องค์ประกอบในการถ่ายภาพ
การถ่ายภาพให้ดูสวยงามดึงดูดความสนใจ และสามารถจะสื่อความหมายตามที่ผู้ถ่ายต้องการได้นั้น ไม่ใช่เพียงแต่ผู้ถ่ายสามารถใช้กล้องถ่ายภาพเพียงให้ภาพออกมาคมชัดเท่านั้น ผู้ถ่ายจำเป็นต้องรู้จักจัดองค์ประกอบภาพด้วย มีผู้กล่าวว่า “การถ่ายภาพเป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์ แต่การถ่ายภาพให้มีความหมายและความสวยงามนั้นเป็นเรื่องของศิลปะ” ดังนั้นผู้ศึกษาในด้านการถ่ายภาพจึงควรให้ความสำคัญในเรื่องขององค์ประกอบของภาพด้วย จึงเป็นนักถ่ายภาพที่สมบูรณ์
การจัดองค์ประกอบในการถ่ายภาพ ต้องคำนึงถึง
1. ความเป็นเอกภาพ (Unity)
ภาพภาพหนึ่งควรจะมีความเป็นเอกภาพ ผู้ถ่ายควรจะวางจุดมุ่งหมายเพียงอย่างเดียว ผู้ดูจะได้ไม่เกิดความสับสนและไม่ว่าจะให้ใครดูก็จะบอกความรู้สึกได้คล้าย ๆ กัน เช่น สดชื่น เศร้า หรือน่าสงสัย สิ่งต่างๆ ควรเป็นพวกเดียวกัน เช่นถ่ายภาพดอกไม้ประเภทใด กิ่งก้าน ใบ ก็ควรเป็นประเภทเดียวกัน
2. บรรยากาศและอารมณ์
เมื่อผู้ถ่ายวางจุดประสงค์ไว้เรียบร้อยแล้วก็เลือกสร้างบรรยากาศและอารมณ์ให้คล้อยตาม จุดประสงค์ที่วางไว้ ภาพที่แสดงถึงบรรยากาศและอารมณ์จะให้ความรู้สึกแก่ผู้ดูได้ดี ไม่น่าเบื่อหน่าย เช่นภาพดอกไม้ควรมีสีสันที่สดใส อาจมีละอองน้ำเกาะทำให้บรรยากาศดูสดชื่น
ภาพดอกไม้ ถ่ายด้วยโปรแกรม A ตั้งที่ 4 ต้องการให้ภาพชัดตื้นฉากหลังเบลอ
เส้น อาจใช้เส้นที่มีอยู่ตามธรรมชาติทุกหนทุกแห่งมาช่วยสร้างภาพเหล่านี้ได้ เช่น
เส้นตรงทั้งแนวตั้งและแนวนอน เป็นเส้นที่ให้ความรู้สึกแก่ผู้ดูในแง่ความสงบ มั่นคง แข็งแรง การใช้เส้นประเภทนี้ต้องระวังมากในเรื่องของการแบ่งครึ่งภาพจะทำให้ผู้ดูรู้สึกว่าภาพนั้นถูกแยกออกเป็นสองส่วน จึงควรให้อยู่ค่อนไปทางใดทางหนึ่งของภาพ เช่น เส้นน้ำทะเลควรให้อยู่แนว 3 ใน 4 ส่วน ถ้าต้องการให้เห็นภาพนั้นอยู่ไกลออกไป ภาพที่ถ่ายมาก็จะเห็นเส้นแบ่งเป็นพื้นน้ำ 1 ส่วน ท้องฟ้า 3 ส่วน และหากจะดูใกล้เข้าก็ทำตรงกันข้าม คือ ให้เป็นพื้นน้ำ 3 ส่วน และท้องฟ้าเพียงส่วนเดียว เส้นตรงเหล่านี้ต้องระวังเวลาถ่ายโดยใช้คนประกอบอย่าให้แบ่งตรงระดับคอหรือศีรษะ หรือเส้นตรงแนวตั้งตัดตรงศีรษะพอดี เช่น คนยืนใต้ต้นไม้ ลำต้นของต้นไม้ตรงศีรษะพอดีจะดูน่าเกลียดเหมือนต้นไม้งอกบนศีรษะ ภาพจะหมดความงามไปทันที
