ประเภทของตลาด
๑) ตลาดที่แบ่งตามลักษณะการดำเนินการขายของผู้ขาย
(๑) ตลาดขายส่ง คือ ตลาดที่มิได้ขายสินค้าให้แก่ผู้บริโภคโดยตรงแต่จะขายให้กับบุคคลที่จะนำไปผลิตสินค้าหรือนำไปขายต่ออีกทอดหนึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นพ่อค้าขายส่งหรือขายปลีกก็ได้ เพื่อนำไปขายให้กับพ่อค้าขายปลีกหรือผู้บริโภคอีกต่อหนึ่ง โดยมีการซื้อขายสินค้าจำนวนมากเพื่อให้ได้ราคาตํ่า
(๒) ตลาดขายปลีก คือตลาดที่ขายสินค้าให้แก่ผู้บริโภคโดยตรง (ขั้นสุดท้าย)ซึ่งอาจจะเริ่มตั้งแต่ตลาดเล็กเช่นตลาดสดใกล้บ้าน ชุมชน ตลาดนัดตลาดนํ้าไปจนถึงร้านค้าสะดวกซื้อห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า โดยมีการซื้อขายสินค้าจำนวนไม่มาก
๒) ตลาดที่แบ่งตามประเภทของสินค้าและบริการที่จำหน่าย
(๑) ตลาดสินค้า คือ ตลาดที่เน้นการซื้อและขายสินค้า แบ่งออกได้ ดังนี้
ตลาดสินค้าผู้บริโภค คือ ตลาดที่จำหน่ายสินค้าให้แก่ผู้บริโภคนำไปบริโภคโดยตรงสินค้าประเภทนี้จะเป็นสินค้าขั้นสุดท้าย เช่น ซื้อผัก เนื้อหมูที่ตลาดสด เพื่อนำมาทำสุกียากี้รับประทานในครอบครัว ผักและเนื้อหมูเป็นสินค้าขั้นสุดท้าย ตลาดสดนั้นจึงเป็นตลาดสินค้าผู้บริโภค
ตลาดสินค้าผู้ผลิต คือ ตลาดที่จำหน่ายสินค้าให้แก่ผู้ซื้อนำไปผลิตสินค้าหรือบริการอีกทอดหนึ่ง สินค้านั้นเป็นสินค้าขั้นกลาง เช่น หากที่บ้านเป็นร้านขายอาหารตามสั่ง ถ้าเราไปซื้อผัก เนื้อหมูที่ตลาดสดมาเพื่อทำอาหารขายเช่นนี้ ผักและเนื้อหมูดังกล่าวจะเป็นสินค้าขั้นกลางและตลาดสดนั้นจะเป็นตลาดสินค้าผู้ผลิตนอกจากนี้ยังรวมไปถึงตลาดที่ขายวัตถุดิบต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ผลิตนำไปแปรรูปเป็นสินค้าและบริการต่าง ๆ ด้วย เช่น ตลาดขายเหล็กอัดก้อน เพื่อขายให้ผู้ผลิตตัวถังรถยนต์
(๒) ตลาดบริการ คือ ตลาดที่เน้นการบริการเป็นหลัก แต่มีองค์ประกอบของสินค้าเข้ามาช่วยให้การบริการนั้นลุล่วงไปได้ เช่น ร้านตัดผมเน้นที่บริการตัดผม ไม่ได้เน้นการจำหน่ายกรรไกรตัดผม หรือร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟเน้นที่บริการการใช้อินเทอร์เน็ต ไม่ได้เน้นการจำหน่ายคอมพิวเตอร์
(๓) ตลาดการเงิน คือ ตลาดที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงิน เป็นแหล่งเงินทุนที่สำคัญในระบบเศรษฐกิจ แบ่งออกได้ ดังนี้
ตลาดเงิน เป็นตลาดการเงินที่ให้เงินกู้ยืมในระยะสั้น คือ มีระยะเวลาไม่เกิน ๑ ปี มีตั๋วสัญญาใช้เงินหรือตั๋วเงินคลังเป็นสินค้า
ตลาดทุน เป็นตลาดการเงินที่ให้เงินกู้ยืมในระยะยาว คือ มีระยะเวลามากกว่า ๑ ปี และมีหลักทรัพย์ คือ พันธบัตรและหุ้นของบริษัทต่าง ๆ เป็นสินค้า เช่น ประเทศไทยมีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET: Stock Exchange of Thailand) เป็นแหล่งกลางในการซื้อขายหุ้นและหลักทรัพย์
๓) ตลาดที่แบ่งตามลักษณะของการแข่งขัน แบ่งออกเป็น 2 ประเภท
(๑) ตลาดแข่งขันสมบูรณ์ เป็นตลาดที่เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถแข่งขันกันได้อย่างเสรี โดยไม่มีอุปสรรคใด ๆ คอยกีดกั้น ผลประกอบการขึ้นอยู่กับความรู้ความสามารถของผู้ประกอบการเป็นสำคัญตลาดแข่งขันสมบูรณ์มีลักษณะดังนี้
ผู้ซื้อและผู้ขายมีจำนวนมากจนผู้ซื้อและผู้ขายคนใดคนหนึ่งไม่สามารถมีอิทธิพลกำหนดราคาสินค้าในตลาดได้
