การปฏิบัติตนของนักเรียนในโอกาสต่างๆ
นักเรียนที่ดีพึงประพฤติและปฏิบัติตน ดังต่อไปนี้
1. นักเรียนต้องมีเครื่องแต่งกายเครื่องเขียนแบบเรียน และเครื่องใช้ต่างๆ ครบตามที่โรงเรียนกำหนด
2. นักเรียนต้องแต่งกายและประพฤติตนตามกฎระเบียบ ข้อบังคับของกระทรวงศึกษาธิการ และกฎระเบียบของโรงเรียน
3. นักเรียนต้องเชื่อฟังและปฏิบัติตนอยู่ในโอวาทของครูผู้ปฏิบัติการสอน
4. นักเรียนต้องประพฤติตนให้สมกับสภาพการเป็นนักเรียนด้วยการไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มสุรา ไม่เสพสิ่งเสพติด ไม่เล่นการพนันและไม่มั่วสุมในอบายมุขต่างๆ
5. นักเรียนต้องประพฤติและปฏิบัติตนตามกฎหมายของบ้านเมืองจารีตประเพณีและวัฒนธรรม
6. นักเรียนต้องขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ อดทน ตรงต่อเวลา มีน้ำใจเป็นนักกีฬา และยึดมั่นในหลักคุณธรรม และจริยธรรมที่ดี
7. นักเรียนต้องสุภาพอ่อนโยนมีสัมมาคารวะต่อบุคคลทั่วไป และปฏิบัติตนให้เหมาะสมตามวัย เพศและสถานะภาพแห่งตน
8. นักเรียนต้องมีความเสียสละ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เห็นประโยชน์ส่วนรวม รักษาทรัพย์สมบัติของโรงเรียนของสังคมทั่วไปและมีความสามัคคีในหมู่คณะ รุ่นน้องนับถือรุ่นพี่ และรุ่นพี่ประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นตัวอย่างที่ดีแก่รุ่นน้อง
9. นักเรียนต้องสร้างชื่อเสียงให้แก่โรงเรียนทุกวิถีทางและไม่กระทำการใดๆ ที่เป็นการทำลายชื่อเสียงของโรงเรียน
10.นักเรียนต้องพัฒนาศักยภาพและสมรรถภาพของตนตลอดเวลา ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม สติปัญญา และความรู้ความสามารถ
การปฏิบัติตนในการมาโรงเรียนและเข้าเรียน
1. แต่งกายด้วยเครื่องแบบนักเรียน หรือเครื่องแต่งกายที่โรงเรียนกำหนดอย่างถูกต้องและเรียบร้อยตลอดเวลาที่เดินทางไปและกลับจากโรงเรียน ขณะอยู่ในโรงเรียน และการไปทำกิจกรรมในวันหยุดราชการ
2. แต่งกายสุภาพเรียบร้อยเหมาะสมกับสภาพและวัยเข้ามาในบริเวณโรงเรียนในวันหยุดราชการ
3. ห้ามนำรถยนต์ส่วนตัวเข้ามาในบริเวณโรงเรียน กรณีที่ผู้ปกครองนำรถยนต์หรือจักรยานยนต์มาส่งนักเรียน นักเรียนต้องลงจากรถก่อนที่จะเข้าบริเวณโรงเรียน
4. ห้ามพกพาอาวุธและไม่นำของมีค่ามาโรงเรียน รวมทั้งไม่ตกแต่งเครื่องประดับต่างๆทั้งสิ้น ยกเว้นนาฬิกาข้อมือ
5. มาถึงโรงเรียนสัญญาณเข้าเรียนครั้งแรกเป็นอย่างช้า (07.50 น.)
6. สำรวจความเรียบร้อยของเครื่องแต่งกายก่อนเข้าและออกจากโรงเรียน
7. ต้องเข้าแถวเคารพธงชาติก่อนเข้าเรียนในตอนเช้า
8. ห้ามออกจากโรงเรียนก่อนเวลาโรงเรียนเลิกโดยไม่ได้รับอนุญาต
9. ห้ามอยู่ในบริเวณโรงเรียน โดยไม่มีอาจารย์ควบคุมเกินเวลาโรงเรียนกำหนด (17.30 น.)
10.เข้าห้องเรียน เข้าห้องประชุม หรือเข้าร่วมกิจกรรมอย่างพร้อมเพรียงกัน
11.ต้องมีความสงบ สำรวม และรักษาระเบียบวินัย ในขณะอยู่ในโรงเรียน
12.ทำความเคารพครูและผู้มาเยี่ยม เมื่อพบปะในบริเวณโรงเรียนด้วยวิธีการที่เหมาะสมและสม่ำเสมอ
13.เมื่อมีความจำเป็นและไม่สามารถมาโรงเรียน นักเรียนหรือผู้ปกครองต้องแจ้งให้โรงเรียนทราบเป็นลายลักษณ์อักษร
14.ห้ามนำหนังสือ เอกสาร และแผ่นประกาศจากภายนอกโรงเรียนเข้ามาแจกหรือประกาศติดในบริเวณโรงเรียน
15.ห้ามนำบุคคลภายนอกเข้ามาในบริเวณโรงเรียน โดยไม่ได้รับอนุญาตจากโรงเรียน
16.ห้ามนำอาหารและเครื่องดื่มเข้าไปรับประธานในห้องเรียน หรือบริเวณอื่นนอกจากห้องอาหารเว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นครั้งคราว
17.ห้ามเข้าไปบริเวณต่อไปนี้ คือ บ้านพักครู และบ้านพักลูกจ้างประจำก่อนได้รับอนุญาต
18.ห้ามเถลไถลหรือไปในสถานที่อันไม่เหมาะสมในระหว่างทางไปและกลับจากโรงเรียน
กำหนดเวลาประกอบกิจกรรมประจำวัน
เวลา 07.50 น. สัญญาณครั้งที่ 1 เตรียมเข้าแถว
เวลา 07.55 น. สัญญาณครั้งที่ 2 นักเรียนเข้าแถวพีธีการหน้าเสาธง
เวลา 08.15 น. นักเรียนพบอาจารย์ที่ปรึกษา
เวลา 08.30 น. เริ่มเรียน
เวลา 12.10 น. พักกลางวัน
เวลา 15.55 น. เลิกเรียน
เวลา 17.35 น. นักเรียนทุกคนจะต้องออกจากบริเวณโรงเรียน
การปฏิบัติตนในพิธีการก่อนเข้าห้องเรียน
1. สัญญาณครั้งที่ 1 นักเรียนมาเข้าแถวประจำที่ตามชั้นของตนเอง และจัดแถวให้เป็นระเบียบภายใต้การควบคุมของหัวหน้าชั้น ครูที่ปรึกษา ครูฝ่ายกิจการนักเรียนและหัวหน้าคณะสี
2. สัญญาณครั้งที่ 2 นักเรียนทุกคนต้องอยู่ในความสงบ หัวหน้าคณะสีบอกทำความเคารพธงชาติตัวแทนนักเรียนเชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสา นักเรียนทุกคนต้องร้องเพลงชาติพร้อมกัน หลังจากนั้นร้องเพลงมาร์ช
ประจำโรงเรียนพร้อมกัน เมื่อเสร็จแล้วสวดมนต์ไหว้พระ กล่าวคำระลึกถึงผู้มีพระคุณด้วยอาการสำรวม และกล่าวคำแผ่เมตตาทุกวันศุกร์
3. เมื่อเสร็จพิธีการ หัวหน้าระดับชั้นหรือผู้ที่โรงเรียนมอบหมายจะแจ้งข่าวหรือประกาศประจำวันและ/หรือมีการอบรมนักเรียนประมาณ 5 นาที โดยที่นักเรียนทุกคนต้องตั้งอยู่ในความสงบ สำรวม หลังจากนั้นหัวหน้าคณะสีอนุญาตให้นักเรียนเข้าห้องเรียน
4. การเดินเข้าห้องเรียนต้องเดินเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบไม่พูดคุยเล่นหรือแตกแถว
5. นักเรียนที่มาสายจะต้องไปเข้าแถวในกลุ่มผู้มาสาย และปฏิบัติตามข้อกำหนดที่วางไว้สำหรับนักเรียนที่มาสาย
การปฏิบัติตนในการเข้าห้องประชุม
1. นักเรียนทุกคนจะต้องถือว่าเป็นหน้าที่รับผิดชอบของตนที่จะต้องเข้าร่วมประชุมทุกครั้งตามวันเวลาและสถานที่ที่โรงเรียนกำหนดไว้ ผู้ที่ไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้จะต้องได้รับอนุญาตจากครูที่ปรึกษาหรือหัวหน้าคณะสี
2. เดินเข้าห้องประชุมอย่างมีระเบียบ นั่งประจำที่ตามที่กำหนดไว้ และอยู่ในอาการสงบตลอดเวลาการประชุม
3. ทำความเคารพเมื่อผู้ให้การประชุมเข้ามาและจะออกไปจากห้องประชุม
4. ไม่ออกและเข้าห้องประชุมในขณะที่มีการประชุมก่อนได้รับอนุญาต
5. หลังจากสิ้นสุดการประชุมแล้วนักเรียนจะออกจากห้องประชุมจะต้องได้รับอนุญาตจากผู้ดำเนินการจัดการประชุมก่อน และแยกย้ายออกจากห้องประชุมอย่างมีระบบ
การปฏิบัติตนในห้องเรียน
1. เข้าและออกจากห้องเรียนโดยพร้อมเพรียงกัน
2. ดูแลความเรียบร้อยของห้องเรียนก่อนที่จะมีการเรียนการสอน
3. แต่งกายด้วยชุดแต่งกายที่โรงเรียนกำหนดในการเรียนแต่ละวิชาให้เรียบร้อย
4. ไม่ออกแล้เข้าห้องประชุมในขณะมีการประชุม ก่อนได้รับอนุญาต
5. หลังจากสิ้นสุดการประชุมแล้วนักเรียนจะออกจากห้องประชุม จะต้องได้รับอนุญาตจากผู้ดำเนินการจัดการประชุมก่อนและแยกย้ายออกจากห้องประชุมอย่างมีระบบ
การปฏิบัติตนในห้องเรียน
