ประเด็นท้าทาย เรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การแก้ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อน ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนพญาเม็งราย
ประเด็นท้าทาย เรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การแก้ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อน ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนพญาเม็งราย
1. สภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้และคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน
คณิตศาสตร์เป็นวิชาที่มีความสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาพื้นฐานการคิดของมนุษย์ให้มีความคิดอย่างมีเหตุผล เป็นระบบระเบียบ การพัฒนาคนให้มีความรู้ ความสามารถและทักษะในการดำเนินชีวิต เพื่อใช้ในการสร้างองค์ความรู้ สร้างกระบวนทัศน์ใหม่ๆตลอดจนพัฒนานวัตกรรม เพื่อใช้ในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
ในการจัดการเรียนการสอน ครูจะต้องให้ความสำคัญกับผู้เรียน คำนึงถึงความต้องการของ ผู้เรียนและพยายามสอนโดยให้นักเรียนมีส่วนรวมในการแก้ปัญหาต่าง ๆ และได้กิจกรรมร่วมกันในการเรียนการสอน จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ครูจะต้องมีการจัดการเรียนการสอน เพื่อให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการเรียนมากที่สุดและมีการสนับสนุนให้มีการช่วยเหลือกันในด้านการเรียนในชั้นเรียน โดยที่เด็กเก่งสามารถช่วยเหลือเด็กอ่อน มีความสามัคคีกัน รักกัน และเห็นอกเห็นใจ (สุรางค์ โค้วตระกูล, 2547) การเรียนการสอนที่ให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูง สอนเพื่อนนักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ เรียกว่า การสอนโดยเพื่อนช่วยเพื่อน (Peer Tutoring)
การสอนโดยเพื่อนช่วยเพื่อนเป็นการสอนที่มีพื้นฐานมาจากแนวคิดที่เกี่ยวกับการกระจายบทบาทในการสอน ซึ่ง Rom(1982) ได้ให้แนวคิดเกี่ยวกับวิธีให้เพื่อนช่วยสอน ว่าเป็นการสอนที่ส่งเสริมให้นักเรียนสอนกันเอง วิธีการสอนดังกล่าว มีรากฐานมาจากแนวคิด ทัศนคติเกี่ยวกับกระบวนการกลุ่มสัมพันธ์ ซึ่งการให้นักเรียนมาช่วยสอนสามารถทำได้ 2 แบบ คือ (1) ให้นักเรียนห้องเดียวกันหรือเพื่อนร่วมชั้นที่อยู่ในระดับเดียวกันเป็นนักเรียนผู้สอน และ (2) ให้นักเรียนรุ่นพี่หรือในระดับชั้นที่สูงกว่าเป็นนักเรียนผู้สอน
ปัจจุบันการเรียนการสอนในรายวิชาคณิตศาสตร์ในโรงเรียนพญาเม็งรายยังไม่ประสบผลสำเร็จตามจุดมุ่งหมายของหลักสูตร นักเรียนมีทักษะการแก้ปัญหาทางการเรียนต่ำ เป็นสาเหตุที่ทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ต่ำ ไม่บรรลุเป้าหมายของหลักสูตรนั้น มีอยู่หลายประการ เช่น ปัญหาที่เกิดจากเนื้อหาของหลักสูตร ตัวครูผู้สอน และตัวของผู้เรียน ปัญหาด้านเนื้อหาของหลักสูตร เนื่องจากเนื้อหาของวิชาคณิตศาสตร์ที่หลักสูตรกำหนดให้เรียนมีมากเกินไป ทำให้ผู้เรียนรับรู้ได้ยาก การสอนมีเวลาจำกัด เนื้อหาบางเรื่องมีความยาก และมีปัญหาในการเรียนการสอน ปัญหาของครูผู้สอน ครูผู้สอนไม่มีความรู้และความสามารถด้านคณิตศาสตร์ ขาดทักษะในการสอน การสื่อสาร ไม่รู้จักใช้สื่อและผลิตสื่อการสอน จึงไม่สอดคล้องในการพัฒนานักเรียน ครูผู้สอนไม่ได้ศึกษาถึงความแตกต่างของผู้เรียนแต่ละคน ไม่ได้ศึกษาหลักสูตรและเอกสาร ไม่ได้เตรียมการสอนและมีงานอื่นที่ต้องรับผิดชอบ และในด้านนักเรียนนักเรียนไม่ชอบวิชาคณิตศาสตร์เพราะเป็นวิชาที่ยาก
ด้วยเหตุผลดังนำเสนอมาแล้วข้างต้น ผู้วิจัยมีความสนใจที่จะศึกษาการจัดการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อน เป็นการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้คิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ อภิปราย สร้างองค์ความรู้และสรุปองค์ความรู้ด้วยตนเอง มีวิจารณญาณ มีความคิดสร้างสรรค์ คิดไตร่ตรอง และมีวิสัยทัศน์ มีทักษะในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง รักการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง มีทักษะในการทำงาน สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ ซึ่งจะเป็นการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ เรื่องการแก้ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และผลการวิจัยสามารถนำไปเป็นแนวทางในการปรับปรุงการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล
ขั้นก่อนการทดลอง
การสร้างเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เครื่องมือวิจัยในครั้งนี้มี 3 ชนิด ดังนี้
