วันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน 2568 ณ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครสวรรค์ ข้าราชการ บุคลากร สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครสวรรค์ ร่วมกิจกรรมรณรงค์ประชาสัมพันธ์เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดโลก (26 มิถุนายน) ประจำปี 2568 โดยมีนางวรภรณ์ เชื่อมไพบูลย์ นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทนวัฒนธรรมจังหวัดนครสวรรค์ เป็นประธานกล่าวปฏิญาณตน ประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านยาเสพติดเนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดโลก (26 มิถุนายน) ภายใต้กรอบแนวคิด "Stop Drugs , Start Power สร้างพลังไทย หยุดภัยยาเสพติด" และร่วมร้องเพลงรวมพลังต่อต้านยาเสพติด
ตามที่นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับโทษของบุหรี่ไฟฟ้าและข้อกฎหมายให้ประชาชนได้เข้าใจอย่างถูกต้อง รวมทั้งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กรมศุลกากร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันปราบปรามการทำความผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเด็ดขาด
จังหวัดนครสวรรค์ ได้รับแจ้งจากกระทรวงมหาดไทยว่า เพื่อให้การแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดผลสัมฤทธิ์ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี จึงขอให้ส่วนราชการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามอำนาจหน้าที่ ดังนี้
รณรงค์ ประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ความรู้และโทษของบุหรี่ไฟฟ้า สร้างความตระหนักรู้ถึงข้อกฎหมายและบทลงโทษต่อการกระทำความผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า ผ่านช่องทางต่างๆ ของหน่วยงาน
ประชาสัมพันธ์ช่องทางการแจ้งเหตุ หากพบบุคคล/สถานที่ ที่มีพฤติการณ์น่าสงสัยเกี่ยวกับการลักลอบนำเข้า จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงอุปกรณ์ส่วนควบ ผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด/อำเภอ หรือแอปพลิเคชั่นการรับเรื่องร้องเรียนแจ้งเหตุของจังหวัด
กำชับข้าราชการ บุคลากรของหน่วยงาน มิให้ยุ่งเกี่ยวกับการใช้บุหรี่ไฟฟ้าโดยเด็ดขาด หากพบมีการใช้หรือสูบบุหรี่ไฟฟ้าให้แจ้งผู้บังคับบัญชาพิจารณาตามอำนาจหน้าที่
วันพุธที่ 26 มิถุนายน 2567 เวลา 15.30 นาฬิกา
สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครสวรรค์ ดำเนินกิจกรรมเนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดโลก ประจำปี 2567 ภายใต้กรอบแนวคิด
"รวมพลังไทย สร้างครอบครัว ชุมชนอุ่นใจ พ้นภัยยาเสพติด เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา มหาราชา"
โดยนางเบ็ญจมาส บุญเทพ วัฒนธรรมจังหวัดนครสวรรค์ เป็นประธานนำบุคลากรในหน่วยงาน กล่าวปฏิญาณตน ประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านยาเสพติด เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดโลก และร่วมกิจกรรมจิตอาสา "รวมพลังไทย พ้นภัยยาเสพติด" ณ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครสวรรค์
ตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาชาวสิงคโปร์ และฟิลิปินส์ พร้อมของกลาง หัวน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า (พอต) ที่มีส่วนผสมของยาเสพติด เมทแอมแฟตามีน และเฮโรอีน โดยพบว่า หัวน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าดังกล่าวมีส่วนผสมของยาเสพติดที่กลุ่มนักท่องเที่ยวเรียกกันว่า "พอตเค" กำลังเป็นที่นิยมแพร่หลายของกลุ่มวัยรุ่น ด้วยการมีลักษณะเหมือนบุหรี่ไฟฟ้าโดยทั่วไป จึงทำให้ไม่ทราบว่าเป็นการเสพสารเสพ โดยใช้วิธีการจำหน่ายผ่านทางออนไลน์ มีพนักงานขนส่งนำสินค้าไปส่งถึงที่
