ตามที่กระทรวงวัฒนธรรม มีการปรับปรุงกฎกระทรวงเกี่ยวกับการประกอบกิจการภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. 2568 เพื่อให้การดำเนินการในการขอรับใบอนุญาต/ต่ออายุใบอนุญาต การแจ้งเพิ่มจำนวนเครื่องมือ การแจ้งเพิ่มขนาดพื้นที่ เป็นไปตามกฎกระทรวงฯ 2568 จึงมีการประกาศนายทะเบียนกลาง พ.ศ. 2568 เรื่อง กำหนดแบบคำขอรับใบอนุญาต แบบใบอนุญาต แบบแจ้งเพิ่มจำนวนเครื่อง/เพิ่มขนาดพื้นที่ แบบคำขอต่ออายุใบอนุญาต และแบบขอแก้ไขข้อมูลในใบอนุญาต จำนวน 3 ฉบับ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน 2568 ดังนี้
ร้านวีดิทัศน์
(1) คำขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการร้านวีดิทัศน์ (แบบ รว 1)
(2) แบบแนบ รว 1 กรณีขอรับใบอนุญาตหลายแห่ง (แนบ รว 1)
(3) แบบใบอนุญาตประกอบกิจการร้านวีดิทัศน์ (รว 2)
(4) ใบแจ้งเพิ่มจำนวนเครื่องมือสำหรับฉายหรือเล่นวีดิทัศน์ (แบบ รว 3)
(5) คำขอต่ออายุใบอนุญาตประกอบกิจการร้านวีดิทัศน์ (แบบ รว 4)
(6) แบบแนบ รว 4 กรณีขอต่ออายุใบอนุญาตหลายแห่ง (แนบ รว 4)
(7) คำขอแก้ไขข้อมูลในใบอนุญาตประกอบกิจการร้านวีดิทัศน์ (แบบ รว 5)
โรงภาพยนตร์
(1) คำขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงภาพยนตร์ (แบบ รภ 1)
(2) แบบแนบ รภ 1 กรณีขอรับใบอนุญาตหลายแห่ง (แนบ รภ 1)
(3) แบบใบอนุญาตประกอบกิจการโรงภาพยนตร์ (รภ 2)
(4) คำขอต่ออายุใบอนุญาตประกอบกิจการโรงภาพยนตร์ (แบบ รภ 3)
(5) แบบแนบ รภ 3 กรณีขอต่ออายุใบอนุญาตหลายแห่ง (แนบ รภ 3)
(6) คำขอแก้ไขข้อมูลในใบอนุญาตประกอบกิจการโรงภาพยนตร์ (แบบ รภ 4)
ให้เช่าฯ ภาพยนตร์
(1) คำขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายภาพยนตร์ (แบบ ปภ 1)
(2) แบบแนบ ปภ 1 กรณีขอรับใบอนุญาตหลายแห่ง (แนบ ปภ 1)
(3) แบบใบอนุญาตประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายภาพยนตร์ (ปภ 2)
(4) ใบแจ้งเพิ่มขนาดพื้นที่ของสถานประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายภาพยนตร์ (ปภ 3)
(5) คำขอต่ออายุใบอนุญาตประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายภาพยนตร์ (ปภ 4)
(6) แบบแนบ ปภ 4 กรณีขอต่ออายุใบอนุญาตหลายแห่ง (แนบ ปภ 4)
(7) คำขอแก้ไขข้อมูลในใบอนุญาตประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายภาพยนตร์ (ปภ 5)
ให้เช่าฯ วีดิทัศน์
(1) คำขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายวีดิทัศน์ (แบบ ปว 1)
(2) แบบแนบ ปว 1 กรณีขอรับใบอนุญาตหลายแห่ง (แนบ ปว 1)
(3) แบบใบอนุญาตประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายวีดิทัศน์ (ปว 2)
(4) ใบแจ้งเพิ่มขนาดพื้นที่ของสถานประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายวีดิทัศน์ (ปว 3)
(5) คำขอต่ออายุใบอนุญาตประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายวีดิทัศน์ (ปว 4)
(6) แบบแนบ ปว 4 กรณีขอต่ออายุใบอนุญาตหลายแห่ง (แนบ ปว 4)
(7) คำขอแก้ไขข้อมูลในใบอนุญาตประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายวีดิทัศน์ (ปว 5)
ตามที่ได้มีประกาศกระทรวงวัฒนธรรม เรื่อง กำหนดเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้มีอำนาจปรับเป็นพินัยตามพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. 2551 เพื่อทำหน้าที่ในการปรับเป็นพินัยในความผิดทางพินัยตามความในมาตรา 78 มาตรา 79 มาตรา 80 มาตรา 81 และมาตรา 82 แห่งพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. 2551