เส้นโค้งหรือวงกลม ให้ความรู้สึกแก่คนดูในแง่ความอ่อนโยน นุ่มนวล อ่อนช้อย เช่น ถ่ายภาพผู้หญิงซึ่งเป็นเพศที่อ่อนหวานน่ารัก หรือดอกไม้ที่ต้องการแสดงถึงความอ่อนช้อย นอกจากนี้เส้นโค้งยังช่วยนำสายตาได้ดี เช่น เส้นโค้งในภาพถ่ายมักจะนำสายตาคนให้ติดตามจากปลายด้านหนึ่งไปสู่จุดสนใจอีกด้านหนึ่ง
เส้นทแยงมุม เส้นเอียง เส้นลาดเทลงมา ช่วยแสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนไหว ลด ความแข็งกระด้างของภาพลงได้ นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในการนำสายตาไปสู่จุดที่ต้องการเน้นอีกด้วย ถ้านำเส้นทแยงมุมไปประกอบกับสิ่งที่ซ้ำ ๆ กันจากใหญ่ไปหาเล็ก เช่น ทิวแถวของต้นไม้ที่ปลูกเรียงรายตามขอบถนนแล้วถ่ายเป็นเส้นทแยงมุมก็สามารถทำให้ภาพนั้นเกิดมิติในแง่ความลึกได้
เส้นคลื่น ให้ความรู้สึกในแง่ความไม่อยู่นิ่งดูแล้วเหมือนเคลื่อนไหว นอกจากนั้นยังให้ความรู้สึกในแง่ความอ่อนหวาน อ่อนโยน ความนิ่มนวลแก่ผู้ดู
เส้นซิกแซก ให้ความรู้สึกถึงความไม่เป็นระเบียบ ขรุขระ ลดเลี้ยว แหลมคม ถ้าเส้นซิกแซกต่อเนื่องไปในแนวเฉียง ให้ความรู้สึกเป็นมิติได้ด้วย
นอกจากใช้เส้นช่วยสร้างบรรยากาศและอารมณ์ให้ภาพแล้ว สีก็นับเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยภาพแบบนี้ได้ดี เช่น สีมืด ทึบ ให้ความรู้สึกเศร้าหมอง หดหู่ แข็งแรง เอางานเอาการ ส่วนสีอ่อนให้ความรู้สึกถึงความอ่อนหวาน อ่อนโยน ร่าเริง นิ่มนวล สะอาด สีแดงให้ความรู้สึกในแง่ความตื่นเต้น เป็นต้น
3. ความสมดุลของภาพ
นับเป็นสิ่งสำคัญอันหนึ่งในการจัดองค์ประกอบภาพ เพราะจะมีผลต่อความสวยงามและอารมณ์ของภาพมาก อาจสร้างภาพให้มีความสมดุลได้ด้วยขนาด รูปทรง เส้น หรือสีก็ได้ ความสมดุลมีอยู่ 2 แบบ คือ
1. ความสมดุลที่เท่ากัน (Formal balance) ความสมดุลแบบนี้ง่ายแก่การเข้าและการจัดหาเป็นภาพที่มีตำแหน่งในการวางภาพเท่ากันทั้งสองด้าน ทั้งขนาด รูปร่างและสี เหมือนกันทุกประการ เหมาะสำหรับถ่ายภาพสถานที่บางแห่งให้เกิดความรู้สึกมั่นคง สงบ เช่น ภาพในโบสถ์มีพระประธานอยู่ตรงกลาง หรือสิ่งของที่มีลวดลายเหมือน ๆ กัน เป็นต้น
2. ความสมดุลแบบไม่เท่ากัน (Informal balance) องค์ประกอบภาพในด้านรูปทรง ขนาด สี ทั้งสองข้างไม่เหมือนกัน แต่ผู้จัดวางองค์ประกอบเหล่านั้นให้ผู้ดูเกิดความรู้สึกว่าความสมดุลกัน เช่น อาจถ่วงความสมดุลด้วยรูปทรง ขนาด หรือสี ภาพประเภทนี้ให้ความรู้สึกเคลื่อนไหว สวยงาม จูงใจเหมาะสำหรับถ่ายภาพทั่ว ๆ ไป เพราะเราคงไม่สามารถไปหาความสมดุลที่เท่ากันในธรรมชาติได้ในทุกหนทุกแห่ง
