เอกสารและโครงงานที่เกี่ยวข้อง
ในการศึกษาโครงงานสมุนไพรดอกอัญชัน คณะผู้จัดทำได้ทำการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลจากแหล่งข้อมูลหรือเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องซึ่งจะนำเสนอดังนี้
1. ที่มาของสมุนไพรดอกอัญชัน
2. วิธีการปลูกพืชสมุนไพรและการดูแล
3. ผลกระทบการใช้สมุนไพร
4. วัตถุดิบที่ใช้
1. ที่มาของสมุนไพรดอกอัญชัน
อัญชันมีคุณสมบัติที่ดีคือ มีสารต้านอนุมูลอิสระ ในดอกอัญชันนั้นจะมีสารที่ชื่อว่าแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ซึ่งเป็นสารที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็นได้ดีขึ้น แก้อาการตาฟาง ตามัว แก้ภาวะการเสื่อมของดวงตาที่มาจากโรคเบาหวาน โรคต้อหิน โรคต้อกระจก และยังมีหน้าที่ไปช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ทำให้เลือดสามารถไปเลี้ยงส่วนต่างๆได้ดีมากยิ่งขึ้นมีฤทธิ์ต้านการออกซิเดชั่นของไขมัน ชะลอการเกิดโรคที่เกิดจากคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดี (LDL) ไม่ให้อุดตันในหลอดเลือด และชะลอการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจแข็งตัวได้อีกด้วย และมีคุณสมบัติที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งนั่นคือ ยังช่วยยับยั้งการรวมตัวของเกล็ดเลือด ช่วยขับปัสสาวะรากอัญชันมีรสขมเย็น กินสดหรือต้มน้ำดื่มเป็นยาขับปัสสาวะได้ เป็นยาระบาย แก้อาการปวดแสบปวดร้อน ลดอาการผิดปกติในเม็ดเลือดขาวลดอาการหลอดลมอักเสบ บรรเทาอาการโรคหอบหืด และวัณโรคในปอด รากนำมาบดใช้ทารักษาแผลอักเสบ รักษาโรคผิวหนัง กลาก เกลื้อนรากดิบล้างให้สะอาด ใช้ขัดถูฟันต้านเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก แก้ปวดฟัน ใบนำมาบดประคบแผล ลดการอักเสบของแผล ใบสดนำมาต้มดื่มหรือตากแห้งชงเป็นชา ขับปัสสาวะ บำรุงเลือด บำรุงหัวใจ ต้านเซลล์มะเร็ง เมล็ดมีผลข้างเคียงคือ คลื่นไส้ อาเจียน จึงไม่นิยมใช้เป็นยา
2. วิธีการปลูกพืชสมุนไพรและการดูแล
ต้นอัญชันมีวิธีการปลูกง่ายและขึ้นง่าย เริ่มจากเตรียมดินควรเป็นดินร่วน ผสมดินกับปุ๋ยคอกอัตราส่วน3:1 จะเป็นแปลงปลูกหรือในกระถางก็ได้นำเมล็ดลงกลบฝังในดิน เว้นระยะห่างกันประมาณ1นิ้ว รดน้ำให้ชุ่มวันละครั้งตอนเช้า และควรให้โดนแดดรำไรบ้างก็ดี ในประมาณ1-2สัปดาห์เมล็ดก็จะงอกเป็นต้นกล้า จากนั้นนำต้นกล้ามาปลูกลงแปลงปลูก หรือกระถางใบใหญ่หน่อยก็ได้ ประมาณ1-2เดือนก็จะเริ่มมีดอก บริเวณที่ปลูกควรมีรั้วหรือไม้ระแนงไว้ เพื่อให้เถาอัญชันเลื้อยพาด หรือยึดเกาะหมั่นตัดกิ่งให้แตกยอดใหม่จะทำให้เลื้อยได้สั้นลงและมีดอกดกขึ้น