1. เข้าและออกจากห้องเรียนโดยพร้อมเพรียงกัน
2. ดูแลความเรียบร้อยของห้องเรียนก่อนที่จะมีการเรียนการสอน
3. แต่งกายด้วยชุดแต่งกายที่โรงเรียนกำหนดในการเรียนแต่ละวิชาให้เรียบร้อย
4. ทำความเคารพครูผู้สอนและวิทยากร ก่อนและหลังการเรียนการสอน
5. รักษาความสงบเรียบร้อยในขณะมีการเรียนการสอน
6. ให้ความสนใจเฉพาะวิชาที่กำลังเรียนเท่านั้น ห้ามนำวิชาอื่นมาทำโดยไม่ได้รับอนุญาต
7. ซักถามปัญหาและข้อเสนอแนะ หรือให้ข้อคิดเห็นในขณะมีการเรียนการสอน
8. ขออนุญาตผู้สอนหรือวิทยากร ก่อนที่จะทำการใดๆ ที่เป็นการขัดจังหวะการเรียนการสอน เช่น การออกและเข้าห้องเรียนในขณะที่มีการเรียนการสอนหรือเมื่อต้องการที่จะแสดงความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะตลอดจนความต้องการจะลุกเดินไปติดต่อกับเพื่อนร่วมห้อง
9. เปลี่ยนห้องเรียนด้วยความรวดเร็วและเป็นระเบียบเรียบร้อย
10.ปฏิบัติตนตามกฎระเบียบและข้อบังคับในการใช้ห้องต่างๆตามที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
ขออนุญาตออกจากห้องเรียน
การขออนุญาตออกจากห้องเรียนขณะมีการเรียนการสอน
1. ในระหว่างที่มีการเรียนการสอนนักเรียนจะต้องอยู่ในห้องเรียน ห้ามไปอยู่ห้องสมุด โรงอาหาร หรือที่อื่นๆ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากครูผู้สอนในชั่วโมงนั้นๆ
2. ไม่ควรลาออกจากห้องเรียนในชั่วโมงแรกที่เข้าห้องเรียนทั้งในตอนเช้าและพักกลางวัน
3. ถ้าจำเป็นต้องออกจากห้องเรียน ให้ขออนุญาตต่อครูที่กำลังทำการสอน
4. ในกรณีที่ครูไม่อยู่ในห้องเรียน ให้ทุกคนอยู่ในห้องเรียนด้วยความเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ส่งเสียงหรือกระทำการใดๆ อันเป็นการรบกวนห้องเรียนใกล้เคียง
5. ถ้ามีความจำเป็นต้องออกนอกบริเวณโรงเรียนในขณะที่ครูไม่อยู่ให้แจ้งหัวหน้าห้องทราบ
การปฏิบัติตนในการไปศึกษา และทำกิจกรรมนอกสถานที่
1. นักเรียนต้องนำใบขออนุญาตจากโรงเรียนไปให้ผู้ปกครองเป็นผู้อนุญาต แล้วจึงนำใบอนุญาตกลับคืนมาให้โรงเรียนก่อนวันเดินทางไปตามกำหนด
2. นักเรียนต้องแต่งกายเครื่องแบบนักเรียน หรือแต่งกายตามข้อตกลงของครูผู้ควบคุมนักเรียนและต้องเรียนร้อยอยู่ตลอดเวลา
3. ประพฤติและปฏิบัติตนตามระเบียบว่าด้วยการเป็นนักเรียนและเชื่อฟังอยู่ในโอวาทของครูผู้ควบคุมอย่างเคร่งคัด
4. เข้าแถวรับฟังคำชี้แจง และรายงานตัวต่อครูผู้ควบคุมก่อนออกเดินทางไปและกลับทุกครั้ง
5. ขึ้นและลงรถด้วยความเรียนร้อย และตั้งอยู่ในความสงบ ขณะเดินทางไม่ทำการใดๆ อันเป็นเหตุให้เกิดอันตรายหรือประมาท
6. เข้าชมสถานที่และทำกิจกรรมในสถานที่ต่างๆ ด้วยอาการสำรวม ในกรณีที่ต้องพบเจ้าของสถานที่หรือนำชมจะต้องเข้าแถวรอรับการนำชม และกล่าวคำขอบคุณ
7. ในกรณีที่มีที่มีเจ้าหน้าที่นำชมจะต้องตั้งใจฟังคำอธิบาย และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างตั้งใจ
8. ห้าวกล่าววาจาไม่สุภาพ และแสดงอาการอื่นใดที่เป็นการไม่เหมาะสมแก่การเป็นนักเรียน หรือกระทำในสิ่งที่เป็นการเสื่อมเสียชื่อเสียงแก่โรงเรียน
9. ปฏิบัติตามกฎข้อบังคับและระเบียบในการใช้สถานที่ต่างๆ ตามที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
ข้อควรทราบของผู้ปกครอง
1. การจัดกิจกรรมนอกเหนือจากเวลาเรียนปกติ เวลา 08.00 – 16.00 น. หรือในวันหยุดราชการ โรงเรียนจะมีหนังสือแจ้งผู้ปกครองทราบเพื่อขออนุญาตทุกครั้ง
2. ในกรณีที่นักเรียนกระทำความผิด โรงเรียนจะมีหนังสือแจ้งให้ผู้ปกครองรับทราบ
3. ในกรณีที่นักเรียนประพฤติตนไม่สมควรแก่สภาพนักเรียนตามกฎกระทรวงหรือฝ่าฝืนข้อบังคับของโรงเรียนอย่างร้ายแรง หรือเคยได้รับโทษมาแล้วแต่ยังไม่เข็ดหลาบ โรงเรียนจะเชิญผู้ปกครองมารับทราบความผิดและทำทัณฑ์บนไว้เป็นหลักฐาน หรือร่วมมือแก้ไขปัญหา
4. หากปรากฏว่านักเรียนถึงบ้านช้ากว่าเวลาปกติ หรือกรณีที่นักเรียนอ้างว่าเข้าร่วมกิจกรรมกับโรงเรียน โปรดเข้าใจว่ากิจกรรมนั้นโรงเรียนไม่ได้จัดขึ้น
5. โรงเรียนยินดีต้อนรับผู้ปกครองที่ประสงค์จะสนทนาหรืเสนอแนะข้อคิดเห็น รวมทั้งจดหมายเสนอแนะเกี่ยวกับการพัฒนาพฤติกรรมของนักเรียนหรือปัญหาด้านการเรียน
การขอใบรับรองความประพฤติ
1. นักเรียนที่มีความประสงค์จะขอใบรับรองความประพฤติ เพื่อไปประกอบหลักฐานศึกษาต่อจะต้องยื่นใบร้องขอใบรับรองความประพฤติต่อฝ่ายกิจการนักเรียนล่วงหน้า 3 วัน และให้มารับตามวันเวลา ที่ฝ่ายกิจการนักเรียนนัดหมาย
2. นักเรียนคนใดถูกตัดคะแนนความประพฤติตั้งแต่ 50 คะแนนขึ้นไป โรงเรียนจะไม่ออกใบรับรองความประพฤติให้
ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ
ว่าด้วยการลงโทษนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ. 2548
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 6 และมาตรา 65 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546รัฐมนตรีว่าการศึกษาธิการจึงวางระเบียบว่าด้วยการลงโทษนักเรียนและนักศึกษาไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษา พ.ศ.2548”
ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ข้อ 3 ให้ยกเลิกระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษา พ.ศ. 2543
ข้อ 4 ในระเบียบนี้”ผู้บริหารสถานศึกษา” หมายความว่า ผู้บริหารสถานศึกษาของโรงเรียน หรือ สถานศึกษาของโรงเรียน หรือสถานศึกษานั้น
“กระทำความผิด” หมายความว่า การที่นักเรียน หรือ นักศึกษาประพฤติฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของสถานศึกษาหรือของกระทรวงศึกษาธิการ หรือกฎกระทรวงว่าด้วยการส่งเสริมความประพฤติของนักเรียน หรือนักศึกษา
“การลงโทษ” หมายความว่า การลงโทษนักเรียน หรือนักศึกษาที่ทำความผิด โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อการอบรมสั่งสอน
ข้อ 5 โทษสำหรับนักเรียน หรือนักศึกษาที่ทำความผิดมี 4 สถานดังนี้
1. ว่ากล่าวตักเตือน
2. ทำทัณฑ์บน
3. ตัดคะแนนความประพฤติและบันทึกข้อมูล
4. ทำกิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
ข้อ 6 ห้ามลงโทษนักเรียนและนักศึกษาด้วยวิธีรุนแรง หรือแบบกลั่นแกล้ง หรือลงโทษด้วยความโกรธหรือด้วยความพยาบาท โดยให้คำนึงถึงอายุของนักเรียนหรือนักศึกษา และความร้ายแรงของพฤติการณ์ประกอบการลงโทษด้วย ให้ผู้บริหารโรงเรียนหรือสถานศึกษามอบหมายเป็นผู้มีอำนาจในการลงโทษนักเรียนนักศึกษา
ข้อ 7 การกล่าวตักเตือนใช้ในกรณีนักเรียนหรือนักศึกษากระทำผิดไม่ร้ายแรง