4. การจัดภาพด้วยรูปทรงต่าง ๆ
อาจใช้รูปทรงทางเรขาคณิตช่วยในการจัดภาพให้น่าดูยิ่งขึ้น เช่น รูปทรงสามเหลี่ยม รูปทรงสี่เหลี่ยม หรือรูปทางกลม หมายถึง การนำสิ่งที่มีอยู่ตามธรรมชาติมองด้วยสายตา แล้วจัดมุมกล้องให้เข้าตามทรงเรขาคณิต นอกจากนี้รูปทรงอักษรต่าง ๆ เช่น รูปตัว S L ก็สามารถนำมาจัดได้รูปทรง S แสดงถึงความอ่อนช้อยนำสายตา ตัว L แสดงความเชื่อมโยงเป็นหน่วยเดียวกัน
5. การเน้นจุดสนใจของภาพ
นับเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด ภาพทุกภาพผู้ถ่ายต้องรู้ว่าจุดใดสำคัญที่สุด ควรเน้นให้ผู้ดูภาพสนใจมากที่สุด ดึงดูดสายตาผู้ดูให้มามองที่จุดนั้น จะทำให้ผู้ดูเข้าใจเรื่องราวความหมายของภาพและช่วยเสริมให้ภาพนั้นสวยงามมากยิ่งขึ้น
1. กฎสามส่วน ( Rule of thirds )
ภาพกฎสามส่วนแนวตั้ง ภาพกฎสามส่วนแนวนอน
การเน้นจุดสนใจด้วยกฎสามส่วน
การเน้นจุดสนใจด้วยกฎสามส่วน คือ การแบ่งเนื้อที่ภาพทั้งแนวตั้งและแนวนอนออกเป็นสามส่วนเท่า ๆ กัน แล้วลากเส้น ตรงจุดตัดทั้ง 4 จุด จุดที่วางตำแหน่งสำคัญของภาพที่ต้องการเน้นจุดสนใจ จุดสนใจของภาพหนึ่งไม่ควรมีมาก เพราะจะแบ่งความสนใจเกิดความสับสน ควรจะมีเพียงจุดเดียวหรือหากจำเป็นต้องมีเกินหนึ่งจุดก็ต้องมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงเป็นเรื่องราวเดียวกัน
ดอกไม้เน้นด้วยกฎสามส่วน
ภาพบุคคลเน้นด้วยกฎสามส่วน
เน้นด้วยระยะ ( Selective focus )
ถ้าภาพถ่ายออกมามีความคมชัดเท่ากันหมด จุดเด่นของภาพจะดูไม่เด่นชัด การเน้นด้วยระยะนั้นเลือกจุดสำคัญที่ต้องการเน้นให้ชัดเจนเพียงจุดเดียว ( Selective focus ) โดยวิธีเปิดหน้ากล้องให้มีช่วงระยะความคมชัดเท่าที่ต้องการเท่านั้น เช่น ถ่ายดอกไม้ก็เน้นเฉพาะดอกไม้ให้อยู่ในช่วงระยะชัด ส่วนใบไม้ซึ่งอยู่ฉากหน้าและกิ่งก้าน ใบที่อยู่ฉากหลังก็ให้อยู่นอกระยะชัดออกไป ทำให้ส่วนประกอบอื่นที่ไม่ต้องการเน้นพร่ามัวไม่แย่งสายตาผู้ดู
4. การจัดภาพด้วยรูปทรงต่าง ๆ
อาจใช้รูปทรงทางเรขาคณิตช่วยในการจัดภาพให้น่าดูยิ่งขึ้น เช่น รูปทรงสามเหลี่ยม รูปทรงสี่เหลี่ยม หรือรูปทางกลม หมายถึง การนำสิ่งที่มีอยู่ตามธรรมชาติมองด้วยสายตา แล้วจัดมุมกล้องให้เข้าตามทรงเรขาคณิต นอกจากนี้รูปทรงอักษรต่าง ๆ เช่น รูปตัว S L ก็สามารถนำมาจัดได้รูปทรง S แสดงถึงความอ่อนช้อยนำสายตา ตัว L แสดงความเชื่อมโยงเป็นหน่วยเดียวกัน
เน้นด้วยช่องว่าง (Space)