1) แผนการจัดการเรียนรู้เรื่อง การแก้ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปรโดยใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อน ผู้วิจัยได้ดำเนินการสร้างแผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาคณิตาสตร์ เรื่อง การแก้ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร โดยใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อน ตามขั้นตอน ดังนี้ (1) วิเคราะห์แผนการจัดการเรียนรู้ (2) เขียนแผนการจัดการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อน จำนวน 5 แผน แผนละ 50 นาที (3) นำแผนการจัดการเรียนรู้เสนอผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 ท่าน ตรวจสอบคุณภาพ เพื่อพิจารณาตรวจสอบความสอดคล้อง และความเหมาะสมของแผนการจัดการเรียนรู้เกี่ยวกับเนื้อหาสาระ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล และความเหมาะสมของภาษาที่ใช้ (4) หาค่าคุณภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ วิเคราะห์คุณภาพแผนการจัดการเรียนรู้ ซึ่งเป็นแบบมาตราส่วนประเมินค่า โดยกำหนดค่าของคะแนนเป็น 5 ระดับ ซึ่งแบ่งออกเป็น 5 ระดับ โดยระดับ 5 หมายถึง เห็นด้วยมากที่สุด และระดับ 1 หมายถึง เห็นด้วยน้อยที่สุด และ (5) นำแผนการจัดการเรียนรู้มาปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่อง หลังจากนั้นนำไปใช้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนพญาเม็งราย อำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย จำนวน 33 คน ต่อไป
2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การแก้ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร เป็นแบบทดสอบแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวนทั้งสิ้น 20 ข้อ เป็นแบบทดสอบที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ของนักเรียนหลังเสร็จสิ้นการสอน ใช้เวลาสอบจำนวน 50 นาที
3) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนผ่านแผนการจัดการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อน ผู้วิจัยสร้างแบบสอบถามชนิดมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) มี 5 ระดับตามวิธีของลิเคิร์ท
ขั้นตอนการคัดเลือกนักเรียน ผู้วิจัยมีขั้นตอนในการคัดเลือกนักเรียนดังนี้ (1) ผู้วิจัยพบปะพูดคุยกับนักเรียนกลุ่มตัวอย่างเพื่อขอความร่วมมือเกี่ยวกับวิธีการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน และอธิบายหน้าที่ของนักเรียนผู้สอน รวมทั้งประโยชน์ที่นักเรียนจะได้รับการจัดการเรียนการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน (2) ผู้วิจัยทำการทดสอบก่อนเรียนกับนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง โดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและนำคะแนนผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนมาเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย และนำนักเรียนมาแบ่งกลุ่มแบบ 3 คนได้แก่ เก่ง 1 คน ปานกลาง 1 คน และอ่อน 1 คน ผู้วิจัยคัดเลือกนักเรียนที่มีคะแนนผลสัมฤทธิ์สูง และมีความสมัครใจที่จะเป็นผู้นักเรียนผู้สอนมา 10 คน (4) ผู้วิจัยจัดตารางเวลาวันจันทร์ถึงศุกร์ ในช่วงเวลา 15.00 - 16.30 น. เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนผู้สอนได้มีเวลาพบปะ ขอคำปรึกษากับผู้วิจัย และ (5) ผู้วิจัยติดต่อประสานงานกับทางโรงเรียนเพื่อทำหนังสือขอความอนุเคราะห์จากผู้ปกครองเพื่อขอนักเรียนมาทำวิจัยในครั้งนี้
ขั้นการทดลอง มีขั้นตอนดังนี้ (1) ผู้วิจัยทำการฝึกอบรมนักเรียนเกี่ยวกับขั้นตอนการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน โดยเตรียมเนื้อหาในบทเรียน เรื่อง การแก้ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร ให้กับนักเรียนผู้สอนจำนวน 50 นาที และให้นักเรียนผู้สอน สอนให้ผู้วิจัยดูใช้เวลาคนละ 15 นาที เนื่องจากผู้วิจัยต้องการศึกษาบุคลิกภาพ และลักษณะวิธีการสอนของนักเรียนผู้สอน พร้อมให้คำแนะนำ เพื่อให้นักเรียนผู้สอนสามารถไปสอนเพื่อนได้จริง (2) เตรียมห้องทดลอง สภาพห้องเรียนที่ใช้ในการดำเนินการทดลองต้องไม่มีเสียงรบกวน มีแสงสว่างเพียงพอและอากาศถ่ายเทได้สะดวก
ขั้นการเก็บรวบรวมข้อมูล มีขั้นตอนดังนี้ (1) ก่อนทำการทดลองผู้วิจัยทำการทดสอบก่อนเรียนโดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวนทั้งสิ้น 20 ข้อ (2) ดำเนินการทดลองตามแผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อน เรื่อง การแก้ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร ทั้ง 5 แผนการสอน ใช้เวลาทดลอง 5 คาบ (3) หลังสิ้นสุดการสอนผู้วิจัยทำการทดสอบหลังเรียนเพื่อเปรียบเทียบทักษะการเรียนชุดเดียวกับการทดสอบก่อนเรียน และ (4) ประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้แผนการจัดการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อน
3. ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง
3.1 เชิงปริมาณ
1) นักเรียนร้อยละ 70 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อน หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน
2) นักเรียนร้อยละ 80 มีความพึงพอใจในการเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร หลังได้รับการจัดการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อนอยู่ในระดับมาก
3.2 เชิงคุณภาพ
นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจเรื่อง ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร เกิดทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสมรรถนะสำคัญของนักเรียนสูงขึ้น และสามารถนำความรู้ที่ได้จากการเรียนรู้ไปเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวัน เพื่อใช้ในการตัดสินใจในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน
ผลลัพธ์การพัฒนา : เชิงปริมาณ
ผลลัพธ์การพัฒนา : เชิงคุณภาพ