ข้อ 8 การทำทัณฑ์บนใช้ในกรณีนักเรียนหรือนักศึกษาที่ประพฤติไม่เหมาะสมกับสภาพนักเรียนนักศึกษาตามกฎกระทรวงว่าด้วยความประพฤตินักเรียนและนักศึกษาหรือกรณีทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงเกียรติศักดิ์ของสถานศึกษาหรือฝ่าฝืนระเบียบของสถานศึกษา หรือได้รับโทษว่ากล่าวตักเตือนแล้วแต่ยังไม่เข็ดหลาบ การทำทัณฑ์บนให้ทำเป็นหนังสือ และเชิญบิดามารดาหรือผู้ปกครองมาบันทึกรับทราบความผิดและรับรองการทำทัณฑ์บนไว้ด้วย
ข้อ 9 การตัดคะแนนความประพฤติ ให้เป็นไปตามระเบียบปฏิบัติว่าด้วยการตัดคะแนนความประพฤตินักเรียนและนักศึกษาของแต่ละสถานศึกษากำหนดและให้ทำบันทึกข้อมูลไว้เป็นหลักฐาน
ข้อ 10 ทำกิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใช้ในกรณีที่นักเรียนและนักศึกษากระทำความผิดที่สมควรต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การจัดกิจกรรมให้เป็นไปตามแนวทางที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด
ข้อ 11 ให้ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และให้มีอำนาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้
ประกาศ ณ วันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2548
อดิศัย โพธารามิก
(อดิศัย โพธารามิก)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ระเบียบโรงเรียนนางรอง
ว่าด้วยการควบคุมความประพฤตินักเรียน พ.ศ. 2548
โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับการควบคุมความประพฤตินักเรียน พ.ศ. 2536 เสียใหม่ เพื่อให้นักเรียนอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข พัฒนาให้เป็นบุคคลที่มีคุณภาพต่อไปในอนาคตอาศัยระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษา พ.ศ. 2548 โรงเรียนจึงวางระเบียบไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบโรงเรียนนางรอง ว่าด้วยการควบคุมความประพฤตินักเรียน พ.ศ. 2548”
ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับแก่นักเรียนโรงเรียนนางรอง ตั้งแต่ปีการศึกษา 2548 เป็นต้นไปและให้ยกเลิกระเบียบและข้อบังคับอื่นๆ ของโรงเรียนที่ขัดแย้งกับระเบียบนี้
ข้อ 3 ในระเบียบนี้
“ผู้อำนวยการสถานศึกษา” หมายถึง ผู้อำนวยการโรงเรียนนางรอง
“รองผู้อำนวยการสถานศึกษา” หมายถึง รองผู้อำนวยการโรงเรียนนางรอง
“หัวหน้ากลุ่มงาน” หมายถึง ครูโรงเรียนนางรอง ที่ได้รับแต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าคณะสี
“ครู” หมายถึง ครูโรงเรียนนางรอง
“นักเรียน” หมายถึง นักเรียนโรงเรียนนางรอง
ข้อ 4 ให้ครูมีอำนาจหน้าที่เพิ่มหรือตัดคะแนนความประพฤตินักเรียน ตามอำนาจหน้าที่ในระเบียบนี้
ข้อ 5 ให้ครูเสนอการเพิ่มหรือตัดคะแนนความประพฤตินักเรียนต่อหัวหน้าคณะสี
ข้อ 6 ให้หัวหน้าคณะสีรายงานการตัดคะแนนความประพฤติ พร้อมเหตุผลที่ต้องตัดคะแนนต่อรองผู้อำนวยการฝ่ายกิจการนักเรียนผ่านหัวหน้ากลุ่มงานพิทักษ์สิทธินักเรียน
ข้อ 7 ให้ฝ่ายกิจการนักเรียนบันทึกความผิดของนักเรียน ในโปรแกรมบริหารงานและแจ้งหัวหน้าคณะเพื่อดำเนินการต่อไป
ข้อ 8 นักเรียนคนใดกระทำความผิด 3 ครั้ง หรือถูกตัดคะแนนความประพฤติตั้งแต่ 30 คะแนนขึ้นไป ให้เชิญครูที่ปรึกษาประจำห้องและนักเรียนที่มีปัญหา พบรองผู้อำนวยการสถานศึกษาฝ่ายกิจการนักเรียนเพื่อหาวิธีแก้ไขปัญหา
ข้อ 9 นักเรียนคนใดกระทำความผิด 4 ครั้ง หรือถูกตัดคะแนนตั้งแต่ 40 คะแนนขึ้นไป ให้เชิญผู้ปกครอง ครูที่ปรึกษา ครูแนะแนว พบรองผู้อำนวยการสถานศึกษาฝ่ายกิจการนักเรียนเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาและทำทัณฑ์บน
ข้อ 10 นักเรียนคนใดกระทำความผิดเป็นครั้งที่ 5 หรือถูกตัดคะแนนความประพฤติตั้งแต่ 5 คะแนนขึ้นไป ให้ประชุมคณะกรรมการกิจการนักเรียนเพื่อพิจารณาโทษ เสนอผลการพิจารณาต่อผู้อำนวยการสถานศึกษา เพื่อพิจารณาสั่งการและไม่ออกใบรับรองความประพฤติ
ข้อ 11 อำนาจและเกณฑ์การเพิ่ม หรือตัดคะแนน
ข้อ 12 เกณฑ์ความดีความชอบที่ควรเพิ่มคะแนน
ครั้งละ 10 คะแนน
1. ช่วยกันรักษาความสะอาดของโรงเรียนนอกเหนือจากที่โรงเรียนมอบหมาย
2. เก็บสิ่งของมีราคาไม่เกิน 50 บาท
และนำแจ้งฝ่ายกิจการนักเรียนเพื่อดำเนินการส่งคืนเจ้าของ
3. กระทำความดีอื่นใดที่เปรียบเทียบได้กับกระทำความดีตามข้อ 1 และ
ข้อ 2
ครั้งละ 20 คะแนน
1. ช่วยเหลือกิจการของโรงเรียน
เพื่อให้กิจการนั้นๆก้าวหน้าด้วยความจริงใจ
2. เก็บสิ่งของราคามากกว่า 50 บาท
และนำแจ้งฝ่ายกิจการนักเรียนเพื่อดำเนินการส่งคืนเจ้าของ
3. ชี้ช่องทางหรือแนะแนวทางให้ครูทราบแหล่งอบายมุขเพื่อดำเนินการปราบปรามและแก้ไขหรือสามารถบอกชื่อนักเรียนผู้กระทำความผิดได้
4. กระทำความดีอื่นใดที่เปรียบเทียบได้กับการกระทำความดีในข้อ 1 - 3
ครั้งละ 40 คะแนน
1 . นำชื่อเสียงมาสู่โรงเรียนทำให้
บุคคลภายนอกรู้จักโรงเรียนมากขึ้น
2. การกระทำความดีอื่นใดที่เปรียบได้กับการกระทำความดีตาม ข้อ 1
ข้อ 13 เกณฑ์ความผิดและลงโทษ
ข้อ 14 ความผิดอื่นใดที่ไม่ได้ระบุในระเบียบนี้ให้คณะกรรมการกิจการนักเรียนพิจารณาแล้วเสนอต่อรองผู้อำนวยการโรงเรียน เพื่อพิจารณาการสั่งการ
ข้อ 15 นักเรียนคนใดกระทำความดี เช่น ช่วยเหลือกิจการของโรงเรียน กิจการสาธารณะ หรือกระทำตนสมควรตามแก่การยกย่องให้เป็นตัวอย่างที่ดีแก่นักเรียนอื่นๆ ให้นำเสนอผู้อำนวยการโรงเรียน โดยผ่านรองผู้อำนวยการโรงเรียนฝ่ายกิจการนักเรียน
ข้อ 16 นักเรียนคนใดมีผลรวมคะแนนความประพฤติใน 3 ปีการศึกษา 70-80 หรือ 90 คะแนน
จะได้รับเกียรติบัตรดี ดีมาก และดีเยี่ยม ตามลำดับ
ข้อ 17 ให้รองผู้อำนวยการโรงเรียนฝ่ายกิจการนักเรียน รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้
ระเบียบโรงเรียนนางรอง
ว่าด้วยแนวการปฏิบัติตนของนักเรียน พ.ศ. 2546
โรงเรียนนางรอง เห็นสมควรปรับปรุงระเบียบโรงเรียน ว่าด้วยระเบียบปฏิบัติตนของนักเรียน พ.ศ. 2533 เสียใหม่ ให้สอดคล้องกับระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษา
พ.ศ. 2543 และมติที่ประชุมคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานของโรงเรียนครั้งที่ 2/2546 วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2546 ในการพิจารณาผ่อนคลายระเบียบ หรือข้อบังคับเกี่ยวกับการไว้ทรงผมให้เหมาะสมกับวัย และสภาพของนักเรียนตามสถานการณ์ปัจจุบัน โดยรับฟังความคิดเห็นของครู นักเรียน ผู้ปกครอง และคณะกรรมการสถานศึกษา ซึ่งไม่ขัดหรือแย้งกับกฎกระทรวงฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2515) แก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวงฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2518) ออกตามความในประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 132 ลงวันที่ 22 เมษายน 2515 ตลอดจนสอดคล้องกับปรัชญาและคำขวัญของโรงเรียน จึงวางระเบียบไว้ต่อไปนี้
ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบโรงเรียนนางรอง ว่าด้วยแนวการปฏิบัติของนักเรียนพุทธศักราช 2546”
ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับแก่นักเรียนโรงเรียนนางรอง ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2547 เป็นต้นไป
ข้อ 3 ให้ยกเลิกระเบียบโรงเรียนนางรองว่าด้วยการปฏิบัติตนของนักเรียน พ.ศ. 2533บรรดาระเบียบข้อบังคับอื่นๆ ของโรงเรียนที่ขัดแย้งกับระเบียบนี้ และให้ใช้ระเบียบนี้แทน
หมวดที่ 1
การปฏิบัติตนของนักเรียน
ข้อ 4 นักเรียนต้องแต่งกาย โดยใช้เครื่องแบบนักเรียนให้ถูกต้องตามระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการและมติคณะรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้
ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น
4.1.1 นักเรียนชาย
4.1.1.1 ทรงผมตัดสั้นทรงนักเรียนหรือตัดผมรองทรงสูง ด้านหน้ายาวไม่เกิน 5 เซนติเมตร ลักษณะตีนผมด้านข้างและด้านหลังเกรียน ไม่ย้อมสี หรืฉีดสี หรือใส่น้ำมันหรือดัดผมหรือแปลงผมเป็นทรงอื่น ไม่ไว้หนวดเครา
4.1.1.2 เสื้อ ใช้เสื้อเชิ้ตแขนสั้น ปลายแขนพับเข้าใน คอตั้งไม่กระดุมที่ปกผ้าขาวเกลี้ยง ไม่บางเกินควร ผ่าอกตลอดสาบตลบออกด้านนอกกว้าง 4 เซนติเมตร ติดกระดุมสีขาวไม่มีเกร็ดหรือสาบข้างหลัง ไม่รัดรูป มีกระเป๋าที่อกข้างซ้าย 1 กระเป๋าขนาดพอเหมาะกับเสื้อ เสื้อแขนสั้นเพียงเหนือข้อศอก
4.1.1.3 กางเกง ใช้กางเกงขาสั้น ผ้าสีดำเกลี้ยง ไม่ใช้ผ้ายีนหรือผ้ามันบางหรือผ้ากำมะหยี่ ปลายขาสูงเหนือเข่าวัดจากกลางสะบ้าเข่าประมาณ 5 เซนติเมตร เมื่อยืนตรงส่วนกว้างของขากางเกงห่างจากขาประมาณ 8- 12 เซนติเมตร ปลายขาพับเข้าในผ่าตรงกลาง มีกระเป๋าตามแนวตะเข็บข้างละ 1 กระเป๋า ไม่มีกระเป๋าหลัง ด้านหน้ามีจีบข้างละ 2 จีบไม่เย็บตาย มีหูขนาด 0.8 เซนติเมตร 7 หู เมื่อสวมใส่ขอบกางเกงอยู่ที่ระดับเอว และจะต้องสวมทับชายเสื้อไว้ให้เรียบร้อยจนสามารถมองเห็นเข็มขัดได้
4.1.1.4 เข็มขัด ใช้เข็มขัดหนังแบบนักเรียนสีดำเรียบ ไม่มีลวดลายขนาดประมาณ 3-4 เซนติเมตร หัวเข็มขัดโลหะสีเงินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ชนิดหัวกลัดมีเข็มสำหรับสอดรูเข็มเดียวปลายเข็มขัดไม่ตัด มีความยาวเหลือพอร้อยหูกางเกงที่หูสองได้
4.1.1.5 ถุงเท้าสั้นสีขาวเรียบไม่มีลวดลาย ไม่พับข้อ เมื่อสวมแล้วยาวประมาณครึ่งน่อง
4.1.1.6 รองเท้า รองเท้าหนังหรือผ้าใบสีดำเรียบตลอด ชนิดหุ้มส้นผูกเชือกไม่มีลวดลาย ไม่หุ้มข้อหัวมน
4.1.1.7 อักษรย่อโรงเรียน ปักด้วยด้ายหรือไหมสีน้ำเงิน แบบตัวพิมพ์ธรรมดาขนาดอักษรสูง 1.5 เซนติเมตรไว้ที่หน้าอกด้านขวาเหนือราวนม และปักชื่อ สกุล แบบตัวพิมพ์ธรรมดาอักษรสูง 1.2 เซนติเมตรด้วยด้ายหรือไหมสีน้ำเงินห่างจากตัวอักษรย่อนามโรงเรียนลงมา 1.5 เซนติเมตร ให้ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.0 เซนติเมตร
4.1.2 นักเรียนหญิง
4.1.2.1 ทรงผม ไม่ดัดหรือซอยตัดผมและไว้ยาวได้ไม่เกิน 5 เซนติเมตรตัดปลายให้เสมอกันทั้งด้านข้างและด้านหลังไม่ตกแต่งด้วยเครื่องประดับใดๆ ไม่ไว้ผมยาว ไม่ไว้ผมเปียหรือผมม้า ไม่โกรกหรือย้อมสีผมให้ผิดธรรมชาติ
4.1.2.2 เสื้อ ใช้ผ้าขาวเรียบไม่มีลาดลายไม่บางเกินควร คอพับปกขนาด 10 เซนติเมตร สาบตลบเข้าข้างใน แขนยาวเหนือศอกปลายแขนจีบเล็กน้อยขอบแขนประกอบด้วยผ้า 2 ชั้น กว้างประมาณ 3 เซนติเมตรพับเข้าข้างในไม่จีบต้นแขน ติดกระดุมกิ๊บหรือขอเกี่ยวปลายแขนให้เรียบร้อย เมื่อยืนตรงความยาวของตัวเสื้อวัดจากข้อมือขึ้นมาประมาณ 3-4 เซนติเมตร ความกว้างของตัวเสื้อพอเหมาะกับตัวไม่รัดเอวรัดรูป ริมขอบล่างด้านข้างขวาติดกระเป๋า ขนาดกว้าง 10-12 เซนติเมตร ลึก 12-14 เซนติเมตร ปากกระเป๋าพับเป็นริมกว้างไม่เกิน 2 เซนติเมตร มีผ้าผูกคอสีกรมท่าชายสามเหลี่ยมกว้างประมาณ 4-6 เซนติเมตร เงื่อนกะลาสี คอซองเสื้อไม่ลึกจนเกินไป
4.1.2.3 กระโปรง สีกรมท่าเรียบ ไม่มีลวดลาย ผ้าที่ใช้ต้องไม่ใช้ผ้ายีนหรือผ้ามันบางหรือผ้ากำมะหยี่ มีขอบกระโปรงด้านหน้าและด้านหลัง พับเป็นจีบด้านละ 3 จีบ หันจีบออกด้านนอกลึกจีบละ 2.5 เซนติเมตร แต่ละจีบห่างกัน 2.5 เซนติเมตร เย็บทับจีบต่ำจากขอบล่างลงมา 6-10 เซนติเมตร เว้นระยะความกว้างตรงกลางพองาม ความยาวของกระโปรงต้องคลุมเข่าชายกระโปรงยาวไม่เกินครึ่งแข้งเมื่อสวมให้ขอบกระโปรงอยู่ระดับเอว
4.1.2.4 รองเท้า รองเท้าหนังหรือผ้าใบ สีดำเรียบตลอดแบบหุ้มส้นหัวมนมีสายรัดหลังเท้า 1 เส้น ไม่มีลวดลายส้นไม่สูงเกินไป
4.1.2.5 ถุงเท้า ถุงเท้าสั้น สีขาวเรียบพับขอบ ไม่มีสีที่ขอบหรือลวดลาย
เครื่องหมายแสดงระดับชั้นเรียนที่อกด้านซ้าย เช่นเดียวกับนักเรียนชาย
4.2 ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
4.2.1 นักเรียนชาย
4.1.2.1 ทรงผม ทรงผมตัดสั้นทรงนักเรียนหรือตัดผมรองทรงสูง ด้านหน้ายาวไม่เกิน 5 เซนติเมตร ลักษณะตีนผมด้านข้างและด้านหลังเกรียน ไม่ย้อมสี หรืฉีดสี หรือใส่น้ำมันหรือดัดผมหรือแปลงผมเป็นทรงอื่น ไม่ไว้หนวดเครา
4.2.2 นักเรียนหญิง
4.2.2.1 ทรงผม ให้ถือปฏิบัติเหมือนนักเรียนหญิงมัธยมศึกษาตอนต้น หรืออนุโลมให้ไว้ยาวจรดปกเสื้อ ถ้ายาวกว่านี้ให้รัดด้วยสายรัดหรือริบบิ้นสีน้ำเงิน
4.2.2.2 เสื้อ ใช้เสื้อสีขาวเรียบผ้าไม่บางจนเกินควร ผ่าอกตลอดสาบเสื้อตลบเข้าข้างในกว้างประมาณ 3 เซนติเมตร ติดกระดุมสีขาวแขนยาวเหนือศอกเล็กน้อย ปลายแขนจีบข้างละ 3 จีบขอบแขนประกอบด้วยผ้า 2 ชั้น กว้างประมาณ 3 เซนติเมตร ความกว้างของเสื้อพอเหมาะกับตัว ไม่รัดเอวไม่รัดรูปไม่มีเกร็ดด้านหลัง สอดชายเสื้อไว้ในกระโปรงให้เรียบร้อยจนสามารถมองเห็นเข็มขัดได้
4.2.2.3 เข็มขัด ใช้เข็มขัดหนังสีดำเรียบ กว้าง 3-4 เซนติเมตร หัวเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าชนิดหัวกลัดใช้หนังสีดำหุ้ม มีปลอกหนังขนาดกว้างประมาณ 1.5 เซนติเมตร สำหรับสอดปลายเข็มขัดใช้คาดบนขอบกระโปรง
4.2.2.4 กระโปรง ถุงเท้า รองเท้า และปักอักษรย่อ ชื่อ เป็นระเบียบเดียวกับนักเรียนหญิงระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
4.3 ห้ามใช้เครื่องประดับทุกชนิด ยกเว้นนาฬิกาข้อมือแบบสุภาพ สร้อยคอสแตนเลสสำหรับแขวนพระโดยไม่ให้อยู่นอกเสื้อ ห้ามใช้เครื่องสำอางทุกชนิด
4.4 ห้าวไว้เล็บยาวหรอทาเล็บ
ข้อ 5 การมาโรงเรียน การประกอบพิธีหน้าเสาธงและการกลับบ้าน
5.1 นักเรียนจะต้องมาให้ทันก่อนการประกอบพิธีหน้าเสาธง ถ้ามาไม่ทันถือว่ามาโรงเรียนสายต้องรายงานตัวต่อครูเวรประจำวัน
