คณิศร วิลาศรี ได้แชร์รูปภาพของ เกษตรกรก้าวหน้า ไปยังกลุ่ม: คนเกษตรพอเพียง บุรีรัมย์
1 ชม. ·
เกษตรกรก้าวหน้า กับ น้ำฝน เผ่าพงศ์ษา
มะขามเทศ พืชทนแล้ง ราคาดี
มะขามเทศ (Manila Tamarind หรือ Madas Tamarind)
เป็นพืชที่เจริญเติบโตได้ดีในเกือบทุกสภาพพื้นที่ ทนสภาพแล้ง และทนดินเค็ม แต่ถ้าจะปลูกแบบเป็นการค้า ต้องคำนึงถึงแหล่งนํ้า และตลาดเป็นสำคัญ เพราะฝักที่มีคุณภาพดี ต้องมีการดูแลเรื่องการให้นํ้าอย่างพอเพียง นอกจากนี้แล้วการขนส่งผลผลิตจากแหล่งปลูกไปยังตลาด ต้องทำได้สะดวก เพราะฝักมะขามเทศที่เก็บมาแล้วจะเก็บได้ไม่นาน จะเน่าเสียต้องรีบขายทันที
การขยายพันธุ์มะขามเทศ
สามารถขยายพันธุ์ได้หลายวิธี เช่น การเปลี่ยนยอด การทาบกิ่ง การตอนกิ่ง แต่ที่นิยมได้แก่การตอนกิ่ง แต่ต้นที่ได้จากการปลูกวิธีเพาะเมล็ดจะทนแล้งได้ดีมาก
เทคนิคการตอนกิ่งมะขามเทศ
ต้องควั่นกิ่งที่บริเวณใต้ตาประมาณ 1 นิ้ว ใช้มีดคมควั่นเปลือกนอกแล้วลอกออกให้รอยควั่นกว้างประมาณ 1 นิ้ว แล้วใช้ขุยมะพร้าวแช่นํ้าหมาด ๆ พอกรอยแผลโดยใช้ถุงพลาสติกหุ้ม ใช้เชือกผูกหัวและท้ายมัดให้แน่น ทิ้งไว้อย่างนั้นโดยไม่ต้องรดนํ้าประมาณ 20-25 วัน โดยใช้หลักพิจารณาว่าเป็นกิ่งเล็กหรือกิ่งใหญ่ ถ้ากิ่งเล็กก็ประมาณ 20 วัน ถ้ากิ่งใหญ่ก็เลื่อนเป็น 24-25 วัน จึงตัดไปปักชำ เมื่อตัดกิ่งตอนจากต้นลงถุงเพาะชำ จะต้องทิ้งไว้อีกประมาณ 2 อาทิตย์ จึงนำ ไปปลูกได้ การตอนกิ่งควรทำในช่วงฤดูฝนจะได้ผลดี
การปลูกและปฎิบัติดูแลรักษา
การเตรียมดิน
ควรขุดหลุมปลูกให้มีขนาดอย่างน้อย 50 x 50 x 50 เซนติเมตร ตากดินไว้อย่างน้อย 2 สัปดาห์ ผสมดินปลูกด้วยปุ๋ยหมักหรือ
ปุ๋ยคอกประมาณหลุมละ 2-3 ปุ๋ยกี๋
การปลูก
มะขามเทศสามารถปลูกได้ทั้งแบบยกร่องและเป็นพื้นที่ราบแบบยกร่องและเป็นพื้นที่ราบ แบบยกร่องจะใช้ระยะปลูกประมาณ 8-10
x 8-10 เมตร ใน 1 ไร่ จะปลูกได้ประมาณ 16-25ต้น ส่วนในพื้นที่ราบจะใช้ระยะปลูกประมาณ 10-12 x 10-12 เมตร ในพื้นที่ 1 ไร่ จะปลูกได้ประมาณ 10-16 ต้น
การปฏิบัติดูแลรักษา
การให้นํ้า ควรมีการให้นํ้าอย่างสมํ่าเสมอทั้งในมะขามเทศต้นเล็กและต้นโต สำหรับมะขามเทศต้นโตควรงดให้นํ้าในช่วงก่อนออก ดอกเช่นเดียวกับไม้ผลชนิดอื่นๆ เพื่อให้มะขามเทศพักตัวสะสมอาหารเตรียมความพร้อมที่จะออกดอก และเมื่อมะขามเทศติดดอกออกฝักแล้ว จึงเริ่มให้นํ้าตามปกติ แต่ควรระวังในช่วงที่ฝักเริ่มแก่
เพราะถ้าให้นํ้าในช่วงนี้มากเกินไปจะทำ ให้คุณภาพฝักไม่ดี ฝักแตกเร็วขึ้นเมื่อเนื้อไม่แน่นและรสชาติไม่ดี
การใส่ปุ๋ย แบ่งออกเป็น 3 ช่วงที่สำคัญคือ
1. หลังจากเก็บผลผลิตและตัดแต่งกิ่ง ใส่ปุ๋ยคอกและปุ๋ยเคมี
สูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16
2. ก่อนออกดอก ใส่ปุ๋ยที่มีธาตุไนโตรเจนตํ่า ๆ เช่น 8-24-24 9- 24- 24
3. ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16 ในช่วงฝักเริ่ม
แก่ เพื่อปรับปรุงคุณภาพเนื้อให้มีรสชาติดีขึ้น
โรคและแมลง
เนื่องจากมะขามเทศเป็นไม้ผลที่มีปัญหาเรื่องโรคและแมลง
น้อยในช่วงออกดอกใหม่ ๆ ใช้สารฆ่าแมลงผสมสารกันราฉีดพ่น
เพื่อให้ติดฝักดก ส่วนปัญหาเรื่องแมลงกัดกินผิวและเมล็ด ใช้สาร
ไมแทคพ่นทุก 15-20 วัน และหยุดเมื่อฝักมะขามเทศเริ่มแตก
ส่วนโรคราใช้สารยูคาร์โฟนฉีดพ่น
การพ่นสารเคมีป้องกันกำ จัดโรคและแมลงจึงควรพ่นเท่าที่จำเป็นจริง ๆ และควรหยุดก่อนเก็บฝักอย่างน้อย 15 วัน เพื่อป้อง
กันสารเคมีตกค้างในฝัก ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค เพราะ
มะขามเทศเมื่อใกล้เก็บเกี่ยวเนื้อจะปริพองทำ ให้เปลือกของฝักแตกออก สารเคมีสัมผัสได้โดยตรงเมื่อทำ การพ่นสาร กำจัดศัตรูพืช
สำหรับทางเลือกในการใช้น้ำหมักชีวภาพดูแลมะขามเทศ
สูตรน้ำหมักชีวภาพไล่แมลง
1. ข่าแก่จัด 5 กิโลกรัม
2. ยาสูบ 1 กิโลกรัม
3. บอระเพ็ด มากตามความต้องการ
4. ฝักคูณ มากตามต้องการ
5. กากน้ำตาล 3 ลิตร
6. น้ำ10 ลิตร
วิธีการทำ : นำมาผสมหมักรวมกันไว้ 25 วัน สามารถนำไปใช้ได้
อัตราการใช้ : น้ำหมัก 1 ช้อนแกง ต่อน้ำ 20 ลิตร ช่วยไล่หนอน แมลงทุกชนิด
การให้ปุ๋ยเน้นการให้ปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพแทนการใช้เคมี จึงทำให้ประหยัดต้นทุนในการผลิต เนื่องจากมะขามเทศมีการตอบสนองต่อปุ๋ยอินทรีย์ได้ดี สำหรับปุ๋ยอินทรีย์สูตรที่ใช้กับมะขามเทศได้ผล มีดังนี้
สูตรน้ำหมักชีวภาพจากพุงปลากระตุ้นการแตกใบ-ยอดอ่อน
1.พุงปลานิลหรือปลาชนิดอื่นๆ 3 กิโลกรัม
2.กากน้ำตาล 2 กิโลกรัม
3.น้ำ 10 ลิตร
การทำ :หมักทิ้งไว้ 1 เดือน สามารถนำไปใช้ได้
อัตราการใช้ :น้ำหมัก 3 ช้อนแกง ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นตอนเย็น 7 วันต่อ1 ครั้ง จะช่วยบำรุงยอดให้แข็งแรง เร่งออกยอดอ่อน โตเร็ว
ปุ๋ยหมักชีวภาพสูตรบำรุงต้น
1. มะละกอ 2 กิโลกรัม
2. ฟักทอง 2 กิโลกรัม
3. กล้วย 2 กิโลกรัม
4. น้ำเปล่า 10 ลิตร
วิธีการทำ : อีเอ็ม 20 ซีซี หมักในภาชนะ ขนาดมีความจุที่ 100 ลิตร ทิ้งไว้ 7 วัน ในที่ร่มไม่โดนแสงแดด ครบ 7 วัน
วิธีการใช้ : กรองเอาน้ำ 1 ลิตรต่อน้ำสะอาด 200 ลิตร ฉีดพ่นตรงโคนต้น ทุกๆ 7 วัน
คำแนะนำเพิ่มเติม : ใช้ได้ทั้งไล่แมลง เร่งดอกเร่งผล ทำให้ผลมีรสชาติที่หวาน อวบ น่าทานได้ราคา มากกว่าที่สวนอื่นมูลสัตว์หรือที่เราเรียกว่าปุ๋ย ขุดโดยรอบโคนต้น ห่างจากต้นประมาณ ครึ่งเมตร วางก้อนมูลสัตว์โดยรอบกันน้ำที่จะรดไหลออกมา และเมื่อฝนตก หรือเรารดน้ำน้ำก็จะซึมซับเอาปุ๋ยคอกค่อยๆซึมลงไปในรากต้นมะขามเทศ นอกจากได้ความสวยงามแล้วยังได้
ที่มา ข้อมูลและรูปภาพ
www.eto.ku.ac.th/neweto/e-book/plant/.../fruit33.pdf