อาศัยอำนาจตามความในข้อ 10 ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยระเบียบปฏิบัติในการปรับเป็นพินัย พ.ศ. 2566 และประกาศกระทรวงวัฒนธรรม เรื่อง กำหนดเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้มีอำนาจปรับเป็นพินัยฯ จังหวัดนครสวรรค์ จึงแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้มีอำนาจปรับเป็นพินัยฯ ในจังหวัดนครสวรรค์ โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ ดังนี้
องค์ประกอบ
1.1 วัฒนธรรมจังหวัดนครสวรรค์ หัวหน้าองค์คณะ
1.2 ผู้กำกับการ (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ (อาวุโสอันดับ 1) องค์คณะ
1.3 นิติกรชำนาญการที่ทำการปกครองจังหวัด กลุ่มงานอำนวยความเป็นธรรม องค์คณะ
1.4 ผู้อำนวยการกลุ่มยุทธศาสตร์และเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม องค์คณะ
1.5 นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการที่ได้รับมอบหมาย องค์คณะ
อำนาจหน้าที่
2.1 พิจารณาและดำเนินการปรับเป็นพินัยให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. 2565 และอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้อง
2.1 ในการพิจารณาดำเนินการตามข้อ 2.1 ต้องดำเนินการเป็นองค์คณะ ซึ่งมีหัวหน้าองค์คณะหนึ่งคน และองค์คณะอีกไม่น้อยกว่าสองคน
โดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติว่ารัฐพึงกำหนดโทษอาญาเฉพาะความผิดร้ายแรง กรณีจึงเป็นการสมควรกำหนดให้การกระทำความผิดในลักษณะที่เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบติตามกฎหมายในกรณีที่ไม่ใช่ความผิดร้ายแรงและโดยสภาพไม่กระทบต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนอย่างร้ายแรง หรือไม่มีผลกระทบต่อส่วนรวมอย่างกว้างขวางเป็นความผิดทางพินัย โดยไม่ถือเป็นความผิดอาญา และให้กำหนดค่าปรับเป็นพินัยสำหรับผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม
มาตรา 3 (นิยาม)
"ปรับเป็นพินัย" หมายควาว่า สั่งให้ผู้กระทำความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินที่กฎหมายกำหนด
มาตรา 9 ในการกำหนดค่าปรับเป็นพินัย ให้พิจารณาตามความเหมาะสมกับข้อเท็จจริง ดังต่อไปนี้
ระดับความรุนแรงของผลกระทบที่เกิดขึ้นแก่ชุมชนหรือสังคมจากการกระทำความผิดทางพินัย และพฤติการณ์อื่นอันเกี่ยวกับสภาพความผิดทางพินัย
ความรู้ผิดชอบ อายุ ประวัติ ความประพฤติ สติปัญญา การศึกษาอบรม สุขภาพ ภาวะแห่งจิต นิสัย อาชีพ สิ่งแวดล้อม การกระทำความผิดซ้ำ และสิ่งอื่นทั้งปวงเกี่ยวกับผู้กระทำความผิดทางพินัย
ผลประโยชน์ที่ผู้กระทำความผิดทางพินัยหรือบุคคลอื่นได้รับจากการกระทำความผิดทางพินัย
สถานะทางเศรษฐกิจของผู้กระทำความผิดทางพินัย
ในการชำระค่าปรับเป็นพินัย ถ้าผู้กระทำความผิดขอร้อง และเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือศาลเห็นว่าผู้กระทำความผิดไม่อาจชำระค่าปรับในคราวเดียวได้ เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือศาลจะให้ผ่อนชำระก็ได้
มาตรา 10 ในกรณีที่ผู้กระทำผิดทางพินัยเป็นบุคคลธรรมดา และกระทำความผิดทางพินัยเพราะเหตุแห่งความยากจนเหลือทนทานหรือเพราะความจำเป็นอย่างแสนสาหัสในการดำรงชีวิต ผู้นั้นอาจยื่นคำร้องเพื่อกำหนดค่าปรับเป็นพินัยต่ำกว่าที่กฎหมายบัญญัติไว้ หรือขอทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับเป็นพินัยได้