ราคาสินค้าเกิดขึ้นจากความต้องการซื้อและความต้องการขายอย่างแท้จริงซึ่งเป็นไปตามหลักกลไกราคา
สินค้าที่ซื้อขายมีคุณภาพและมาตรฐานที่ใกล้เคียงกันหรือเหมือนกันไม่ว่าจะซื้อสินค้าประเภทเดียวกันจากผู้ขายคนใดก็ตาม ผู้ซื้อจะได้รับความพึงพอใจเหมือนกัน
(๒) ตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์ ตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์เป็นตลาดที่มีลักษณะตรงข้ามกับตลาดแข่งขันสมบูรณ์ คือ ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ซื้อและผู้ขายมีการแข่งขันกันได้อย่างเสรี เป็นการบิดเบือนระบบกลไกตลาด ซึ่งไม่ได้สะท้อนถึงความต้องการที่แท้จริงของผู้ซื้อและผู้ขาย มีการผูกขาดโดยกลุ่มทุน ทำให้ผู้ประกอบการรายอื่นไม่ได้รับความเป็นธรรมในการแข่งขันอาจมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาดอีกฝ่ายหนึ่งและมีอิทธิพลในการกำหนดราคาสินค้ามากกว่าประเภทของตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์มี ๓ ประเภท ได้แก่
๑. ตลาดผูกขาดแท้จริง
ลักษณะของตลาดผูกขาดแท้จริง มีดังนี้
๑.มีผู้ผลิตเพียงรายเดียวในตลาดทำให้ผู้ผลิตมีอำนาจควบคุมจำนวนและกำหนดราคาสินค้าและบริการได้อย่างเต็มที่
๒.กิจการส่วนใหญ่ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากดังนั้นรัฐจึงเป็นเจ้าของหรือมีเอกชนร่วมด้วยในรูปแบบของรัฐวิสาหกิจ
๓.การเข้าหรือออกจากตลาดเป็นไปได้ยากเนื่องจากมีผู้ผูกขาดอย่างแท้จริงในปัจจัยการผลิตหรือมีเทคโนโลยีแต่เพียงผู้เดียวทำให้ผู้ผลิตรายอื่น ๆ ไม่สามารถเข้ามาแข่งขันในตลาดได้
๔. สินค้าที่ขายอยู่ในตลาดเป็นสินค้าที่ไม่มีสินค้าใดทดแทนได้ โดยส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตเช่นกิจการไฟฟ้า นํ้าประปา รถไฟ
๒. ตลาดผู้ขายน้อยราย
ลักษณะของตลาดผู้ขายน้อยราย มีดังนี้
๑. มีจำนวนผู้ขายในตลาดเพียง ๓-๔ ราย ดังนั้น การกระทำของผู้ขายรายหนึ่งไม่ว่าจะเป็นการกำหนดปริมาณหรือราคาจะมีผลกระทบต่อผู้ขายรายอื่นเนื่องจากจำนวนผู้ขายมีไม่มากทำให้ผู้ขายสามารถร่วมมือกันในการกำหนดราคาสินค้าและผู้ผลิตจะไม่แข่งขันโดยการขายตัดราคากันเอง
๒. สินค้าที่ผลิตจากผู้ผลิตแต่ละรายมีความแตกต่างกันในสายตาของผู้ซื้อ
๓. มีอุปสรรคกีดกันการเข้าสู่ตลาดของผู้ผลิตรายใหม่บ้าง เช่น ต้นทุนการผลิตที่สูงการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีสูง
๔. ตลาดประเภทนี้มักเป็นกิจการขนาดใหญ่ หรืออุตสาหกรรมหนัก ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก และต้องอาศัยความชำนาญโดยเฉพาะ เช่น เหล็กกล้า รถยนต์
นํ้าอัดลม ปูนซีเมนต์
๓. ตลาดกึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด
ลักษณะของตลาดกึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด มีดังนี้
๑.แต่ละรายมีส่วนแบ่งตลาดน้อยมากจนไม่สามารถมีอิทธิพลต่อราคาในท้องตลาดได้
๒. การเข้าออกจากตลาดทำได้อย่างเสรี
๓.สินค้ามีความคล้ายคลึงกันแต่ไม่เหมือนกัน แตกต่างกันในสายตาของผู้ซื้อมีการแข่งขันระหว่างผู้ผลิตสูง เช่น ด้านคุณภาพของสินค้า
๔.ตลาดประเภทนี้มักจะเป็นตลาดที่ขายสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป เช่น ร้านอาหาร สบู่ ยาสีฟัน ร้านสะดวกซื้อ ขนมขบเคี้ยว ร้านเสริมสวย