2.1.1 บริการส่งอาหาร (food delivery)
2.1.2 การขนส่งสินค้า
2.1.3 การผลิตไฟฟ้า
W1H คือ คำย่อของข้อคำถาม What? Who? Where? When? Why? How? ซึ่งเป็นระบบชุดคำถามเพื่อรวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่จำเป็นในการทำการตลาดเพื่อระบุลักษณะที่แท้จริงของปัญหาและพฤติกรรม การตัดสินใจอย่างแม่นยำ
กรอบแนวคิด 5W1H ประกอบด้วย
ใคร (Who) คือ ใครคือลูกค้า?
อะไร (What) คือ อะไรคือสิ่งที่ลูกค้าต้องการ?
เมื่อไหร่ (When) คือ ลูกค้าอยู่ที่ไหน?
ที่ไหน (Where) คือ เมื่อไหร่ที่ต้องการซื้อหรือใช้สินค้า?
ทำไม (Why) คือ ทำไมลูกค้าต้องมาซื้อสินค้า?
อย่างไร (How) คือ จะเข้าถึงลูกค้าอย่างไร?
1. ง่าย เพราะไม่จำเป็นต้องอาศัยการอบรมหรือการรับรองก็สามารถทำให้คำถามเหล่านี้ประสบความสำเร็จได้
2. สามารถวิเคราะห์ได้อย่างเป็นระบบในการถามคำถาม5W1Hทุกครั้ง
3. สามารถใช้งานได้หลากหลาย และดีพอๆกับกระบวนการวิเคราะห์ในรูปแบบอื่นๆ
4. ครอบคลุมความคิด และมุมมองต่างๆได้ 360 องศา และนำไปสู่การวางแผนหรือแก้ไข
1. W – Who – ใคร
การวิเคราะห์ว่าใครคือลูกค้า หรือกลุ่มเป้าหมายของสินค้าและบริการ โดยระบุลักษณะที่ชัดเจน เช่น เพศ, อายุ, อาชีพ, รายได้, การศึกษา, พฤติกรรม เป็นต้น เพราะข้อมูลเหล่านี้จะสามารถนำไปใช้ในการวางแผน วางกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ถูกต้อง
2. W – What – อะไร
การวิเคราะห์ว่าอะไรคือสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายจาก Who (ใคร) ต้องการ เพื่อที่จะสามารถตอบสนองความต้องการ และสร้างความแตกต่างให้กับสินค้าและบริการของธุรกิจ โดยจะต้องทำการศึกษาความต้องการของตลาด ความรุนแรงการแข่งขัน ควบคู่กันไปด้วย
3. W – Where – ที่ไหน
กลุ่มเป้าหมายที่มีความต้องการสินค้าและบริการของเราจะอยู่ที่ไหนบ้าง หรือกลุ่มเป้าหมายนั้นจะหาสินค้าและบริการของธุรกิจได้จากที่ไหน ซึ่งจะครอบคลุมไปถึง พื้นที่ที่จะทำการสื่อสาร และวิธีที่จะสื่อสารกับลูกค้าอีกด้วย
3. W – When – เมื่อไหร่
กลุ่มเป้าหมายที่มีความต้องการนั้น จะต้องการสินค้าและบริการของธุรกิจเมื่อไหร่? ช่วงเวลาใด? และบ่อยแค่ไหน? ซึ่งข้อมูลนี้สามารถนำไปกำหนดกลยุทธ์การวางแผนทางการตลาดต่างๆได้ เพราะสินค้าและบริการบางอย่างจะมีอายุสั้น ดังนั้น ข้อมูลส่วนนี้จะสามารถลดความเสี่ยงการเสียต้นทุนไปโดยเปล่าประโยชน์
4. W – Why – ทำไม
ในสภาพการแข่งขันการตลาดที่รุนแรง ทำไมกลุ่มเป้าหมายที่มีความต้องการจะต้องเลือกสินค้าและบริการของคุณมากกว่าของคู่แข่ง และทำไมธุรกิจของเราทำไมต้องเข้ามาอยู่ตลาดนี้ เช่น เพื่อตอบสนองความต้องการที่ยังไม่มีใครสามารถทำได้ หรือ จุดเด่นที่แตกต่างที่ไม่มีใครเหมือน เป็นต้น
5. H – How – อย่างไร
วิธีการที่จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีความต้องการนั้นสามารถทำได้อย่างไรบ้าง ซึ่งจะรับรู้ได้จากข้อมูลที่วิเคราะห์ในส่วน 5W แล้วนำมาค้นหาแนวทางที่จะสื่อสารกับลูกค้า จะทำให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ตัวอย่างการใช้ 5W1H ในธุรกิจร้านอาหาร – แนวทางการวางแผนเปิดร้านอาหารหรือปรับปรุงธุรกิจ สามารถทำได้ด้วย 5W1H เพื่อใช้วางแผน เรียกยอดขาย และแรงดึงดูดให้ลูกค้ามาเลือกร้านอาหารได้ด้วย โดยมีขั้นตอนดังนี้
Who – ใคร คือ ลูกค้าของคุณ?