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดได้ประชุมเปิดปฏิบัติการลดความรุนแรงของปัญหายาเสพติด ระยะ 1 ปี ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2566 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพมหานคร โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในการประชุม โดยมีการมอบนโยบายเพื่อขับเคลื่อนการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติดของนายกรัฐมนตรี , รองนายกรัฐมนตรี , รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดังนี้
นายกรัฐมนตรี (นายเศรษฐา ทวีสิน)
ประเด็นที่ 1 ลดความรุนแรงและลดความเดือดร้อนของประชาชนจากปัญหาผู้ที่มีอาการทางจิตเวชจากยาเสพติด
ประเด็นที่ 2 ลดจำนวนผู้เสพด้วยการบำบัดรักษาและต่อยอดแก้ไขปัญหาผู้ผ่านการบำบัดอย่างครบวงจร
ประเด็นที่ 3 การดำเนินนโยบายร่วมมือกับต่างประเทศเชิงรุกและเพิ่มประสิทธิภาพการสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดนให้ครอบคลุม
ประเด็นที่ 4 การยกระดับการปราบปรามทำลายโครงสร้างเครือข่าย/กลุ่มการค้ายาเสพติดระดับต่างๆ
ประเด็นที่ 5 การป้องกันยาเสพติดไม่ให้เกิดผู้เสพรายใหม่
ประเด็นที่ 6 การปลุกประชาชนให้ตื่นตัวและเข้าร่วมการแก้ไขปัญหายาเสพติด
ประเด็นที่ 7 การสร้างนวัตกรรมในการแก้ไขปัญหายาเสพติด
ประเด็นที่ 8 การกำหนดเป้าหมาย และ KPI ลดปัญหายาเสพติดภายใน 4 ปี
ประเด็นที่ 9 การให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ทั้งด้านการคัดกรอง การบำบัด การฟื้นฟู การสนับสนุนอาชีพแก่ผู้ผ่านการบำบัดยาเสพติด
ประเด็นที่ 10 การบริหารจัดการที่เป็นเอกภาพในทุกระดับ โดย
ระดับส่วนกลางให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงยุติธรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงกลาโหม กระทรวงแรงงาน กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และอีกหลายหน่วยงาน ผนึกกำลังร่วมกันประสานงานในส่วนกลางให้เป็นเอกภาพผ่านกลไลการขับเคลื่อนของศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดแห่งชาติ ที่มีผู้แทนของหน่วยงานต่างๆ อำนวยการและขับเคลื่อน
ระดับจังหวัด ให้มี 5 ภาคี ได้แก่ ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจภูธร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ฝ่ายทหาร/กอ.รมน.จังหวัด และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด เป็นกลไกในการแก้ไขปัญหายาเสพติดของจังหวัดตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล
อ่านต่อ สรุปการมอบนโยบายการลดความรุนแรงของปัญหายาเสพติดของ รองนายกรัฐมนตรี/รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายอนุทิน ชาญวีระกุล) , รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (นายสุทิน คลังแสง) , รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (นายสันติ พร้อมพัฒน์) , รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง) และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล)
เพื่อกำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ประเภท 2 หรือประเภท 5 หรือวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 หรือประเภท 2 ในปริมาณเล็กน้อยที่ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ
ข้อ 2 การมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ประเภท 2 หรือประเภท 5 หรือวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 หรือประเภท 2 ในปริมาณเล็กน้อยตามที่กำหนดดังต่อไปนี้ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ
(1) ยาเสพติดประเภท 1
(ก) แอมเฟตามีน : ปริมาณไม่เกินห้าหน่วยการใช้ หรือมีน้ำหนักสุทธิไม่เกิน 500 มิลลิกรัม
(ข) เอ็น-เอทิล เอ็มดีเอ หรือ เอ็มดีอี : ปริมาณไม่เกินห้าหน่วยการใช้ หรือมีน้ำหนักสุทธิไม่เกิน 1,250 มิลลิกรัม
(ค) เฮโรอีน : มีน้ำหนักสุทธิไม่เกิน 300 มิลลิกรัม
(ง) เดกซ์โทรไลเซอร์ไจด์ หรือ แอลเอสดี หรือ แอลเอสดี-25 : ปริมาณไม่เกินห้าหน่วยการใช้ หรือมีน้ำหนักสุทธิไม่เกิน 100 มิลลิกรัม
(จ) เมทแอมเฟตามีน : ปริมาณไม่เกินห้าหน่วยการใช้ หรือมีน้ำหนักสุทธิไม่เกิน 500 มิลลิกรัม กรณีเป็นเกล็ด ผง ผลึก มีน้ำหนักสุทธิไม่เกิน 100 มิลลิกรัม
(ฉ) เมทิลีนไดออกซีแอมเฟตามีน : ปริมาณไม่เกินห้าหน่วยการใช้ หรือมีน้ำหนักสุทธิไม่เกิน 1,250 มิลลิกรัม
(ช) 3,4 เมทิลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีน : ปริมาณไม่เกินห้าหน่วยการใช้ หรือมีน้ำหนักสุทธิไม่เกิน 1,250 มิลลิกรัม
(2) ยาเสพติดประเภท 2
(ก) โคคาอีน : มีน้ำหนักสุทธิไม่เกิน 200 มิลลิกรัม
(ข) ฝิ่น : มีน้ำหนักสุทธิไม่เกิน 5,000 มิลลิกรัม
(3) ยาเสพติดประเภท 5
(ก) พืชฝิ่น หรือแอลคาลอยด์ของฝิ่น : มีน้ำหนักสุทธิไม่เกิน 15,000 มิลลิกรัม
(ข) เห็ดขี้ควาย : มีน้ำหนักสุทธิไม่เกิน 135,000 มิลลิกรัม
(ค) สารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล หรือสารสกัดจากทุกส่วนของพืชกัญชา กัญชง : มีน้ำหนักสุทธิไม่เกิน 30,000 มิลลิกรัม หรือในกรณีเป็นของเหลวมีปริมาณสุทธิไมใ่เกิน 30 มิลลิกรัม
(4) วัตถุออกฤทธิ์ประเภท 1
(ก) ฟลูอัลพราโซแลม : ปริมาณไม่เกินห้าหน่วยการใช้ หรือมีน้ำหนักสุทธิไม่เกิน 650 มิลลิกรัม
(ข) ฟีนาซีแพม : ปริมาณไม่เกินสิบหน่วยการใช้ หรือมีน้ำหนักสุทธิไม่เกิน 1,650 มิลลิกรัม
(5) วัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2
(ก) อัลพราโซแลม : ปริมาณไม่เกินสิบหน่วยการใช้ หรือมีน้ำหนักสุทธิไม่เกิน 1,300 มิลลิกรัม
(ข) คีตามีน : ในกรณีเป็นของเหลวปริมาณสุทธิไม่เกิน 10 มิลลิลิตร หรือมีน้ำหนักสุทธิไม่เกิน 10,000 มิลลิกรัม กรณีเป็นเกล็ด ผง ผลึก มีน้ำหนักสุทธิไม่เกิน 500 มิลลิกรัม
(ค) มิดาโซแลม : ปริมาณไม่เกินสิบหน่วยการใช้ หรือมีน้ำหนักสุทธิไม่เกิน 2,080 มิลลิกรัม
(ง) ไนเมตาซีแพม : ปริมาณไม่เกินสิบหน่วยการใช้ หรือมีน้ำหนักสุทธิไม่เกิน 1,890 มิลลิกรัม
(จ) ไนทราซีแพม : ปริมาณไม่เกินสิบหน่วยการใช้ หรือมีน้ำหนักสุทธิไม่เกิน 5,560 มิลลิกรัม
(ฉ) เฟนเทอร์มีน : ปริมาณไม่เกินสิบหน่วยการใช้ หรือมีน้ำหนักสุทธิไม่เกิน 3,200 มิลลิกรัม
ดาวน์โหลด : กฎกระทรวงกำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ พ.ศ. 2567
ตามที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการในการประชุมขับเคลื่อนการป้องกัน ปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติด เมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 กันยายน 2566 ณ ห้องประชุมสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมบางปู จังหวัดสมุทรปราการ ถึงการแก้ไขปัญยาเสพติดที่เป็นปัญหาร้ายแรง และส่งผลกระทบต่อสังคมไทย โดยในการดำเนินการต่อผู้เสพยาเสพติดให้ใช้มาตรการ "เปลี่ยนผู้เสพ เป็นผู้ป่วย" โดยการชักชวน สร้างแรงจูงใจให้ผู้เสพเข้ารับการรักษาบำบัด รวมถึงให้มีอาชีพที่เหมาะสม และให้ความช่วยเหลือในการกลับคืนสู่สังคม
