วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร
แนะนำโดย นางสาวปาหนัน โพธิ์พรรณเหมือน รหัส 504405077 คอมพิวเตอร์ธุรกิจ กลุ่ม 2/50
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า วัดใหญ่ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยสุโขทัย ในราวพุทธศักราช 1900 พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก (พระมหาธรรมราชาลิไท) ต่อมาเมื่อ ปี พ.ศ. 2458 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯให้ยกขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิด วรมหาวิหาร ปัจจุบันจึงมีชื่อเต็มว่า วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหารตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำน่านทางทิศตะวันออกตรงข้ามกับศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก ภายในวัดเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธชินราช ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ซึ่งทางเข้าพระวิหารด้านหน้ามีประตูประดับมุขสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2299 เป็นฝีมือช่างหลวงสมัยอยุธยาตอนปลายในรัชสมัยสมเด็จพระบรมโกศ
บริเวณทางด้านหน้าพระวิหารมีทั้งศาลาที่เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธชินราชจำลอง และที่จุดธุูปเทียน และจุดที่ขายเหรียญพระรุ่นต่างๆ พระพุทธรูปจำลองขนาดต่างๆอีกทั้งยังมีรถรางให้ขึ้นไปเที่ยวรอบเมืองอีกด้วย ส่วนราคาก็ไม่แพง ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท
บริเวณด้านในพระวิหารประดิษฐานพระพุทธชินราชที่มีพระพุทธลักษณะงดงามที่สุดในประเทศ และยังมีที่สำหรับใส่บาตรพระประจำวัน ถวายสังฆทาน เสี่ยงใบเซียมซี และตู้บริจาคๆ ให้เลือกทำบุญกัน อีกทั้งยังมีจิตรกรรมฝาผนัง ภาพรามเกียรติ ภาพชาดก
บริเวณด้านข้างพระวิหารทั้งสองฝั่งเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดา ยังมีทางเดินด้านข้างพระวิหารยังสามารถเดินทะลุได้ทุกด้าน ระหว่างทางเดินยังมีพระพุทธรูปประดิษฐานตลอดทางเดิน อีทั้งยังมีที่ประดิษฐานพระสังกัจจาย และเป็นที่เก็บธรรมาสน์เทศน์ และธรรมาสน์สวดซึ่งเป็นธรรมาสน์ที่ถือว่าเป็นศิลปกรรมชั้นเอกในสมัยอยุธยาและงดงามที่สุดในประเทศไทย
บริเวณหลังพระวิหารพระพุทธชินราชมีพระอัฎฐารสซึ่งเป็นพระพุทธรูปยืนปางห้ามญาติ และด้านหลังพระอัฎฐารสเป็นพระปรางค์ประธานสร้างแบบสมัยอยุธยาตอนต้น สันนิษฐานว่าเดิมเป็นเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ (ดอกบัวตูม) ซึ่งถือว่าเป็นสถาปัตยกรรมแบบสุโขทัยแท้ ต่อมาถูกแปลงให้เป็นพระปรางค์ในสมัยอยุธยา อีกทั้งบริเวณรอบๆยังมีบรรยากาศที่สวยงาม
บริเวณด้านข้างพระวิหารเป็นวิหารพระเจ้าเข้านิพพานเป็นโบราณวัตถุสมัยอยุธยา ซึ่งเป็นการจำลองสังเวชนียสถานของพระพุทธเจ้า และคาดว่ามีเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย ซึ่งมีลักษณะเป็นหีบบรรจุพระบรมศพที่ปลายหีบมีพระบาททั้งสองยื่นออกมา และบริเวณด้านหน้า หรือด้านท้ายหีบพระบรมศพ มีพระมหากัสปะเถระ นั่งนมัสการพระบรมศพ
นอกจากนี้ยังมี พระเหลือ ซึ่งพระยาลิไทรับสั่งให้ช่างนำเศษทองสัมฤทธิ์ที่เหลือจากการสร้างพระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดา มารวมกันหล่อพระพุทธรูปปางมางวิชัยขนาดเล็ก และพระสาวกยืนอีก 2 องค์ ส่วนอิฐที่ก่อเตาสำหรับหลอมทองก็ได้นำมารวมกันบนฐานชุกชี พร้อมกับปลูกต้นมหาโพธิ์ 3 ต้นบนชุกชี จึงเป็นที่มาของชื่อ โพธิ์สามเส้า ระหว่างต้นโพธิ์ก็ได้สร้างวิหารน้อยขึ้นหลังหนึ่ง แล้วอันเชิญพระเหลือกับพระสาวกมาประดิษฐานในวิหารน้อยนี้ แล้วให้ชื่อว่า วิหารพระเหลือ
บทสัมภาษณ์
1.พระมหาวรยุทธ ปิยทัสสี เป็นพระที่มีหน้าที่รับสังฆทานอยู่ภายในวิหารหลวงพ่อพระพุทธชินราช ทำงานมาประมาณ 10 ปี แล้ว และช่วงเวลาที่ทำก็คือ ช่วง 7 - 11 โมง ส่วนเรื่องค่าตอบแทนก็ได้บ้างเล็กน้อย
2.นาวสาวธนภรณ์ งามสม เป็นคนจังหวัดพิ็ษณุโลก มากันทั้งหมด 6 คน และที่มากราบไหว้หลวงพ่อ เพราะเป็นวันหยุดงานเลยอยากพาครอบครัวมาทำบุญ จากนั้นจะไปเดินเล่นและถ่ายรูปตรงบริเวณสวนด้านหน้าของพระอัฎฐารส และซื้อของที่ขายอยู่ในวัดใหญ่
3. นางสาวชุติกาญจน์ โพธิ์พรรณเหมือน พอดีว่าช่วงนี้คุณแม่ไม่ค่อยสบายและเป็นวันหยุดของตัวเองเลยพาคุณแม่มาเพื่อกราบไหว้ขอพรจากพระพุทธชินราช แล้วจากนั้นจะพาคุณแม่ไปหาหมอที่โรงพยาบาลเพื่อไปตรวจสุขภาพต่อ