตุ ฮอร์โมนต่างๆในพืชให้เกิดความสมดุล ส่งผลทำให้ผลผลิตเพิ่มสูงขึ้น

ไคโตซานมีประโยชน์ต่อพืชอย่างไร

• ช่วยปรับสภาพดิน น้ำ อากาศ ให้เกิดความเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืช

• ไคโตซาน ช่วยยับยั้ง เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส ที่เป็นเชื้อสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคพืช

• ช่วยปรับสมดุลแร่ธาตุต่างๆรวมถึงฮอร์โมน ส่งผลให้พืชแข็งแรง ผลผลิตเพิ่ม

• กระตุ้นพืชสร้างความต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูพืช

• ใช้เคลือบเมล็ดพันธุ์

• ช่วยให้พืชกินปุ๋ยแร่ธาตุต่างๆได้อย่างเต็มที่ ช่วยเร่งการเจริญเติบโตของพืชอย่างต่อเนื่อง

ไคโตซาน ช่วยปรับความสมดุลในดิน

ไคโตซานช่วยปรับสภาพดิน การใช้ไคโคซานต่อเนื่องจะช่วยปรับค่าความเป็นกรดด่างในดินให้เกิดความสมดุลที่ Ph 6-7 เป็นค่าที่เหมาะสมต่อการเพาะปลูกพืช

ไคโตซาน ช่วยปลดปล่อยแร่ธาตุต่างๆในดิน

ไคโตซาน ช่อยย่อยสลาย ปลดปล่อยแร่ธาตุ สารเคมี ที่ตกค้างในดินอันเนื่องมาจากการใช้ปุ่ยเคมีอย่างยาวนาน ทำให้พืชนำแร่ธาตุต่างๆมาใช้ได้อีกครั้ง จึงช่วยลดการใช้ปุ๋ยเคมี

ไคโตซานเป็นสารช่วยปรับปรุงดิน

ไคตินและไคโตซานสามารถนำมาปรับปรุงดิน ถ้าเป็นดินเหนียวไคตินจะช่วยเพิ่มความพรุนของดิน เพิ่มความสามารถในการอุ้มน้ำในดินทรายและดินร่วน และยังทำหน้าที่เป็นสารพาที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะสารที่เป็นธาตุอาหารรอง และเสริม (micro organic ) โดยไคโตซานจะจับสารเหล่านั้นจนอยู่ในรูปคีเลต แล้วค่อยๆปลดปล่อยออกมาให้พืช ได้อย่างต่อเนื่องและยาวนานในอัตราคงที่ ตามอัตราการย่อยสลายอนุพันธ์ของไคตินและไคโตซาน ช่วยลดปัญหา การใช้ปุ๋ยเกินความจำเป็น ซึ่งมีผลต่อพืชและสภาพดิน

ไคโตซาน

เป็นวัสดุชีวภาพ (Biomaterials ) สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ

• มีความปลอดภัยในการนำมาใช้กับมนุษย์

• ไม่เกิดผลเสีย และปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม

• ไม่เกิดการแพ้

• ไม่ไวไฟ

• ไม่เป็นพืษ (non phytotoxic ) ต่อพืช

ไคโตซาน ดีอย่างไร

ใช้ง่ายเพียงแค่ผสมน้ำตามอัตราส่วนแล้วฉีดพ่นหรือรดลงดินได้ทันที เป็นไคโตซานบริสุทธิ์ไม่ผสมปุ๋ย

ไคโตซานมีประโยชน์อย่างไร

ไคโตซานช่วยเร่งการเติบโตในพืช :

เนื่องจากโครงสร้างของไคโตซานมีไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบ จึงสามารถเป็นปุ๋ยชีวภาพค่อยๆปลดปล่อยธาตุอาหารออกมาอย่างต่อเนื่องทำให้พืชได้รับอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีการเจริญอย่างต่อเนื่อง

ไคโตซาน ช่วยกระตุ้นพืชสร้างความต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูพืช :

ไคโตซานสามารถกระตุ้นการผลิตสารลิกนิน และสารแทนนินให้เพิ่มมากขึ้น พืชสามารถใช้สารเหล่านี้ในการป้องกันตัวจากแมลงศัตรูพืชต่างๆ เข้ามากัด ดูดทำลาย โดยพืชที่ฉีดพ่นไคโตซานเป็นประจำ จะมีสารที่คล้ายแวกซ์เคลือบที่ผิวใบ

ช่วยเพิ่มจำนวนจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในดิน

ไคโคซานช่วยเพิ่มปริมาณจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในดิน เช่นเชื้อ Actinomycete sp. เชื้อ Trichoderma spp. ทำให้เกิดการลดปริมาณของจุลินทรีย์ที่เป็นเชื้อโรคพืช เช่น เชื้อ (Furarium) เชื้อ Phythophthora spp. และเชื้อก่อโรคพืชอื่นๆ

ไคโตซานช่วยยับยั้งเชื้อรา ไวรัส แบคทีเรีย เชื้อก่อโรคต่างๆที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคพืช

ไคโตซานสามารถยับยั้ง เชื้อก่อให้เกิดโรคพืชได้แก่ เชื้อไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อราบางชนิด เช่น เชื้อไฟทอปธอรา พิเทียม โดยไคโตซานจะซึมผ่านเข้าทางผิวใบ ลำต้นพืช ช่วยยับยั้งการเกิดโรคพืช (รักษาโรคพืช) เช่น โรค แอนแทรคโนส เมลาโนส โรครากเน่า โคนเน่า ราน้ำค้าง ราขาว โรคแคงเกอร์ โรคใบติด โรคใบจุด โรคใบสีส้มในนาข้าว และโรคอื่นๆ และยังสร้างความต้านทานโรคให้กับพืชที่ยังไม่เป็นโรคได้อีกด้วย

ไคโตซานสามารถเป็นสารฆ่าแมลงศัตรูพืชได้

สารอนุพันธฺิ์ของไคติน และไคโตซานถูกนำไปใช้ในการขบวนการผลิตเอ็นไซม์ chitinase ซึ่งเป็นสารฆ่าแมลง โดยที่เอ็นไซม์ไคติเนส จะย่อยสลายไคติน ซึ่งเป็นองค์ประกอบ ของเปลือกหุ้มตัวของแมลงศัตรูพืช

วิธีใช้ไคโตซาน

นำไปฉีดให้กับพืชสวน หรือทีปลูกในแบบไฮโดรโปรนิกส์ โดยฉีดให้ที่ใบพืชเพียงให้ใบเปรียก ประมาณ 2-3 สัปดาห์ต่อครั้ง ต้นไม้จะดูดซับสารไคโตซานที่ฉีดให้เข้าไปทางปากใบใช้เพื่อกระตุ้นให้พืชสร้างความต้านทานต่อแมลงศัตรูพืช อย่าง หนอนใยผัก หนอนคืบ และอื่นๆ 

วิธีการใช้ การพ่นทางใบ ลำต้น (ขึ้นอยู่กับส่วนที่ศัตรูพืชอาศัยอยู่) อัตราการใช้ 10-20 ซีซี / น้ำ 20 ลิตร

ใช้เพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของเขื้อสาเหตุโรคพืช

• ไวรัสโรคพืช

• แบคทีเรีย เช่นแคงเกอร์ ใบจุด

• เชือรา เช่น เชื้อไฟทอปธอร่า พิเทียม ฟิวซาเรียม Botrytis cineres ,Rhizopus stolonifer

• แอนแทรคโนส เมลาโนส ราน้ำค้าง ใบติด ราขาว – โคนเน่า ใบจุด โรคใบสีส้ม ใบลาย