กลุ่มเป้าหมายของร้านเป็นคนกลุ่มไหน พฤติกรรมเป็นอย่างไร เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ร้านอาหารจะเหมาะกับคนทุกประเภท ปัจจัยที่สำคัญในการวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย คือ
– ทำเลของร้านอาหาร จะบอกลักษณะ พฤติกรรม ของคนที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น
– ราคาอาหารจะสอดคล้องกับกำลังซื้อของกลุ่มเป้าหมาย
– สไตล์ร้านอาหาร เข้ากับกลุ่มคนแบบไหน คอนเซปต์ร้านตรงกับกลุ่มเป้าหมายหรือไม่
ตัวอย่าง
ร้าน Nana Coffee Roaster Ari – ทำเลอยู่บริเวณอารีย์แหล่งคาเฟ่ชื่อดัง ราคาอาหารปานกลาง ค่อนไปทางสูง สไตล์ร้าน Industry Punk ดังนั้น กลุ่มเป้าหมายอาจจะเป็น คนวัยทำงาน-นักศึกษา ที่มีอายุ 20 – 45 ปี ที่มีรายได้ 15,000 ขึ้นไป พฤติกรรมชอบทานกาแฟ ชอบถ่ายรูป ชอบพบปะสังสรรค์กับเพื่อน
Where – ทำเลที่ตั้ง ร้านอาหารควรเปิดที่ไหน?
ทำเลที่ตั้งจะสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย แต่จะต้องพิจารณาถึงความสะดวกสบายในการเดินทาง การมาใช้บริการ ที่จอดรถ ความปลอดภัย และความหาเจอง่าย เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้สามารถดึงดูดลูกค้ามาที่ร้านได้
ตัวอย่าง
ร้าน Nana Coffee Roaster Ari – ทำเลที่ตั้งเดินทางสะดวกด้วย BTS และอยู่ในบริเวณแหล่งคาเฟ่ ที่คนชื่นชอบการไปคาเฟ่รวมตัวกันอยู่ มีที่จอดรถสะดวกสบายสำหรับผู้ที่เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว
What – สินค้าที่จะขายคืออะไร?
เมื่อมีกลุ่มเป้าหมาย และทำเลที่ตั้งแล้ว จะต้องหาความต้องการของกลุ่มเป้าหมายว่าต้องการอาหารแนวไหน มีพฤติกรรมเลือกร้านอาหารอย่างไร รวมไปถึงต้องมีการวิเคราะห์เทรนด์อาหารต่างๆ เพื่อให้ตรงกับความต้องการลูกค้ามากที่สุด
ตัวอย่าง
ร้าน Nana Coffee Roaster Ari – จากเดิมเป็นร้านถ่ายรูปที่กำลังตกเทรนด์ จึงหันมาขายกาแฟที่กำลังเป็นที่นิยม
When – เมื่อไหร่ที่ลูกค้ามาใช้บริการ?