พื้นฉากหลังที่เป็นที่โล่ง หากถ่ายภาพออกมาถึงแม้บางครั้งวางตัวแบบที่ต้องการเน้นลงไปแล้ว ก็ยังไม่เห็นเด่นชัดอาจนำช่องว่างเหล่านั้นมาใช้ประโยชน์เน้นส่วนสำคัญได้ เช่น การถ่ายภาพทิวทัศน์ พื้นหลังโล่ง ก็วางตัวแบบให้เป็นจุดเด่นได้อาจเป็นช่องว่างของช่วงห่างของต้นไม้ หรือ สิ่งก่อสร้างเป็นต้น
ตัวแบบยืนระหว่างช่องว่างของเสาไฟกับต้นไม้
เน้นด้วยขนาด (Size)
ภาพวัตถุต่าง ๆ ถ้ามีขนาดเท่า ๆ กันในภาพเดียวกันทั้งหมด ก็ไม่เห็นจุดเด่นชัดเจน แต่ถ้ามีสิ่งเปรียบเทียบให้เด่นออกมา เช่น ใหญ่กว่า เล็กกว่าสิ่งอื่น ๆ ในภาพก็คงน่าสนใจไม่น้อย นอกจากนั้นในแง่ของการสื่อความหมายยังช่วยให้ผู้ดูเข้าใจขนาดของสิ่งนั้นได้ดีขึ้นด้วย
เน้นด้วยสี (Colors)
ไม่ว่าจะเป็นภาพสีหรือขาวดำ ถ้าภาพทั้งภาพมีวัตถุซึ่งมีสีกลืนกันไปหมด เราก็คงหาจุดเด่นไม่ได้ ดังนั้นนักถ่ายภาพที่ต้องการเน้นจุดสนใจด้วยสี มักทำให้วัตถุที่ต้องการเน้นให้ต่างกับสีอื่น ๆ อย่างเด่นชัด เช่น วางวัตถุสีอ่อนบนพื้นเข้มหรือวางวัตถุสีเข้มฉากหลังอ่อน เป็นต้น
เน้นด้วยเส้น (Lines)
เส้นในภาพมักบอกทิศทาง และนำสายตาคนไปยังจุดนั้นได้ดีจึงควรวางจุดสนใจไว้ตามทิศทางของเส้น ภาพลำคลองที่ลึกเข้าไปผู้ดูจะมองไปตามทิศทางนั้น ทำให้ดูมิติน่าสนใจ
ภาพทะเลสาบก่อนรถไฟจะถึง Interlaken Ost.ใช้โปรแกรม S ที่ 250 ป้องกันการสั่นไหวของกล้อง
การถ่ายภาพทิวทัศน์ ( Landscape Photography )
การถ่ายภาพทิวทัศน์ หรือการถ่ายภาพภูมิประเทศ เป็นภาพที่ถ่ายทอดถึงความสวยงามของธรรมชาติ ภาพทิวทัศน์จะสวยงามและมีคุณค่า ต้องมีสีสันที่สดใสสวยงาม ลักษณะทิศทางแสงที่ดีและมีมุมกล้องที่เหมาะสม จึงจะทำให้ผู้ชมภาพนั้นมีอารมณ์และ เข้าใจบรรยากาศของภาพได้ดี
การสะพายกล้องท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆ ได้พบสิ่งแปลกใหม่ ภูมิประเทศสวยงามประทับใจ การถ่ายภาพประเภททิวทัศน์ หรือถ่ายภาพบุคคลกับทิวทัศน์ จึงใช้กันมากที่สุด
กล้องดิจิตอลกับการถ่ายภาพทิวทัศน์
ในวันที่อากาศดี ท้องฟ้าแจ่มใส การถ่ายภาพทิวทัศน์ด้วยกล้องดิจิตอลนับเป็นเรื่องง่าย ในสถานการณ์ปกติไม่ถ่ายย้อนแสง ใช้ โปรแกรม AUTO ก็เพียงพอ
หากสถานที่ที่เราถ่ายไม่เอื้ออำนวย เช่น ยืนอยู่บนรถไฟ รถยนต์ เรือที่กำลังวิ่งและสั่นสะเทือน การถ่ายภาพด้วยโปรแกรม AUTO ภาพที่ถ่ายมาต้องฝากไว้กับดวง โอกาสที่ได้ภาพไม่คมชัดมีค่อนข้างสูง ยิ่งถ้าแสงในขณะนั้นมีน้อยโอกาสที่ภาพถ่ายของเราจะไม่คมชัดยิ่งมากขึ้นเพื่อความแน่ใจให้หันมาใช้ โปรแกรม S น่าจะดีกว่าเพราะสามารถเลือกตั้งความเร็วชัตเตอร์ได้สูง ป้องกันการไหวพร่าของภาพได้ เช่น ปรับ S ไปที่ 1/250 วินาที ถ้าสภาพแสงน้อยให้ปรับ ความไวแสงในกล้องให้มากขึ้น เช่น ตั้งที่ ISO 200 หรือ 400 เป็นต้น