5.2 สัญญาณเตือนครั้งที่ 1 ให้นักเรียนทุกคนเตรียมตัวเข้าแถวให้พร้อม
5.3 สัญญาณครั้งที่ 2 นักเรียนทุกคนต้องเข้าแถวให้เรียบร้อย นิ่งเงียบ สำรวม และพร้อมที่จะประกอบพิธีหน้าเสาธงต่อไป
5.4 ให้หัวหน้าเวรประจำวันมอบหมายให้นักเรียนผู้แทนเป็นผู้เชิญธงและนำไหว้พระสวดมนต์ โดยพร้อมเพรียงกัน และนักเรียนทุกคนต้องอยู่ในอาการสงบตลอดระยะเวลาที่มีการชี้แจงหน้าเสธง
5.5 การเดินเข้าห้องเรียน นักเรียนต้องเดินเป็นแถวไม่แตกแถวไม่คุยหรือเล่นกัน ถ้านักเรียนคนใดมีความจำเป็นต้องไปพบครูผู้สอนไห้ไปที่ห้องประจำชั้นก่อน แล้วจึงขออนุญาตออกมาภายหลัง ยกเว้นนักเรียนที่ครูนัดหมายไห้คอยพบที่บริเวณลานเข้าแถว
5.6 เมื่อเข้ามาภายในโรงเรียนแล้ว ห้ามออกนอกบริเวณโรงเรียนก่อนได้รับอนุญาตยกเว้นนักเรียนที่อยู่ร่วมกิจกรรม โดยมีครูผู้รับผิดชอบควบคุมดูแล และเพื่อความปลอดภัยในการเดินทางกลับบ้านให้นักเรียนปฏิบัติดังนี้
5.7.1 การเดินทางกลับบ้านโดยทางเท้าให้เดินขอบทางด้านขวามือของตนเอง
5.7.2 การเดินทางกลับบ้านด้วยรถประจำทาง ให้คอยที่ป้ายรถประจำทางบนไหล่ทางอย่าล้ำไปในผิวจราจร เมื่อขึ้นไปบนรถแล้วไห้เดินชิดในพร้อมทั้งชำระค่าโดยสาร ห้ามห้อยโหนที่ประตู หรือยืนขวางทางขึ้น-ลง ขณะอยู่บนรถต้องทำตัวให้เหมาะสมกับสภาพนักเรียน ตลอดจนแต่งกายให้เรียบร้อยห้ามกล่าวคำหยาบคาย พูดคุยเสียงดัง หรือก่อกวนความรำคาญให้แก่ผู้โดยสารคนอื่น
5.7.3 ห้ามนักเรียนโบกรถอื่นที่ไม่ใช่รถประจำทางกลับบ้าน
5.7.4 การข้ามถนนนักเรียนจะต้องใช้สะพานลอยเท่านั้น
ข้อ 6 การเรียน และการใช้อาคารเรียน
6.1 เมื่ออยู่ในเวลาเรียนไม่ว่าครูจะเข้าสอนแล้วหรือไม่ก็ตาม นักเรียนจะต้องนั่งประจำโต๊ะให้เรียบร้อย และต้องรักษาระเบียบวินัยของห้องเรียนอย่างเคร่งครัด การลุกเดินออกนอกชั้นเรียนอึกทึกไม่ใช่วิสัยของนักเรียนที่พึงกระทำ
6.2 ต้องขออนุญาตครูผู้สอนก่อนออกจากห้องเรียนทุกครั้ง ถ้าไม่มีครูอยู่ต้องแจ้งให้หัวหน้าห้องทราบ
6.3 นักเรียนต้องตั้งใจเรียน และเชื่อฟังคำสั่งสอนของครูผู้สอนด้วยความเคารพ ไม่แสดงอาการกระด้างกระเดื่อง และกิริยาที่ไม่สุภาพต่อครู หากคาบเรียนไม่สามารถเข้าเรียนได้ต้องขออนุญาตต่อผู้ผู้สอนเป็นลายลักษณ์อักษร
6.4 เมื่อเปลี่ยนห้องเรียนต้องเดินเป็นแถวให้เรียบร้อยและรวดเร็ว ไม่พูดหรือหยอกล้อเล่นกัน
6.5 นักเรียนต้องช่วยรักษาความสะอาดบริเวณโรงเรียนและห้องเรียน ไม่ทิ้งเศษกระดาษและสิ่งสกปรกและทิ้งขยะในที่มีภาชนะรองรับ
6.6 นักเรียนมีหน้าที่จะต้องรักษาไว้ซึ่งทรัพย์สมบัติของโรงเรียน การทำลายสิ่งของและอุปกรณ์ต่างๆของโรงเรียน การขีดเขียนตามที่ต่างๆหรือการเล่นอื่นๆที่เป็นสาเหตุให้ทรัพย์สมบัติของโรงเรียนเสียหายถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง และนักเรียนต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายนั้น
ข้อ 7 การลา
7.1 การลากิจ หรือการลาป่วยนักเรียนต้องนำใบลาที่ผู้ปกครองลงชื่อรับรองมาขออนุญาตต่อครูประจำชั้น ในการลากิจนักเรียนต้องยื่นใบลาล่วงหน้าก่อนหยุดเรียน ส่วนการลาป่วยนักเรียนต้องยื่นใบลาในวันแรกที่มาเรียน
7.2 การขาดเรียนติดต่อกันหลายวัน ผู้ปกครองต้องมาชี้แจงเหตุผลการขาดเรียนของนักเรียนให้โรงเรียนทราบทันที เมื่อได้รับแจ้งจากทางโรงเรียน
7.3 การลาออกนอกบริเวณโรงเรียน
7.3.1 เมื่อมีเหตุจำเป็นที่ผู้ปกครองต้องการให้นักเรียนออกนอกบริเวณโรงเรียน ให้นักเรียนนำหนังสือจากผู้ปกครองแสดงต่อครูประจำชั้น หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเพื่อขออนุญาตเมื่อได้รับอนุญาตแล้วจึงนำยื่นต่อรองผู้อำนวยการฝ่ายกิจการนักเรียน หรือผู้ที่ได้รับรับมอบหมายพิจารณาอนุญาต
7.3.2 ในกรณีเกิดความจำเป็นโดยเร่งด่วน ฝ่ายกิจการนักเรียนจะพิจารณาเป็นรายๆ ตามความจำเป็นและเร่งด่วน
7.3.3 หากนักเรียนมีความจำเป็นต้องออกนอกบริเวณโรงเรียนเพียงช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งเท่านั้นเมื่อเสร็จธุระแล้วจะกลับเข้ามาเรียนอีกให้ปฏิบัติ ดังนี้
7.3.3.1 ในชั่วโมงให้ขออนุญาตครูที่กำลังสอนก่อน เมื่อได้รับอนุญาตแล้วให้นำหนังสือรับรองการขออนุญาตยื่นต่อรองผู้อำนวยการฝ่ายกิจการนักเรียน หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเพื่อพิจารณาอนุญาตและแจ้งให้ฝ่ายกิจการนักเรียนทราบทันทีเมื่อกลับมาเรียนตามปกติ
7.3.3.2 ในชั่วโมงพักให้ขออนุญาตครูประจำชั้นก่อนแล้วจึงปฏิบัติตามข้อ 7.3.3.1
7.4 การลาออกจากโรงเรียน นักเรียนที่มีความประสงค์จะลาออกจากโรงเรียนในระหว่างปีการศึกษาหรือเมื่อสิ้นปีการศึกษา ยกเว้นนักเรียนที่เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตามข้อ 18.5 (สำเร็จตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ)
ข้อ 8 การรับประทานอาหาร
8.1 การรับประทานอาหาร เครื่องดื่ม ให้กระทำตอนเช้าก่อนเข้าเรียนและพัก 10 นาที รวมทั้งพักกลางวันตามที่โรงเรียนกำหนด
8.2 นักเรียนต้องสำรวมกิริยา วาจา มารยาทให้สุภาพขณะรับประทานอาหาร ไม่เดินรับประทานอาหาร
8.3 เศษอาหารหรือสิ่งต่างๆ ที่เหลือจากการรับประทานอาหาร ให้ทิ้งในที่รองรับขยะที่โรงเรียนจัดไว้
ข้อ 9 การทำความเคารพ
9.1 การทำความเคารพในห้องเรียน
9.1.1 เมื่อครูเข้าหรือออกจากห้องเรียน ให้หัวหน้าห้องเป็นผู้บอกทำความเคารพโดยใช้คำบอกว่า “นักเรียน” ให้ทุกคนหยุดทำงานที่กำลังทำอยู่นั้นทันทีนั่งตัวตรงแล้วบอกคำว่า “เคารพ” ให้นักเรียนยืนตรงแล้วไหว้ เมื่อได้รับคำสั่งจากผู้รับความเคารพให้นั่งจึงนั่งลง
9.1.2 เมื่อนักเรียนจะพูดกับครูให้ยืนตรงเมื่อไปพบครู หรือเมื่อจะกลับมาที่โต๊ะเรียนให้ใช้วิธีไหว้
9.2 การทำความเคารพนอกห้องเรียน
9.2.1 นักเรียนทั้งชายและหญิงอยู่ในแถวให้ใช้คำบอกกล่าว “แถวตรง”
9.2.2 เมื่อนักเรียนอยู่กับที่ครูผ่านมาให้ยืนตรงแล้วไหว้
9.2.3 เมื่อนักเรียนเดินสวนกับครูให้หยุดหันหน้าไปทางครูยืนตรงแล้วไหว้ เมื่อครูเดินผ่านไปแล้วค่อยเดินต่อไป
9.2.4 เมื่อครูอยู่กับที่นักเรียนจะเดินผ่านไปให้หยุดยืนตรงแล้วไหว้ จึงเดินผ่านไปโดยก้มตัวเล็กน้อย
9.3 หากนักเรียนทำความเคารพครูมากกว่าหนึ่งครั้งในวันเดียวกัน ให้นักเรียนยืนตรงเป็นการแสดงความเคารพ
ข้อ 10 นักเรียนทุกคนต้องมีบัตรประจำตัวนักเรียนที่โรงเรียนออกให้ นอกเหนือไปจากบัตรประชาชนเพื่อแสดงเมื่อเวลาครูเรียกตรวจ จะขอมีบัตรประจำตัวนักเรียนในกรณีดังต่อไปนี้
10.1 นักเรียนเข้าใหม่ นักเรียนเก่าที่เข้าเรียนในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
10.2 บัตรเก่าชำรุดหรือหาย
10.3 เปลี่ยนชื่อตัวหรือชื่อสกุล
ข้อ 11 หนังสือแบบเรียนและอุปกรณ์การเรียน