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) จึงจัดทำคลิปวีดิโอ และอินโฟกราฟิก "เปลี่ยนผู้เสพ เป็นผู้ป่วย" โดยให้หน่วยงานและเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เผยแพร่ประชาสัมพันธ์สื่อดังกล่าว
ตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ ในฐานะประธานคณะกรมการจังหวัด ได้แจ้งต่อที่ประชุมกรมการจังหวัดครั้งที่ 4/2566 เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2566 ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาสุขภาพจิตและปัญหายาเสพติดของจังหวัดนครสวรรค์ให้ทราบโดยทั่วกันว่า
"จังหวัดนครสวรรค์ จะบูรณาการการแก้ไขปัญหาสุขภาพจิตและปัญหายาเสพติดให้เป็นเรื่องเดียวกัน"
จึงมีคำสั่งจังหวัดนครสวรรค์ ที่ 2190/2566 เรื่อง จัดตั้งศูนย์อำนวยการบูรณาการการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด สุขภาพจิต จังหวัดนครสวรรค์ (ศอ.ปส.จ.จ.นว.) ลงวันที่ 12 มิถุนายน 2566 เพื่อให้การบูรณาการความร่วมมือนำไปสู่การป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม
กรมการปกครอง แจ้งแนวทางการดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีอาการทางจิต ในรูปแบบ "เก้าเลี้ยวโมเดล" ของจังหวัดนครสวรรค์ และแนวทางการแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจร "หนองบัวลำภู ต้นแบบจังหวัดสีขาว ปลอดยาเสพติด" ของจังหวัดหนองบัวลำภู เพื่อให้ทุกจังหวัด นำแนวทางดังกล่าวไปประยุกต์ใช้ในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติดตามบริบทและความเหมาะสมของแต่ะพื้นที่
เก้าเลี้ยวโมเดล : พันตำรวจโทนิภัทร์ มีมุสิทธิ์
เก้าเลี้ยวโมเดล : นางปรียาภัสสร์ เหล็กเพชร
ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ในฐานะประธานกรรมการป้องกัน และปราบปรามยาเสพติด ได้ลงนามในประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ลงวันที่ 7 เมษายน 2566 เรื่อง แผนปฏิบัติการภายใต้นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นกรอบแนวทางการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติดไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม
ในการนี้ จึงขอแจ้งให้ข้าราชการ บุคลากร สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครสวรรค์ ทราบ และพิจารณาบูรณาการแผนงาน/โครงการ ในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติดภายใต้กรอบแนวทางดังกล่าว
ตามที่นายกรัฐมนตรี (พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา) ได้ลงนามในประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด (พ.ศ. 2566-2570) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการขับเคลื่อนการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ตามอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานให้สอดคล้องกับนโยบายและแผนระดับชาติฯ
นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด (พ.ศ. 2566-2570) มีสาระสำคัญเพื่อกำหนดทิศทางการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติดทั้งระบบ โดยมุ่งเน้นการลดระดับความรุนแรงของปัญหายาเสพติด รวมทั้งเสริมสร้างให้มีการบูรณาการทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องไปสู่การแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน ประกอบด้วย นโยบายและแผน 6 ด้าน (45 แนวทาง) ได้แก่
นโยบายและแผนด้านการป้องกันยาเสพติด
การเสริมสร้างให้กลุ่มเป้าหมายรู้เท่าทันยาเสพติด ลดปัจจัยเสี่ยงไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด โดยการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนตั้งแต่ระดับบุคคล ครอบครัว ชุมชน และสังคม