สิ่งที่ควรคำนึงถึงในการถ่ายภาพทิวทัศน์ให้ดูสวยงามและมีคุณค่า
การวางเส้นของขอบฟ้า ไม่ควรวางไว้ตรงกลางภาพ ทำให้ภาพเหมือนถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ควรวางไว้ 1 ใน 3 ส่วน โดยอาจเป็นขอบฟ้าหนึ่งส่วน พื้นน้ำหรือพื้นดิน 3 ส่วน เมื่อมีคนประกอบภาพทิวทัศน์ ระวังอย่าให้เส้นขอบฟ้าในภาพอยู่ที่ระดับคอหรือศีรษะคน
ถ่ายภาพบุคคลกับทิวทัศน์ที่มีต้นไม้ระวังอย่าให้เส้นตรงของต้นไม้อยู่ตรงศีรษะคน ภาพดูไม่สวยงาม ควรหลีกเลี่ยงให้คนยืนระหว่างต้นไม้จะดูดีกว่า
ตัวแบบยืนซ้อนเสาไฟกลางศีรษะ
ตัวแบบยืนระหว่างเสาไฟและต้นไม้
ภาพทิวทัศน์ที่มีมิติจะช่วยให้ภาพนั้นสมจริงยิ่งขึ้น ดังนั้นในการถ่ายภาพทิวทัศน์ ควรมีส่วนที่อยู่ในระยะใกล้ ระยะกลาง และระยะไกลออกไป ผู้ถ่ายอาจสร้างมิติด้วยการวางมุมกล้องที่แสงในภาพมีทั้งจุดมืดและสว่าง การใช้ฉากหน้า และกรอบภาพก็เป็นส่วนช่วยให้ภาพนั้นดูมิติดียิ่งขึ้น
การถ่ายภาพทิวทัศน์ควรทำให้ภาพมีช่วงความชัดลึกมาก ที่เรียกว่า ภาพชัดลึก เปิดรูรับแสงแคบตัวเลขน้อย ถ้ามีระบบ A ให้เลือกตั้งที่ A ตั้งตัวเลขที่ 8 หรือมากกว่านั้น ก็จะช่วยให้ภาพชัดลึกมากยิ่งขึ้น
ตัวอย่างภาพทิวทัศน์แบบต่างๆ
ภาพทิวทัศน์ เน้นด้วย 3 ก ( ระยะใกล้ ระยะกลาง ระยะไกล ) ทำให้ภาพดูมีมิติ
ใช้บ้านหลังใหญ่แสดงถึงระยะใกล้ บ้านสองหลังเล็กแสดงถึงระยะกลาง แนว ต้นสนแสดงถึงระยะไกล ถ่ายภาพด้วยโปรแกรม s ที่ 250 ขณะนั่งเรือล่องทะเลสาบลูเซิร์น
เลือกความเร็วชัตเตอร์สูง เนื่องจากผู้ถ่ายยืนบนวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหว
ใช้เงาของต้นไม้แสดงถึงระยะใกล้ แนวต้นสนแสดงถึงระยะกลาง แนวภูเขาแสดงถึงระยะไกล ถ่ายด้วยโปรแกรม s ที่ 250 ขณะนั่งรถไฟขึ้นเขาจุงเฟรา เลือกความเร็วชัตเตอร์สูง เนื่องจากผู้ถ่ายยืนบนวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหว
ภาพทิวทัศน์เน้นด้วยฉากหน้า ทำให้ภาพมีมิติ อ่อนโยน
ภาพทืวทัศน์ไม่มีฉากหน้า
ภาพทืวทัศน์เน้นด้วยฉากหน้า
ตัวแบบยืนระหว่างเสาไฟและต้นไม้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.oknation.net/blog/print.php?id=739068