11.1 นักเรียนทุกคนมีหน้าที่จัดหาหนังสือ แบบเรียนและอุปกรณ์การเรียนต่างๆ ให้ครบและกรณีที่เป็นวิชาภาคปฏิบัติ จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์และวัสดุฝึกที่นอกเหนือจากวัสดุอุปกรณ์ที่โรงเรียนมีอยู่นักเรียนมีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดหา
11.2 นักเรียนต้องจัดหนังสือและอุปกรณ์การเรียนให้ครบตามตารางสอน ห้ามเก็บหนังสือและอุปกรณ์ไว้ที่โรงเรียน
หมวด 2
ความผิดสถานต่างๆ
ข้อ 12 นักเรียนที่ประพฤติและปฏิบัติตนเข้าลักษณะข้อใดข้อหนึ่งหรือหลายข้อในต่อไปนี้ ถือว่าประพฤติผิดหรือฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของโรงเรียน
12.1 ประพฤติฝ่าฝืนระเบียบข้อปฏิบัติของนักเรียน ตามหมวด 1 ข้อ 4 ถึง 11
12.2 ประพฤติตนไม่เหมาะสมกับสภาพนักเรียน ดังนี้
1. เที่ยวเร่ร่อนอยู่ใสสาธารณสถาน หรือทำลายทรัพย์สมบัติของโรงเรียน หรือสถานศึกษาหรือสาธารณสมบัติ
2. แสดงกิริยาวาจาหรือกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดที่ไม่สุภาพ
3. มั่วสุมและก่อความเดือดร้อนรำคาญอย่างหนึ่งอย่างใด
4. เล่นการพนันซึ่งต้องห้ามตามกฎหมายการพนัน
5. เที่ยวเตร่กลางคืนระหว่างเวลา 22.00 น. ถึง 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้นเว้นแต่ไปกับบิดามารดาหรือผู้ปกครอง หรือได้รับอนุญาตจากโรงเรียนหรือสถานศึกษา
6. ห้ามนักเรียนสูบบุหรี่ สูบกัญชา เสพสุรา ยาเสพติด หรือของมึนเมาอย่างอื่น
7. ห้ามนักเรียนเข้าไปในสถานบริการตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ หรือสถานที่อื่นใดซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกัน โรงจำนำ หรือสถานการณ์พนันในระหว่างที่มีการพนัน เว้นแต่จะมีผู้อาศัยอยู่หรือไปเยี่ยมญาติในสถานที่นั้น
8. ห้ามนักเรียนเข้าไปร่วมงานสังสรรค์ หรืองานการเต้นรำหรือการแสดงซึ่งไม่สมควรแก่สภาพนักเรียน เว้นแต่ไปกับบิดามารดาหรือผู้ปกครอง หรืองานนั้นบิดามารดาผู้ปกครองหรือสถานศึกษาของนักเรียนเป็นผู้จัด
9. ห้ามนักเรียนเข้าไปในสถานค้าประเวณี เว้นแต่จะเป็นผู้อาศัยอยู่ในนั้น หรือเข้าไปเยี่ยมญาติซึ่งอาศัยอยู่ในสถานที่นั้น
10. ห้ามนักเรียนคบค้าสมาคมกับหญิงซึ่งประพฤติตนเพื่อค้าประเวณี เว้นแต่จะเป็นญาติใกล้ชิดกับหญิงนั้น
11. ห้ามนักเรียนประพฤติตนในทำนองชู้สาว
12. ห้ามนักเรียนมีวัตถุระเบิด หรือมีอาวุธติดตัวหรือซ่อนเร้นไว้เพื่อใช้ในการประทุษร้าย
13. ห้ามนักเรียนหลบหนีโรงเรียน
14. ห้ามนักเรียนกระทำการอันเป็นปฏิปักษ์ต่ออำนาจการบริหารโรงเรียนหรือ สถานศึกษา บังคับ ขู่เข็ญ ยุยงส่งเสริมหรือสนับสนุนให้นักเรียนหรือนักศึกษากระทำการเช่นว่านั้น
หมวด 3
การลงโทษและการพิจารณาโทษ
ข้อ 13 การลงโทษนักเรียนที่ประพฤติหรือฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของโรงเรียน หรือของกระทรวงศึกษาธิการ หรือฝ่าฝืนกฎกระทรวงศึกษาธิการ ออกตามความในใบประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 132 โดยมีความมุ่งหมายเพื่อสั่งสอนให้มีความประพฤติดีหรือเพื่อให้เข็ดหลาบดังนี้
13.1 ว่ากล่าวตักเตือนด้วยวาจา หรือลายลักษณ์อักษร ในกรณีมีความผิดไม่ร้ายแรง
13.2 ทำกิจกรรม ใช้สำหรับทำความผิดที่นักเรียนฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับ ดังนี้
- ประพฤติตนไม่สมควรแก่สภาพนักเรียน
- ฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของโรงเรียน
- ฝ่าฝืนกฎกระทรวงศึกษาธิการออกตามความในประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 132
13.3 การทำทัณฑ์บน ใช้สำหรับนักเรียนที่ประพฤติตนไม่สมควรแก่สภาพนักเรียนตามกฎกระทรวงศึกษาธิการ ตามความในประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 132 ในกรณีที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงเกียรติศักดิ์ของโรงเรียน หรือฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของโรงเรียนอย่างร้ายแรง หรือเคยได้รับโทษมาแล้วแต่ยังไม่เข็ดหลาบโรงเรียนจะเชิญผู้ปกครองมารับทราบความผิดและทำทัณฑ์บนไว้เป็นหลักฐาน
ข้อ 14 การตัดคะแนนความประพฤติ นักเรียนที่กระทำความผิดหรือฝ่าฝืนระเบียบของโรงเรียนในหมวด 2 ข้อ 12 จะต้องถูกลงโทษด้วยการตัดคะแนนความประพฤติอีกสถานหนึ่ง
ข้อ 15 การพิจารณาโทษ ในกรณีความผิดไม่ร้ายแรงให้ครูทุกคนมีสิทธิพิจารณาและลงโทษนักเรียนได้ตามความผิดที่ควรแก่การลงโทษทั้งนี้โดยใช้ดุลพินิจอันสมควรแก่กรณี แล้วรายงานการลงโทษให้รองผู้อำนวยการฝ่ายกิจการนักเรียนทราบเมื่อเห็นสมควร
ข้อ 16 การลงโทษ กระทำได้ต่อเมื่อผู้ถูกตัดคะแนนความประพฤติถึงเกณฑ์ที่โรงเรียนกำหนดหรือคณาจารย์ที่ได้รับมอบหมายให้สอบสวนได้ทำการสอบสวนแล้วเห็นว่าผิดจริง จึงเสนอผลต่อคณะกรรมการกิจการนักเรียนเมื่อพิจารณาลงโทษแล้ว สรุปผลเสนอต่อผู้อำนวยการโรงเรียนเพื่อพิจารณาสั่งการ เมื่อดำเนินงานตามสั่งแล้วให้ฝ่ายกิจการนักเรียนบันทึกไว้เป็นหลักฐาน
ข้อ 17 ผู้อำนวยการโรงเรียนมีสิทธิ์ที่จะยับยั้ง ลด เพิ่ม หรือยกเว้นโทษได้ทุกกรณีเมื่อเห็นสมควร
หมวด 4
การพ้นจากสภาพการเป็นนักเรียน
ข้อ 18 นักเรียนจะพ้นสภาพการเป็นนักเรียนในกรณีดังต่อไปนี้
18.1 ตาย
18.2 ลาออก
18.3 ขาดเรียนติดต่อกันเป็นเวลานาน โดยไม่มีเหตุอันควรหรือไม่ติดต่อกับโรงเรียน
18.4 สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ
หมวด 5
คณะกรรมการกิจการนักเรียน
ข้อ 19 คณะกรรมการนักเรียนประกอบด้วยครูของโรงเรียนตามคำสั่งของโรงเรียน
ข้อ 20 หน้าที่ของคณะกรรมการกิจการนักเรียน
20.1 ปฏิบัติตามนโยบายและคำสั่งของโรงเรียนเกี่ยวกับการดูแลช่วยเหลือและพัฒนาความประพฤติของนักเรียน
20.2 ประสานกับครูเพื่อให้งานปกครองของโรงเรียนดำเนินไปด้วยดีและให้ความร่วมมือกับกรรมการฝ่ายอื่น ๆ ของโรงเรียน
20.3 ให้การอบรมและเสริมสร้างลักษณะนิสัยที่ดีเกี่ยวกับศีลธรรมจริยธรรม และค่านิยมที่ดีงามแก่นักเรียน
20.4 ควบคุม ดูแล ความประพฤติของนักเรียนและพิจารณาโทษนักเรียนที่กระทำความผิดตามที่ระบุไว้ในระเบียบของโรงเรียนและระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ
20.5 ดูแลความสงบเรียบร้อยในกิจการต่างๆ ของนักเรียนที่จัดขึ้นในโรงเรียน หรือนอกโรงเรียน
20.6 ประสานสัมพันธ์กับผู้ปกครองนักเรียนและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาของนักเรียน ตลอดจนเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลงานพัฒนาส่งเสริมศีลธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่ดีงามให้ครูและชุมชนได้รับทราบ
