เว็บไซต์Time.com รวบรวมคำแนะนำให้พ่อแม่มือใหม่ใช้เป็นต้นแบบในการเลี้ยงดูบุตร เพื่อให้ลูกๆเติบโตมาเป็นเด็กฉลาด และประสบความสำเร็จในอนาคต
พ่อแม่มือใหม่ที่กำลังมองหาคำแนะนำในการเลี้ยงลูกให้เป็นเด็กฉลาด มีพัฒนาการดี อีกทั้งยังโตมามีแน้วโน้มประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เว็บไซต์time.com มีคำแนะนำดีๆที่สามารถเลือกนำไปใช้ได้
ข้อ 1 เปิดเพลงให้ฟัง ทำให้เด็กฉลาดขึ้นได้ มีผู้เชี่ยวชาญกล่าวไว้ว่า การเปิดเพลงให้เด็กฟังในห้องเรียน ช่วยเพิ่มสมาธิและทำให้เด็กนักเรียนฉลาดขึ้น สมองสามารถพัฒนาไอคิวได้อย่างมีประสทิธิภาพ
2. ให้ลูกออกกำลังกาย เพราะนอกจะทำให้เด็กมีร่างกายแข็งแรงแล้ว อีกทั้งหลังการออกกำลังกายใหม่สมองสามารถจดจำคำศัพท์ใหม่ได้เร็วขึ้นถึง 20 % และการออกกำลังกายเป็นประจำทุกวันยังช่วยให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมองได้ดี ช่วยให้เด็กมีสมาธิและเรียนรู้ได้เพิ่มขึ้น 30% เพราะฉะนั้นพ่อแม่ควรแบ่งเวลาให้ลูกได้ออกกำลังกายบ้าง
ข้อ 3 การอ่านหนังสือให้ฟังก่อนนอน พ่อแม่หลายคนคิดว่าเป็นเรื่องดี แต่มีผลงานวิจัยออกมาว่า พ่อแม่ควรฝึกให้ลูกอ่านหนังสือไปพร้อมๆกัน ไม่ควรปล่อยให้จ้องภาพในหนังสือเพียงอย่างเดียว เพื่อเป็นการเสริมทักษะการอ่านให้ลูกของคุณในอนาคตได้
4. ปล่อยให้เด็กอดนอน หรือนอนไม่พอ อาจทำให้สมองเหนื่อยล้า เทียบได้กับเมื่อลูกของคุณอยู่ป. 6 สมองของลูกคุณจะเทียบเท่ากับสมองของเด็ก ป.4 เท่านั้น
5. ไอคิว ไม่ใช่สิ่งจำเป็นเดียวที่ลูกๆควรมี การเรียนรู้จากการทดลองทำจริง เป็นการเสริมสร้างสมองให้เด็กได้คิดได้ลองทำ เพราะการปล่อยให้เด็กนั่งเรียนเฉยๆอยู่แต่ในห้องเรียน ทำให้สมองไม่ได้ออกกำลังกายด้านความคิด
6. ทานอาหารให้เหมาะกับช่วงอายุวัย และให้ทานขนมบ้าง เป็นรางวัลที่เด้กๆทำตัวดีไม่ดื้อไม่ซน เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดของสมอง
7. จำไว้ว่าเด็กที่มีความสุข จะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีโอกาสประสบความสำเร็จในชีวิจสูงกว่าเด็กที่พบเจอปัญหา และตึงเครียดตลอดเวลา และการเป็นพ่อแม่ตัวอย่างที่ดี ทำให้ลูกๆโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่และมีครอบครัวที่สมบูรณ์เป็นของตัวเอง
8. คบเพื่อนดี ย่อมพาไปในทางที่ถูกต้อง พ่อแม่ควรสั่งสอนให้ลูกรู้จักเลือกคนที่มีลักษณะการเลี้ยงดูที่ใกล้เคียงกัน เพราะมีแนวโน้มนำพากันไปในทางที่ดีมากกว่า
9. เชื่อในตัวเด็กๆ ว่าเขาสามารถทำได้ในสิ่งที่พวกเขาอย่างทำ พ่อแม่ควรสนับสนุนลูกให้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง และคอยเป็นกำลังใจให้พวกเขาดีกว่าบังคับหรือห้ามไม่ให้ทำ เพราะเหมือนไปหยุดยั้งความคิดของเด็ก ทำให้เด็กไม่อยากแสดงความคิดเห็น