ลูกค้าแต่ละคนมีพฤติกรรมในการตัดสินใจเข้าร้านอาหารแต่ละประเภทไม่เหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับเวลาหิว เวลาทานอาหาร เวลาพบปะสังสรรค์ ซึ่งข้อมูลส่วนนี้จะสามารถกำหนดเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของคนในร้านได้
ตัวอย่าง
ร้าน Nana Coffee Roaster Ari – ช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ที่คนส่วนใหญ่หยุดงาน และออกมาพบปะสังสรรค์กับเพื่อนใช้ระยะเวลาในร้านนานทั้งพูดคุยและถ่ายรูป ทำให้ในช่วงเสาร์-อาทิตย์ก็จะมีพื้นที่และำพนักงานรับรองลูกค้าให้มากขึ้นเพื่อสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า
Why – ทำไมลูกค้าต้องมาร้านของคุณ?
จุดเด่นของร้านอาหารส่วนใหญ่จะเป็นรสชาติอาหาร หรือเหตุผลในการเลือกอื่นๆ เช่น ราคา บริการ ทำเล ดังนั้น ควรหาเกณฑ์ที่กลุ่มเป้าหมายจะใช้ตัดสินใจเลือกร้าน และนำมาปรับปรุงเป็นจุดขายของร้านได้
ตัวอย่าง
ร้าน Nana Coffee Roaster Ari – จุดขายคือกาแฟที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์แตกต่างจากที่อื่นๆ การันตีด้วยรางวัลต่างๆมากมาย และเมล็ดกาแฟพิเศษ 24 ชนิด ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนรักกาแฟ ไม่ว่าจะเป็น Mod Bar เครื่องไซฟอน ดริป ไนโตรเจน
How – ทำอย่างไรให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้?
การบอกต่อนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ร้านอาหารเป็นที่รู้จัก แต่ก็ไม่เพียงพอสำหรับการสื่อสารไปถึงกลุ่มเป้าหมาย ดังนั้น ควรเริ่มจากวิเคราะห์พื้นที่ที่ลูกค้าจะอยู่ และนำไปโฆษณาเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ เพื่อสร้างความสนใจและเชิญชวนให้ลูกค้ามาใช้บริการ
ร้าน Nana Coffee Roaster Ari – นอกจากจะใช้การสื่อสารบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ด้วยโฆษณา และการใช้ Influencer แล้ว ที่นี่ยังใช้ “กาแฟ” เป็นตัวสื่อสารกับผู้บริโภค เพราะสำหรับคนที่รักกาแฟแล้ว เมล็ดกาแฟ วิธีการชง ผสม ยังถือเป็นสิ่งสำคัญด้วย
สรุป
การทำ 5W1H ถือเป็นเรื่องง่ายในการวิเคราะห์และนำไปใช้ แต่ควรจะมีความละเอียด และเจาะลึกถึงแต่ละคำถามจริงๆ เพื่อให้นำไปใช้วางแผน วางกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ และตอบคำถามทั้ง 6 ข้อได้
1. งานที่ต้องแก้ไข
2. การผลิตสินค้ามากเกินความต้องการ
3. การรอคอย
4. ขั้นตอนการทำงานที่มากเกินไป
5. การเคลื่อนไหว
6. การมีปริมาณสินค้าคงคลังมากเกินไป
7. การขนย้าย
8. การใช้คนไม่ตรงกับงาน
เป็นปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงในการดำเนินงานของระบบ มีอยู่ด้วยกัน 7 ด้าน ได้แก่
1. คน (People)
คนเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่งเพราะเป็นผู้ที่ใช้สติปัญญา ความรู้ ทักษะ และความสามารถในการคิดแก้ปัญหา ออกแบบ วิเคราะห์ ตัดสินใจในกระบวนการเทคโนโลยี คนจึงเป็นปัจจัยแรกในการทำงานทางเทคโนโลยีที่จะขาดไม่ได้
2. ข้อมูลและสารสนเทศ (Data and Information)
ความรู้ทุกสาขาวิชาของมนุษย์เป็นพื้นฐานของการสร้างเทคโนโลยี การรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ การแปลความหมาย การใช้และประมวลผลข้อมูลต่างๆ เพื่อให้ได้สารสนเทศที่จำเป็นต่อการแก้ปัญหาหรือสนองความต้องการสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญของการทำงานด้านเทคโนโลยี
3. วัสดุ (Materials)
การสร้างสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ย่อมต้องใช้วัสดุ วัสดุแต่ละประเภทต่างก็มีสมบัติที่แตกต่างกัน การตัดสินใจเลือกใช้วัสดุประเภทต่างๆ จึงขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการนำไปใช้งาน เช่น ไม้มีน้ำหนักเบา ทำให้เป็นรูปร่างตามที่ต้องการได้ง่ายแต่ไม่ทนต่อความชื้น โฟมและพลาสติกมีน้ำหนักเบา ขึ้นรูปง่าย ราคาถูกแต่ไม่ทนกับสารเคมีบางชนิด เหล็กมีความแข็งแกร่งสูง แต่มีน้ำหนักมาก เซรามิกส์มีความแข็งสูงมาก ทนต่อสารเคมี แต่ก็เปราะมากเช่นกัน วัสดุเหล่านี้จึงเป็นส่วนหนึ่งของทรัพยากรทางเทคโนโลยี
4. เครื่องมือและอุปกรณ์ (Machines and Tools)
เครื่องมือ คือ สิ่งที่ช่วยในการเปลี่ยนรูปร่าง ประสานและประกอบชิ้นส่วนต่างๆ เข้าเป็นชิ้นงานหรือทำให้เกิดผลสำเร็จตามความต้องการ ตัวอย่างเช่น มีด กรรไกร เลื่อย ค้อน สว่าน หัวแร้งบัดกรี จอบ เสียม เครื่องขึ้นรูปพลาสติก เครื่องตัดเหล็ก ฯลฯ
5. พลังงาน (Energy)
พลังงานต่าง ๆ เช่น พลังงานไฟฟ้า พลังงานกลพลังงานความร้อน พลังงานแสง ฯลฯ เป็นสิ่งที่ช่วยให้เกิดการทำงาน เพราะการผลิตหรือสร้างสิ่งของต้องอาศัยกำลังงานที่จะทำให้วัตถุเปลี่ยนแปลงในลักษณะต่าง ๆ
6. ทุน (Capital) หรือทรัพย์สิน (Asset)
ทุน หมายถึง เงินทุนที่จะใช้ในกระบวนการเทคโนโลยี เทคโนโลยีบางอย่างต้องอาศัยเงินทุนจำนวนมาก รวมถึงทรัพย์สินที่เป็นอาคาร สถานที่หรือที่ดิน
7. เวลา (Time)
เทคโนโลยีหลายระดับมีตั้งแต่แบบง่ายจนถึงแบบที่ซับซ้อนซึ่งต้องอาศัยเวลาในการสร้างเทคโนโลยี เวลาจึงจัดเป็นทรัพยากรอย่างหนึ่ง ถ้าผู้ใช้เทคโนโลยี ไม่ต้องการเสียเวลาในการคิดค้นอาจรับเทคโนโลยี หรือถ่ายทอดเทคโนโลยีจากผู้สร้างเทคโนโลยี
2.4 การออกแบบแนวคิด
การออกแบบภาพร่าง ทำได้ 2 มิติ ด้านกว้าง และด้านยาว และ 3 มิติ ด้านกว้างด้านยาว และสูง ทำให้มองเห็นภาพได้ทุกด้าน สมจริง
2.5 การทดสอบและประเมินผล
2.5.1 การทดสอบหน่วยย่อย
มุ่งเน้นทดสอบในบางระบบย่อยหรือบางส่วนที่สนใจเพื่อตรวจสอบและแก้ไขหรือพัฒนาส่วนนั้นให้ดีขึ้น เช่น ความปลอดภัยของการชนของรถยนต์
2.5.2 การทดสอบทั้งระบบ
2.5.3 การทดสอบกับผู้ใช้จริง