20.7 วางแผนดำเนินการเกี่ยวกับการดูแลช่วยเหลือนักเรียนแต่ละปีการศึกษา
20.8 ปฏิบัติงานอื่นๆตามที่ได้รับมอบหมาย
ข้อ 21 ให้รองผู้อำนวยการโรงเรียนฝ่ายกิจการนักเรียนรักษาการให้เป็นไปตามระเบียบ
ระเบียบโรงเรียนนางรอง
ว่าด้วยกรรมการนักเรียน พ.ศ. 2531
เพื่อให้การดำเนินงานเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมนักเรียนเป็นไปด้วยความถูกต้องและเรียบร้อยโรงเรียนจึงกำหนดระเบียบเกี่ยวกับคณะกรรมการนักเรียนดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบโรงเรียนนางรอง” ว่าด้วยคณะกรรมการนักเรียน พ.ศ. 2531
ข้อ 2 ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2531 เป็นต้นไป
ข้อ 3 ตั้งแต่วันใช้ระเบียบข้อบังคับของโรงเรียน ฉบับอื่นใดที่มีความขัดแย้งกับระเบียบนี้
ข้อ 4 “กิจกรรม” หมายถึง การดำเนินการจัดการกิจกรรมของนักเรียน
ข้อ 5 “นักเรียน” หมายถึง นักเรียนที่กำลังเรียนอยู่ในโรงเรียนนางรอง
หมวด 1
กิจกรรมนักเรียน
ข้อ 6 การจัดกิจกรรมนักเรียนให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการนักเรียน ภายใต้การควบคุมดูแลและรับผิดชอบของแผนกกรรมการนักเรียน ทั้งนี้ไม่รวมถึงการจัดกิจกรรมการเรียนตามหลักสูตรของหมวดวิชากิจกรรม
ข้อ 7 การจัดกิจกรรม นักเรียนจะต้องได้รับอนุมัติจากผู้อำนวยการโรงเรียนเสียก่อนจึงจะดำเนินการได้ การขออนุญาตให้ยื่นเรื่องราวต่อผู้อำนวยการผ่านฝ่ายกิจการนักเรียน
ข้อ 8 ห้ามมิให้คณะกรรมการนักเรียนจัด หรือกระทำกิจกรรมใดๆที่ขัดต่อ
8.1 ระเบียบข้อบังคับของโรงเรียน
8.2 ระเบียบ คำสั่ง พระราชบัญญัติ พระราชกำหนด กฎกระทรวงศึกษาธิการ
8.3 กฎหมายของบ้านเมือง
8.4 ขนบธรรมเนียม จารีตประเพณี และวัฒนธรรมของไทย
8.5 ความสงบเรียนร้อย และศีลธรรมอันดีของประชาชน
ข้อ 9 ผู้อำนวยการโรงเรียน หรือผู้รักษาการโรงเรียนมีอำนาจสั่งระงับการดำเนินการ หรือการจัดกิจกรรมใดที่เห็นว่ากิจกรรมนั้นขัดต่อข้อ 8 แห่งระเบียบนี้
หมวด 2
รูปแบบของคณะกรรมการนักเรียน
ข้อ 10 “คณะกรรมการนักเรียน” คือ กลุ่มนักเรียนซึ่งเป็นตัวแทนนักเรียน ที่ได้เลือกตั้งจากนักเรียนหรือเป็นกรรมการโดยตำแหน่ง
คณะกรรมการนักเรียนประกอบด้วยกรรมการสองฝ่าย คือ กรรมการบริหารนักเรียนและกรรมการโดยตำแหน่ง กรรมการบริหารนักเรียนมาจากการเลือกตั้งทั่วไป และกรรมการโดนตำแหน่งมาจากหัวหน้าทุกห้องๆละ 1 คน
ข้อ 11 คณะกรรมการบริหารนักเรียนประกอบด้วย ประธานนักเรียน 1 คน รองประธานนักเรียน 2 คน เป็นชาย 1 คน หญิง 1 คน ตัวแทนนักเรียนจากคณะสีต่างๆคณะสีละ 2 คน เป็นชาย 1 คน หญิง 1 คน
ข้อ 12 ให้ประธานนักเรียนเป็นประธานคณะกรรมการนักเรียน รองประธานนักเรียน เป็นรองประธานคณะกรรมการนักเรียนโดยตำแหน่ง และให้รองประธานนักเรียนชายเป็นรองประธานคนที่ 1 รองประธานนักเรียนหญิงเป็นรองประธานคนที่ 2
ข้อ 13 ประธานนักเรียนเป็นผู้แต่งตั้งกรรมการนักเรียนที่มาจากการเลือกตั้ง ให้ดำรงตำแหน่งเหรัญญิก ปฏิคม เลขานุการ สาราณียกร และตำแหล่งอื่นๆ ตามความเหมาะสมหรือจะให้ดำรงตำแหน่งตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนักเรียนก็ได้ ทั้งนี้โดยได้รับความเห็นชอบจากผู้อำนวยการโรงเรียน
หมวด 3
หน้าที่ของคณะกรรมการนักเรียน
ข้อ 14 คณะกรรมการนักเรียนมีหน้าที่ ดังนี้
14.1 เสนอแนะเกี่ยวกับการปฏิบัติงานเกี่ยวข้องกับนักเรียนเป็นลายลักษณ์อักษรต่อผู้อำนวยการโรงเรียนผ่านฝ่ายกิจการนักเรียน ข้อเสนอแนะต้องเป็นมติของที่ประชุมคณะกรรมการนักเรียน
14.2 เสนอแนะเรื่องอื่นใดที่จะก่อให้เกิดประโยชน์แก่นักเรียน บุคลากรในโรงเรียน หรือสถาบันโดยดำเนินการเช่นเดียวกับ ข้อ 14.1
14.3 ช่วยควบคุมดูแลความเรียบร้อยของนักเรียนภายในโรงเรียน รวมถึงการแนะนำตักเตือนห้ามปรามเพื่อนนักเรียนที่แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม
14.4 ช่วยเหลือกิจกรรมของโรงเรียน โดยให้อยู่ในความควบคุมของอาจารย์ที่ปรึกษาของคณะกรรมการนักเรียน
14.5 จัดกิจกรรมตามมติของที่ประชุมคณะกรรมการนักเรียน ซึ่งได้ดำเนินการตามข้อ 7 แล้ว
หมวด 4
สภาพของกรรมการนักเรียน
ข้อ 15 กรรมการนักเรียนให้อยู่ในตำแหน่งคราวละ 1 ปี แม้ว่าการเลือกตั้งทั่วไปจะกำหนดให้มีขึ้นในเดือนมกราคม ก็ให้กรรมการชุดเดิมปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะได้มอบหมายงานให้แก่คณะกรรมการบริหารบริหารนักเรียนชุดใหม่แล้วจึงถือว่าสิ้นวาระ การมอบหมายการงานให้กระทำในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกุมภาพันธ์
ข้อ 16 สภาพของกรรมการนักเรียนสิ้นสุดเมื่อ
16.1 ตาย
16.2 สิ้นสภาพการเป็นนักเรียน
16.3 ลาออกจากการเป็นกรรมการนักเรียน
16.4 ลาออกจากการเป็นกรรมการนักเรียน
16.5 ถึงคราวออกตามวาระ
16.6 ผู้อำนวยการโรงเรียนสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง
ข้อ 17 ผู้อำนวยการโรงเรียนมีอำนาจสั่งให้กรรมการนักเรียนคนใดคนหนึ่งพ้นจากตำแหน่ง เมื่อได้พิจารณาเห็นว่ากรรมการนักเรียนผู้นั้น
17.1 ไม่ให้ความร่วมมือในการดำเนินงานของคณะกรรมการนักเรียนตามสมควร
17.2 ประพฤติตนไม่เหมาะสมที่จะอยู่ในตำแหน่งกรรมการนักเรียน
17.3 ฝ่าฝืนข้อบังคับของโรงเรียน
17.4 มีพฤติกรรมอันจะก่อให้เกิดการเสื่อมเสียชื่อเสียงของสถาบัน
17.5 มีพฤติกรรมอันจะก่อให้เกิดความไม่สงบในคณะกรรมการนักเรียน
ข้อ 18 ผู้อำนวยการโรงเรียนมีอำนาจสั่งให้คณะกรรมการนักเรียนทั้งคณะพ้นจากตำแหน่ง เมื่อพิจารณาเห็นว่าการดำเนินงานของคณะกรรมการนักเรียน
18.1 ขัดต่อข้อ 8 แห่งระเบียบนี้
18.2 จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อส่วนรวม
18.3 จะก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยภายในโรงเรียนหรือบ้านเมือง
ข้อ 19 การชี้ขาดว่ากรรมการนักเรียนคนใดหรือทั้งคณะกระทำความผิด สมควรให้พ้นจากตำแหน่งตามข้อ 17 และข้อ 18 ให้ฝ่ายกิจการนักเรียนมีหน้าที่สืบสวนสอบสวน และลายงานเป็นลายลักษณ์อักษรต่อผู้อำนวยการโรงเรียนพิจารณา คำสั่งผู้อำนวยการโรงเรียนถือเป็นเด็ดขาด
ข้อ 20 ถ้าผู้ที่ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการนักเรียนว่างลงให้รองประธานกรรมการนักเรียนคนที่ 1 รักษาการในตำแหน่งประธานกรรมการนักเรียนต่อไปจนกว่าจะหมดวาระ และถ้าผู้ดำรงตำแหน่งประธานนักเรียนและรองประธานนักเรียนคนที่ 1 ว่างลงให้รองประธานนักเรียนคนที่ 2 รักษาการในตำแหน่งจนกว่าจะหมดวาระ
ข้อ 21 ถ้าผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารนักเรียนตามข้อ 11 ว่างลง นอกจากตำแหน่งประธานกรรมการและรองประธานกรรมการนักเรียน ให้คณะสีที่กรรมการบริหารนักเรียนว่างลง ดำเนินเลือกตั้งซ่อมกรรมการนักเรียนทำหน้าที่แทน และให้อยู่ในตำแหน่งเท่าวาระของผู้ที่ตนแทน