การสร้างความตระหนักและจิตสำนึกในการป้องกันยาเสพติดผ่านผู้นำที่มีอิทธิพลทางความคิดต่อกลุ่มเป้าหมาย เช่น ปราชญ์ชาวบ้าน ผู้นำชุมชน ผู้นำทางศาสนา เป็นต้น ตลอดจนส่งเสริมให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด
การพัฒนาคุณภาพชีวิตแก่ประชากรในทุกกลุ่มวัย รวมทั้งกลุ่มที่เคยมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยส่งเสริมให้มีเป้าหมายชีวิต การวางแผนอนาคต การให้ความรู้ อบรม ฝึกทักษะวิชาชีพ รวมทั้งส่งเสริมดูแลสุขภาพและคุณภาพชีวิต
การสร้างชุมชนเข็มแข็ง โดยยึดหลักการ "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา" จัดให้มีการเฝ้าระวัง สอดส่อง และตรวจตรายาเสพติด ส่งเสริมการแจ้งเบาะแสและข่าวสารแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สร้างกลไกในการช่วยเหลือดูแล แก้ไขปัญหา และลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากปัญหายาเสพติด
การส่งเสริมการสื่อสารและกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์เพื่อป้องกันยาเสพติดในพื้นที่สื่อสังคมออนไลน์ เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงและการดำเนินการสร้างความรู้เท่าทันยาเสพติดแก่กลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งการมีส่วนร่วมในการสื่อสารเพื่อป้องกันยาเสพติด ขยายช่องทางในพื้นที่สื่อสังคมออนไลน์สามารถมีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเพื่อเฝ้าระวังและแจ้งเตือนปัญหายาเสพติดในพื้นที่
นโยบายและแผนด้านการปราบปรามยาเสพติด
การปราบปรามทำลายโครงสร้างเครือข่ายการค้ายาเสพติดระดับสำคัญ โดยใช้มาตรการลงโทษทางอาญาที่เด็ดขาดและรุนแรง มาตรการสมคบ และให้อำนาจดำเนินการต่อทรัพย์สินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติดมากขึ้น การขจัดการใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรม การทุจริต คอร์รัปชัน
นโยบายและแผนด้านการยึดทรัพย์สินคดียาเสพติด
เพิ่มเครื่องมือ อำนาจทางกฎหมายให้ดำเนินการทางด้านการเงิน ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นๆ ที่ได้มาจากการค้ายาเสพติดให้มากขึ้น
นโยบายและแผนด้านการบำบัดรักษายาเสพติด
การนำผู้เสพเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาโดยวิธีสมัครใจ ผ่านการสร้างการรับรู้แก่ผู้เสพและครอบครัวเกี่ยวกับสิทธิในการรับการรักษา และได้เห็นถึงโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิต
การพัฒนาสถานบำบัดหรือสถานฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด รวมทั้งการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนในการดูแลผู้เสพยาเสพติด การสร้างการรับรู้ของชุมชนและสังคมในการเฝ้าระวังผู้เสพยาเสพติดที่มีความเสี่ยง ผู้ติดยาเสพติดที่มีอาการทางจิตเวช เพื่อป้องกันไม่ให้ส่งผลกระทบต่อตนเอง ครอบครัว และชุมชน รวมทั้งการพัฒนาศักยาภาพของเจ้าหน้าที่ อาสาสมัครทั้งภาครัฐและภารประชาสังคมให้มีองค์ความรู้ในการดูแลผู้เสพยาเสพติดอย่างเหมาะสม
การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ในการยอมรับและให้โอกาสผู้เสพและผู้ผ่านการบำบัดรักษายาเสพติดเข้าทำงาน รวมทั้งการสนับสนุนการจัดตั้งกลุ่มอาชีพ วิสาหกิจเพื่อสังคม เพื่อพัฒนาและส่งเสริมคุณภาพชีวิต โดยเสริมสร้างแรงจูงใจแก่ภาคเอกชนที่ให้ความร่วมมือด้วยสิทธิประโยชน์ต่างๆ
การพัฒนาแนวทางการดำเนินงานเพื่อปรับเปลี่ยนพฤตินิสัยของผู้เสพยาเสพติด พัฒนาแผน/วิธีการปรับพฤตินิสัยที่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง สภาพแวดล้อม และภูมิหลังของผู้เสพ เพื่อป้องกันการกลับไปกระทำผิดซ้ำอย่างยั่งยืน
นโยบายและแผนด้านความร่วมมือระหว่างประเทศ
เสริมสร้างบทบาทของประเทศไทยให้เป็นแกนกลางประสานความร่วมมือระหว่างประเทศในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกระดับกับประเทศเพื่อนบ้าน ประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง เพื่อร่วมกันเฝ้าระวังสถานการณ์ การร่วมสกัดกั้น ปราบปรามทำลายเครือข่ายอาญชกรรมการค้ายาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ข้ามชาติ
นโยบายและแผนด้านการบริหารจัดการ
การสร้างเอกภาพในการบริหารจัดการ การพัฒนากลไกระบบอำนวยการและสนับสนุนการดำเนินงานให้มีความเชื่อมโยงประสานสอดคล้องในทุกระดับอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล ปรับกระบวนทัศน์และแนวทางการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ภาครัฐ พัฒนาทักษะและสมรรถนะการทำงานในยุคดิจิทัล ส่งเสริมพัฒนา ศึกษาวิจัย และการมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน
ในการนี้ สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม จึงขอส่งสำเนาประกาศดังกล่าวให้สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด แจ้งข้าราชการ บุคลากรทราบ และพิจารณาบูรณาการแผนงาน/โครงการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดในส่วนที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับนโยบายและแผนระดับชาติฯ อย่างเป็นรูปธรรม
ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ ได้มีคำสั่ง ศอ.ปส.ที่ 5/2566 ลงวันที่ 7 มีนาคม 2566 เรื่อง ขยายระยะเวลาปฏิบัติการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ตามนโยบาลรัฐบาล ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 จนถึงวันที่ประกาศใช้แผนภายใต้นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด พ.ศ. 2566
ด้วยคณะรัฐมนตรีมีมติในการประชุมเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2565 เห็นชอบมาตรการสำคัญในการแก้ไขปัญหายาเสพติด จึงกำหนดให้มีการปฏิบัติการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติดตามนโยบายรัฐบาล ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ระยะเร่งด่วน 3 เดือน (ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 - 31 มกราคม 2566) เพื่อดำเนินการเชิงรุกในการปราบปรามผู้ค้ายาเสพติด ลดการแพร่ระบาดยาเสพติดในพื้นที่ รวมทั้งการนำผู้เสพยาเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา ลดปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน
ในการนี้ จังหวัดนครสวรรค์ จึงขอให้หน่วยราชการดำเนินการให้เป็นไปตามคำสั่ง ศอ.ปส. ที่ 11/2565 ลงวันทมี่ 1 พฤศจิกายน 2565 เรื่อง ปฏิบัติการป้องัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติดตามนโยบายของรัฐบาล ระยะเร่งด่วน 3 เดือน โดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครสวรรค์ พิจารณาแล้ว ขอให้ข้าราชการ บุคลากร สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดทราบ และถือปฏิบัติ ดังนี้
ดำเนินการกำกับดูแล ตรวจสอบ ข้าราชการ บุคลากร สำนักงานวัฒนธรมจังหวัดนครสวรรค์ หากมีพฤติการณ์เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ให้ดำเนินการลงโทษทางวินัยและทางอาญาอย่างเด็ดขาด
ให้ข้าราชการ บุคลากร สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครสวรรค์ พิจารณาบูรณาการแผนงาน/โครงการ ในส่วนที่เกี่ยวข้อง
การมีส่วนร่วมของชุมชนในการดูแลผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด ให้เข้ารับการบำบัด ฟื้นฟู รักษา
การสร้างเครือข่ายต้นแบบในการจัดการปัญหายาเสพติด
ด้วยสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข โดยกองบริหารการสาธารณสุข ได้จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์การป้องกันและการแก้ไขปัญหายาเสพติด เพื่อเป็นสื่อให้ผู้ป่วยยาเสพติด ประชาชนทั่วไป รวมถึงทุกภาคส่วน ได้รับรู้เกิดความเข้าใจและส่งผลให้ผู้ป่วยยาเสพติดเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาได้มากขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการบำบัดรักษาฟื้นฟูสมรรถภาพผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติด ประกอบด้วย
ควบคุมมิให้มีการใช้กัญชา กัญชง ในสถานที่ราชการ
ดูแลสอดส่องข้าราชการในสังกัดมิให้มีการใช้กัญชา กัญชง อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย/ระเบียบ ในทางที่อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ
ห้ามมิให้มีการจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกัญชา กัญชง และมิให้นำอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกัญชา กัญชง เข้ามาบริโภคในสถานที่ราชการ
ข้อ 1 ให้กัญชา หรือสารสกัดจากกัญชา (พืชสกุล Cannabis) เป็นสมุนไพรควบคม
ข้อ 2 อนุญาตให้ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไป สามารถครอบครอง ใช้ประโยชน์ ดูแล เก็บรักษา ขนย้าย จำหน่ายสมุนไพรตามข้อ 1 ได้ ยกเว้นการกระทำ ดังต่อไปนี้
การใช้ประโยชน์ในที่สาธารณะโดยการสูบ
การใช้ประโยชน์กับสตรีมีครรภ์หรือสตรีให้นมบุตร
การจำหน่ายให้กับผู้ที่มีอายุต่ำกว่ายี่สิบปี สตรีมีครรภ์หรือสตรีให้นมบุตร
ข้อ 3 อนุญาตให้ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม การแพทย์แผนไทย การแพทย์แผนไทยประยุกต์ ผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาแพทย์แผนจีน และหมอพื้นบ้านตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการแพทย์แผนไทย : สามารถใช้ประโยชน์จากสมุนไพรควบคุมตามข้อ 1 ให้กับผู้ป่วยของตน
ข้อ 4 อนุญาตให้ผู้ป่วยตามข้อ 3 สามารถครอบครอง ขนย้าย ดูแล เก็บรักษา ใช้ประโยชน์จากสมุนไพรในปริมาณที่จ่ายให้สำหรับการใช้เป็นเวลาสามสิบวัน
ประกาศ ณ วันที่ 16 มิถุนายน 2565
"กัญชา" พืชในสกุล Cannabis เป็นพืชล้มลุก ลำต้นมีสีเขียวอมเทา ใบเป็นแฉกเว้าลึกจนถึงโคนใบ ใบแต่ละแฉกยาวรี ขอบใบจักแบบฟันเลื่อย ดอกสีเขียว มีสารออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท
"กัญชง" ไม้ล้มลุกมีลักษณะทางพฤาษศาสตร์คล้ายกัญชา แต่ลักษณะต้นสูงกว่า ใบเรียวยาวและสีอ่อนกว่า มีสารที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท
กำหนดให้การกระทำให้เกิดกลิ่น หรือควัน จนเป็นเหตุให้เสื่อมหรืออาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัยบริเวณใกล้เคียงหรือผู้ที่ต้องประสบกับเหตุนั้น เป็นเหตุรำคาญ ตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข
ประกาศ ณ วันที่ 13 มิถุนายน 2565
ระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2565
ว่าด้วยการแต่งตั้ง การปฏิบัติหน้าที่ และการกำกับดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส.
ว่าด้วยตรวจรรับ การตรวจพิสูจน์ การเก็บรักษา การทำลาย การนำไปใช้ประโยชน์ และการรายงานยาเสพติด
ระเบียบคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน พ.ศ. 2565
ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2565