มาตรา 19 เมื่อมีเหตุอันควรสงสัยหรือมีการกล่าวหาหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐพบเห็นว่ามีการกระทำความผิดทางพินัย ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐาน และต้องให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาได้ชี้แจงหรือแก้ข้อกล่าวหานั้นตามสมควร ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา 20 เมื่อดำเนินการตามมาตรา 19 แล้ว และเจ้าหน้าที่าของรัฐมีพยานหลักฐานเพียงพอว่าผู้ใดกระทำความผิดทางพินัย ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐมีคำสั่งปรับเป็นพินัยและส่งคำสั่งให้ผู้นั้นทราบทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับไปยังที่อยู่ที่ปรากฎตามหลักฐานทางทะเบียนตามกฏหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรของผู้ถูกกล่าวหาหรือตามที่ได้แจ้งไว้ต่อหน่วยงานของรัฐ และให้ถือว่าผู้นั้นได้รับแจ้งตั้งแต่วันครบสิบห้าวันนับแต่วันที่ปรากฎในทะเบียนตอบรับ
มาตรา 21 คำสั่งปรับเป็นพินัยตามมาตรา 20 ให้ทำเป็นหนังสือโดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับการกระทำอันเป็นความผิดทางพินัย
อัตราค่าปรับเป็นพินัยที่กฎหมายบัญญัติ และจำนวนค่าปรับเป็นพินัยที่เจ้าหน้าที่ของรัฐกำหนดให้ต้องชำระ
ระยะเวลาที่ต้องชำระซึ่งต้องไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน แต่ไม่เกินสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง
กระบวนการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐจะต้องดำเนินการต่อไป ถ้าผู้ถูกกล่าวหาปฏิเสธข้อกล่าวหาหรือไม่ชำระค่าปรับเป็นพินัยภายในระยะเวลาที่กำหนด
สิทธิในการขอผ่อนชำระตามมาตรา 9 วรรคสอง หรือการยื่นคำร้องขอต่อศาลตามมาตรา 10
รายละเอียดอื่นใดที่เห็นสมควรอันจะทำให้ผู้ถูกกล่าวหาเข้าใจสภาพแห่งการกระทำความผิดหรือที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ถูกกล่าวหา
มาตรา 24 ในกรณีที่พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาพบการกระทำความผิดทางพินัย ให้มีหน้าที่แจ้งให้หน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบกฎหมายนั้นๆ เพื่อพิจารณาดำเนินการปรับเป็นพินัยต่อไป เว้นแต่เป็นความผิดทางพินัยที่พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจดังกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัตินี้ ในกรณีเช่นนั้นให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้ในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐ
มาตรา 33 คดีความผิดทางพินัยเป็นอันยุติ ด้วยเหตุดังต่อไปนี้
เมื่อมีการชำระค่าปรับเป็นพินัยหรือทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับเป็นพินัยครบถ้วนแล้ว
โดยความตายของผู้กระทำความผิดทางพินัย
เมื่อมีการเปรียบเทียบความผิดอาญาตามมาตรา 16 (4)
เมื่อคดีขาดอายุความตามมาตรา 11 หรือพ้นกำหนดเวลาตามมาตรา 12 แล้วแต่กรณี
มาตรา 34 ห้ามมิให้หน่วยงานของรัฐบันทึกการกระทำความผิดทางพินัยของบุคคลใด รวมไว้ในบันทึกประวัติอาชญกรรม หรือในฐานะเป็นประวัติอาชญกรรม
ข้อ 1 กำหนดให้เจ้าหน้าที่ของรัฐต่อไปนี้ เป็นผู้มีอำนาจปรับเป็นพินัยในความผิดทางพินัยตามมาตรา 78 มาตรา 79 มาตรา 80 มาตรา 81 และมาตรา 82 แห่งพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. 2551 ในเขตกรุงเทพมหานคร
ผู้อำนวยการสำนักพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์
ผู้อำนวยการกลุ่มนิติการ หรือนิติกรชำนาญการพิเศษ
ผู้อำนวยการกลุ่มตรวจและส่งเสริมสถานประกอบกิจการ หรือนักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการพิเศษ
ข้อ 2 กำหนดให้เจ้าหน้าที่ของรัฐต่อไปนี้ เป็นผู้มีอำนาจปรับเป็นพินัยในความผิดทางพินัยตามมาตรา 78 มาตรา 79 มาตรา 80 มาตรา 81 และมาตรา 82 แห่งพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. 2551 เฉพาะในพื้นที่ของตน สำหรับในจังหวัดอื่น
วัฒนธรรมจังหวัด หรือข้าราชการพลเรือนสามัญในสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดซึ่งดำรงตำแหน่งระดับชำนาญการขึ้นไป
ข้าราชการตำรวจ ซึ่งดำรงตำแหน่งสารวัตรหรือเทียบเท่าตำแหน่งสารวัตรขึ้นไป สังกัดตำรวจภูธรภาค 1-9 และศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดชายแดนภาคใต้
เจ้าพนักงานปกครอง หรือนิติกร ซึ่งดำรงตำแหน่งชำนาญการขึ้นไป
ข้อ 3 ในการพิจารณาและดำเนินการปรับเป็นพินัย กำหนดให้เจ้าหน้าที่ตามข้อ 1 หรือข้อ 2 ต้องทำเป็นองค์คณะ ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ของรัฐจำนวนไม่น้อยกว่าสามคน ซึ่งมีหัวหน้าองค์คณะหนึ่งคน และองค์คณะอีกไม่น้อยกว่าสองคน ตามที่ได้รับแต่งตั้งจากอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม วัฒนธรรมจังหวัด ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-9 และศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดชายแดนภาคใต้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือผู้ว่าราชการจังหวัด แล้วแต่กรณี
มาตรา 78 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท
มาตรา 25 วรรคหนึ่ง : ภาพยนตร์ที่จะนำออกฉาย ให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายในราชอาณาจักร ต้องผ่านการตรวจพิจารณาและได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์
มาตรา 28 วรรคสอง : ภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้มีอายุตั้งแต่สิบแปดปีขึ้นไป และภาพยนตร์ที่ห้ามผู้มีอายุต่ำกว่ายี่สิบปีดู ให้ฉายทางโทรทัศน์ได้ในระหว่างเวลาที่คณะกรรมการกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา 34 วรรคหนึ่ง : ห้ามผู้ใดส่งภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นในราชอาณาจักรออกไปนอกราชกอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์
มาตรา 49 วรรคหนึ่ง : ห้ามผู้ใดส่งวีดิทัศน์ที่สร้างขึ้นในราชอาณาจักรออกไปนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์
มาตรา 79 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดระยะเวลาที่ฝ่าฝืนอยู่
มาตรา 37 วรรคหนึ่ง : ห้ามผู้ใดประกอบกิจการโรงภาพยนตร์โดยทำเป็นธุรกิจหรือได้รับประโยชน์ตอบแทน เว้นแต่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียน
มาตรา 38 วรรคหนึ่ง : ห้ามผู้ใดประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายภาพยนตร์โดยทำเป็นธุรกิจหรือได้รับประโยชน์ตอบแทน เว้นแต่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียน
มาตรา 80 ผู้รับใบอนุญาตผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท
มาตรา 43 : ภาพยนตร์ที่ผู้รับใบอนุญาตโรงภาพยนตร์ หรือให้เช่า แลกเปลี่ยน รหือจำหน่ายภาพยนตร์ จะมีไว้ในสถานประกอบกิจการของตนเพื่อนำออกฉาย ให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่าย จะต้องเป็นภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาสาระเช่นเดียวกับภาพยนตร์ที่ผ่านการตรวจและได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ และมีการแสดงเครื่องหมายการอนุญาต ประเภทของภาพยนตร์และหมายเลขรหัส
มาตรา 44 วรรคสอง : ห้ามผู้รับใบอนุญาตภาพยนตร์ ยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้ผู้ซึ่งมีอายุต่ำกว่ายี่สิบปีเข้าไปในโรงภาพยนตร์ในระหว่างที่ทำการฉายภาพยนตร์ที่จัดอยู่ในประเภทดังกล่าว