ข้อ 22 ในกรณีที่ผู้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการนักเรียน และรองประธานกรรมการนักเรียนว่างลงพร้อมกันทั้งสามตำแหน่ง และในกรณีที่ผู้อำนวยการโรงเรียนสั่งให้คณะกรรมการนักเรียนพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะให้อยู่ในดุลยพินิจของผู้อำนวยการโรงเรียนว่า จะให้มีการเลือกตั้งใหม่หรือจะแต่งตั้งผู้ใดให้ดำรงตำแหน่งไปจนกว่าจะหมดวาระ
หมวด 5
การประชุม
ข้อ 23 ให้การประชุมคณะกรรมการนักเรียนภายใน 7 วัน หลังจากเลือกตั้งเพื่อสรรหาผู้ที่จะทำหน้าที่ต่างๆ ตามข้อ 13 และในระหว่างที่โรงเรียนเปิดเรียนตามปกติให้มีการประชุมคณะกรรมการบริหารนักเรียนอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง โดยจัดให้มีการประชุมก่อนการประชุมสามัญประจำเดือน
ข้อ 24 ในระหว่างที่โรงเรียนเปิดเรียนตามปกติ ให้มีการประชุมสามัญประจำเดือนในสัปดาห์สุดท้ายของทุกเดือน
ข้อ 25 การประชุมคณะกรรมการบริหารนักเรียน และประชุมคณะกรรมการนักเรียนจะต้องมีกรรมการเข้าประชุมไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการทั้งหมดจึงจะถือว่าเป็นองค์ประชุม ถ้าไม่ครบองค์ประชุมให้นัดประชุมใหม่ การประชุมทุกครั้งมติของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมเป็นผู้ชี้ขาด
ข้อ 26 การประชุมทุกครั้งต้องบันทึกการประชุมเป็นลายลักษณ์อักษร เสนอต่อผู้อำนวยการโรงเรียนภายใน 1 วันทำการหลังการประชุม โดยเสนอผ่านแผนกกรรมการนักเรียนในการประชุมครั้งต่อไปจะต้องมีมติรับรองการประชุมครั้งที่ผ่านมาก่อนที่จะประชุมเรื่องอื่น ยกเว้นการประชุมครั้งแรกไม่มีมติรับรองการประชุมครั้งที่ผ่านมา
ข้อ 27 การประชุมทุกครั้งทั้งการประชุมคณะกรรมการการบริการนักเรียน และการประชุมคณะกรรมการนักเรียน จะต้องมีครูที่ปรึกษาคณะกรรมการนักเรียนเข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วยไม่น้อยกว่า 3 คน มิฉะนั้นให้เลื่อนการประชุม
หมวด 6
ครูที่ปรึกษา
ข้อ 28 ให้มีครูที่ปรึกษาคณะกรรมการนักเรียนจำนวน 7 คน โดยฝ่ายกิจการเลือกจากคณะสีต่างๆ คณะละ 1 คน และให้หัวหน้าฝ่ายกิจการนักเรียนเป็นครูที่ปรึกษาโดยตำแหน่ง 1 คน แล้วนำเสนอผู้อำนวยการโรงเรียนพิจารณาอนุมัติแต่งตั้งให้อยู่ในตำแหน่ง 1 ปีการศึกษา
ถ้าครูที่ปรึกษาคณะสีใดว่างลง ให้ฝ่ายกิจการนักเรียนพิจารณาเลือกครูในคณะนั้นทำหน้าที่แทนจนกว่าจะหมดวาระ ทั้งนี้โดยได้รับความเห็นชอบจากผู้อำนวยการโรงเรียน
ข้อ 29 ครูที่ปรึกษากรรมการนักเรียน มีหน้าที่ให้คำปรึกษาในการปฏิบัติงานของคณะกรรมการนักเรียนและคอยสอดส่อง ดูแล ประคับประคองช่วยเหลือ แนะนำการดำเนินงานของคณะกรรมการนักเรียนโดยใกล้ชิด
ข้อ 30 หากครูที่ปรึกษาคณะกรรมการนักเรียนพบหรือได้ทราบกรรมการนักเรียนทั้งคณะหรือคนใดคนหนึ่ง มีพฤติกรรมต่อไปนี้
30.1 ขัดต่อข้อ 8 แห่งระเบียบนี้
30.2 มีพฤติกรรมที่ไม่น่าไว้วางใจตามข้อ 17
30.3 มีพฤติกรรมที่ไม่น่าไว้วางใจตามข้อ 18
ให้ระงับการกระทำหรือการดำเนินการนั้นทันที แล้วรายงานให้ฝ่ายกิจการนักเรียนทราบโดยด่วนเพื่อดำเนินการต่อไป
หมวด 7
การเลือกตั้ง
ข้อ 31 ให้ฝ่ายกิจการนักเรียนจัดให้มีการเลือกตั้งกรรมการบริหารนักเรียนปีละ 1 ครั้ง ภายในเดือนมกราคม โดยพิจารณาจัดแบ่งหน่วยเลือกตั้งความเหมาะสมในการเลือกตั้ง ถ้าได้คะแนนเท่ากันให้เลือกตั้งใหม่ และผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งจะต้องแสดงบัตรประจำตัวนักเรียนในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง
ข้อ 32 คุณสมบัติผู้รับเลือกตั้ง
32.1 ตำแหน่งประธานนักเรียน
32.1.1 เป็นนักเรียนโรงเรียนนางรอง ซึ่งกำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
32.1.2 หัวหน้าฝ่ายกิจการนักเรียนเป็นผู้รับรองว่ามีความประพฤติเรียบร้อย สมควรดำรงตำแหน่งประธานนักเรียนได้
32.1.3 ไม่เป็นผู้ถูกลงโทษถึงขั้นทำทัณฑ์บน
32.1.4 ไม่เป็นผู้อยู่ในระหว่างถูกสั่งพักการเรียน
32.1.5 มีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ปราศจากโรคติดต่อร้ายแรง หรือโรคน่ารังเกียจแก่สังคม
32.1.6 มีระดับผลการเรียนในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษานั้นไม่น้อยกว่า 2.0
33.2 ตำแหน่งรองประธานนักเรียน
33.2.1 ต้องเป็นนักเรียนโรงเรียนนางรอง ซึ่งกำลังเรียนอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หรือ 5
33.2.2 ต้องมีคุณสมบัติตามข้อ 33.1.2 ,33.1.3,33.1.4,33.1.5 และ33.1.6
33.3 ตำแหน่งตัวแทนของคณะ
33.3.1 ต้องเป็นนักเรียนโรงเรียนนางรอง ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หรือ 5
33.3.2 มีคุณสมบัติตามข้อ 33.1.2 , 33.1.3 , 33.1.4 , 33.1.5 และ 33.1.6
ข้อ 34 คุณสมบัติของผู้เลือกตั้ง
34.1 เป็นนักเรียน
34.2 ไม่เป็นผู้อยู่ระหว่างถูกสั่งพักการเรียน
ข้อ 35 การสมัครรับเลือกตั้งสมัครที่ฝ่ายกิจการนักเรียน ตามวันที่กำหนดโดยจะสมัครรวมเป็นพรรคหรือรายบุคคลก็ได้
ข้อ 36 หลักฐานการรับสมัคร
36.1 รูปถ่ายขนาด 4 *5 ซม. จำนวน 2 รูป
36.2 บัตรประจำตัวนักเรียน
36.3 คำรับรองจากหัวหน้าฝ่ายกิจการนักเรียน รับรองว่าสมควรเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งได้
36.4 คำรับรองของหัวหน้าคณะว่าสมควรสมัครเป็นตัวแทนคณะได้
ข้อ 37 ให้รองผู้อำนวยการโรงเรียนฝ่ายกิจการนักเรียน รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้
หมวด 8
บทเฉพาะการ
ข้อ 38 ในปีการศึกษา 2531 ให้ฝ่ายกิจการนักเรียนดำเนินการเลือกตั้งกรรมการบริหารนักเรียนในวันที่ 1 มิถุนายน 2531 ในการเลือกตั้งครั้งนี้นักเรียนที่กำลังเรียนอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ไม่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนน
ข้อ 39 สำหรับปีการศึกษา 2531 ให้กรรมการนักเรียนทุกตำแหน่ง ดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ได้รับการเลือกตั้งจนกว่าจะหมดวาระ
ข้อ 40 การประชุมคณะกรรมการบริหารนักเรียนครั้งแรก สำหรับปีการศึกษา 2531 ให้ถือตามข้อ 23 ส่วนการประชุมครั้งแรกของคณะกรรมการนักเรียน ให้ประชุมในเดือนมิถุนายน 2531 ตามความเหมาะสม
หนังสือนี้ มีมากมาย หลายชนิด
นำดวงจิต เริงรื่น ชื่นสดใส
ให้ความรู้ สำเริง บันเทิงใจ
ฉันจึงใฝ่ ใจสมาน อ่านทุกวัน
มีวิชา หลายอย่าง ต่างจำพวก
ล้วนสะดวก ค้นได้ ให้สุขสันต์
วิชาการ สรรมา สารพัน
ชั่วชีวัน ฉันอ่านได้ ไม่เบื่อหลาย
พระราชนิพนธ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี