ศาลหลักเมืองลำปาง

ศาลหลักเมืองลำปาง เป็นอาคารมณฑปทรงไทย ก่ออิฐถือปูน หลังคาทรงไทยเป็นชั้นลด ๒ ชั้น ทรงจั่ว ๔ ด้าน หลังคามุขเป็นทรงจั่ว มุงด้วยกระเบื้องหางมนสีแดง โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก มีประตูเข้า-ออกเพียง ๒ ด้านมีการสร้างหลังคากันสาดครอบเป็นทางเดินเข้า-ออกทั้ง ๒ ด้าน

ภายในประดิษฐานเสาหลักเมือง ซึ่งมีลักษณะเป็นเสากลม ทำจากเสาไม้สัก ทั้ง ๓ หลัก โดย เสาหลักเมืองหลักที่ ๑ สร้างเมื่อประมาณ ปีพุทธศักราช ๒๔๐๐ ในสมัยของเจ้าวรญาณรังษีราชธรรม ในสมัยนั้นได้ฝังเสาหลักเมืองหลักนี้ ณ วัดปงสนุก อันถือได้ว่าเป็นวัดสะดือเมืองในสมัยนั้น ต่อมาได้ถูกย้ายไปฝัง ณ คุ้มเจ้าราชวงศ์เก่า (ตั้งอยู่บนถนนราชวงศ์ ปัจจุบันถูกรื้อถอนไปแล้ว) เสาหลักเมืองหลักที่ ๒ สร้างเมื่อประมาณ ปีพุทธศักราช ๒๔๑๖ ในสมัยเจ้าพรหมาธิพงษ์ธาดา ในขณะนั้นได้ฝังเสาหลักเมืองหลักที่ ๒ นี้ ณ ฝั่งเมืองปัจจุบัน ตรงคุ้มราชวงศ์เก่า เสาหลักเมืองหลักที่ ๓ สร้างเมื่อประมาณ ปีพุทธศักราช ๒๔๓๐ ในสมัยเจ้าหลวงนรนันชัยชวลิต ซึ่งได้ฝังหลักเมืองหลักนี้ในฝั่งของเมืองใหม่ ต่อมาในปีพุทธศักราช ๒๔๔๐ เมื่อสร้างศาลากลางจังหวัดแห่งนี้แล้วเสร็จ จึงได้อัญเชิญหลักเมืองทั้ง ๓ หลักมาประดิษฐาน ณ ที่แห่งนี้ และในเวลาต่อมาได้มีการสร้างมณฑปครอบหลักเมืองทั้ง ๓ ในปีพุทธศักราช ๒๕๑๑

ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองประจำจังหวัดลำปาง เสาหลักเมืองของจังหวัดลำปางเป็นเสาไม้สัก มีด้วยกัน ๓ หลัก ได้แก่ เสาหลักเมืองหลักแรก สันนิษฐานว่าคือเสาต้นเล็กที่สุด ตามประวัติระบุว่าในปีพุทธศักราช๒๔๐๐ เจ้าวรญาณรังษีราชธรรม พร้อมด้วยครูบาอาโนชัยธรรมจินดามุนี และพระเถระ ๔ รูป รวมถึงพ่อเมืองทั้งสี่ ได้ฝังเสาหลักเมืองหลักแรกของเมืองลำปางนี้ ณ วัดปงสนุก ซึ่งถือเป็นวัดสะดือเมือง หรือวัดศูนย์กลางเมืองเขลางค์ยุคที่สอง เสาหลักเมืองหลักที่สอง สร้างขึ้นในสมัยเจ้าพรหมาธิพงษ์ธาดา ราวปีพุทธศักราช ๒๔๑๖โดยมีการฝังหลักเมืองหลักนี้ ณ ฝั่งเมืองใหม่ ซึ่งก็คือหลังจากการย้ายศูนย์กลางเมืองจากฝั่งตะวันตกมาตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำวังบริเวณคุ้มเจ้าราชวงศ์ เสาหลักเมืองหลักที่สาม สร้างราวปีพุทธศักราช ๒๔๓๐ สมัยเจ้านรนันท์ชัยชวลิต

ต่อมา เมื่อการสร้างศาลากลางจังหวัดแล้วเสร็จ จึงได้อัญเชิญหลักเมืองทั้งสามมาไว้ ณ ที่แห่งนี้ กระทั่งมีการสร้างมณฑปครอบในปีพุทธศักราช ๒๕๑๑ ตรงกับสมัยนายสุบิน เกษทอง เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง, จอมพลประภาส จารุเสถียร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในยุคนั้นยังมาร่วมในพิธีวางศิลาฤกษ์บริเวณศาลเจ้าพ่อหลักเมืองจะเป็นสถานที่จัดงานใหญ่ ๓ งานด้วยกัน คือ วันที่ ๕ พฤษภาคม เทศบาลร่วมกับทางจังหวัดจัดพิธีบวงสรวงเจ้าพ่อหลักเมือง พร้อมกับทำพิธีสืบชะตา จากนั้นวันต่อมาจึงมีการฟ้อนผี ล่วงเข้าเดือนธันวาคม วัดบุญวาทย์วิหารจัดงานเทศน์มหาชาติ ช่วงปลายปี ทาง องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ยังใช้เป็นสถานที่จัดพิธีบวงสรวงให้งานฤดูหนาวและงานกาชาดจังหวัดลำปางเป็นไปด้วยความเรียบร้อย