มาตรา 45 : ห้ามผู้รับใบอนุญาตให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายภาพยนตร์ ให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายภาพยนตร์ที่ห้ามผู้มีอายุต่ำกว่ายี่สิบปีดู ให้แก่ผู้ซึ่งมีอายุต่ำกว่าที่กำหนด
มาตรา 58 : วีดิทัศน์ที่ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการร้านวีดิทัศน์ หรือร้านให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายวีดิทัศน์ จะมีไว้ในสถานประกอบกิจการของตนเพื่อนำออกฉาย ให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่าย จะต้องมีลักษณะเช่นเดียวกับวีดิทัศน์ที่ผ่านการตรวจพิจารณาและได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ และมีการแสดงเครื่องหมายการอนุญาตและหมายเลขรหัส
มาตรา 81 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท
มาตรา 46 : การฉายภาพยนตร์ในสถานที่ที่บุคคลทั่วไปสามารถดูได้ ต้องเป็นภาพยนตร์ส่งเสริมการเรียนรู้และควรส่งเสริมให้มีการดู หรือภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้ดูทั่วไป
มาตรา 49 วรรคหนึ่ง : วีดิทัศน์ที่จะนำออกฉาย ให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายในราชอาณาจักรต้องผ่านการตรวจพิจารณาและได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์
มาตรา 82 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ดังต่อไปนี้ หรือประกอบกิจการระหว่างถูกพักใช้หรือถูกเพิกถอนใบอนุญาต ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงห้าแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดระยะเวลาที่ฝ่าฝืนอยู่
มาตรา 53 วรรคหนึ่ง : ห้ามผู้ใดจัดตั้งหรือประกอบกิจการร้านวีดิทัศน์โดยทำเป็นธุรกิจหรือได้รับประโยชน์ตอบแทน เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียน
มาตรา 54 วรรคหนึ่ง : ห้ามผู้ใดประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายวีดิทัศน์โดยทำเป็นธุรกิจหรือได้รับประโยชน์ตอบแทน เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียน
ดาวน์โหลด : ตารางมาตราของกฎหมายตามพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ที่เปลี่ยนเป็นความผิดทางพินัย
ตารางมาตราของกฎหมายฉบับต่างๆ ที่จะเปลี่ยนเป็นความผิดทางพินัย (กฎหมายในบัญชี 1)
ตารางมาตราของกฎหมายฉบับต่างๆ ที่จะเปลี่ยนเป็นความผิดทางพินัย (กฎหมายในบัญชี 3)
ตารางมาตราของกฎหมายตามพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. 2551 ที่จะเปลี่ยนเป็นความผิดทางพินัย
กฎกระทรวงการแสวงหาข้อเท็จจริง การรวบรวมพยานหลักฐาน และการชี้แจงหรือแก้ข้อกล่าวหา พ.ศ. 2566
กฎกระทรวงการชำระค่าปรับเป็นพินัยผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2566
ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยระเบียบปฏิบัติในการปรับเป็นพินัย พ.ศ. 2566
ระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดีความผิดทางพินัยของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2566
ประกาศสำนักงานศาลยุติธรรม เรื่อง การใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ในการดำเนินคดีความผิดทางพินัย
ข้อบังคับของประธานศาลฎีกาว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีความผิดทางพินัย พ.ศ. 2566
คู่มือการปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่ของรัฐตามกฎหมายว่าด้วยการปรับเป็นพินัยที่เกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. 2551 (กรมส่งเสริมวัฒนธรรม) New