อัญชันเป็นไม้กลางแจ้งที่มีความต้องการแสงมากพอสมควร ควรปลูกตรงบริเวิณที่มีแดดส่องได้ทั่วถึง ยิ่งโดนแดดมากดอกก็มากตามการรดน้ำจะต้องไม่ถึงกับแฉะรดน้ำแต่พอชุ่มก็พอ และควรรดน้ำวันละครั้งหรือวันเว้นวันก็ได้ จะรดน้ำในช่วงเช้าหรือช่วงเย็นก็ได้เช่นกันดินร่วนระบายน้ำได้ดีจะปลูกขึ้นง่าย ใช้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกผสมกับดินปลูกก็เพียงพอแล้ว ควรระวังเพลี้ยอ่อนหรือเพลี้ยไฟมากัดกินใบ ถ้าเจอว่ามีเพลี้ยควรตัดทิ้งไปเลยเพราะจะลามไปที่พืชชนิดอื่นได้ ตัดใบทิ้งให้เหลือกิ่งไว้พอแล้วรดน้ำใส่ปุ๋ย ไม่นานก็จะแตกยอดมาใหม่
3. ผลกระทบการใช้สมุนไพร
แม้ว่าดอกอัญชันจะเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์แต่ก็ยังมีโทษได้ ถ้าหากใช้ในปริมาณมากเกินไปโดยอย่าดื่มน้ำอัญชันที่มีสีเข้มมากเกินไปเพราะอาจทำให้ไตทำงานหนักมากขึ้น ในการขับสารสีจากอัญชันให้ออกมา ผู้ป่วยความดันสูงหรือต่ำก็ไม่ควรทานดอกอัญชันมากเกินไปเพราะอาจมีผลทำให้อาการกำเริบหรือหน้ามืดหมดสติได้ และผู้ที่ป่วยด้วยโรคโลหิตจาง ไม่ควรจะรับประทานดอกอัญชันรวมทั้งอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีส่วนประกอบของอัญชันเพราะในดอกอัญชัน มีสารที่มีฤทธิ์ในการละลายลิ่มเลือด อาจทำให้เป็นอันตรายต่อผู้ป่วยโลหิตจางได้ กลีบเลี้ยงหรือขั้วของดอกอัญชัน มียางที่ทำให้คันคอ ควรเด็ดออกก่อนรับประทานแบบสดๆ เมล็ดอัญชันมีผลทำให้คลื่นไส้อาเจียนได้
4. วัตถุดิบที่ใช้
4.1 ดอกอัญชัน อัญชันมีคุณสมบัติที่ดีคือ มีสารต้านอนุมูลอิสระ ในดอกอัญชันนั้นจะมีสารที่ชื่อว่าแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ซึ่งเป็นสารที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็นได้ดีขึ้น แก้อาการตาฟาง ตามัว แก้ภาวะการเสื่อมของดวงตาที่มาจากโรคเบาหวาน โรคต้อหิน โรคต้อกระจก และยังมีหน้าที่ไปช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ทำให้เลือดสามารถไปเลี้ยงส่วนต่างๆได้ดีมากยิ่งขึ้นมีฤทธิ์ต้านการออกซิเดชั่นของไขมัน ชะลอการเกิดโรคที่เกิดจากคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดี (LDL) ไม่ให้อุดตันในหลอดเลือด และชะลอการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจแข็งตัวได้อีกด้วย และมีคุณสมบัติที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งนั่นคือ ยังช่วยยับยั้งการรวมตัวของเกล็ดเลือด ช่วยขับปัสสาวะรากอัญชันมีรสขมเย็น กินสดหรือต้มน้ำดื่มเป็นยาขับปัสสาวะได้ เป็นยาระบาย แก้อาการปวดแสบปวดร้อน ลดอาการผิดปกติในเม็ดเลือดขาวลดอาการหลอดลมอักเสบ บรรเทาอาการโรคหอบหืด และวัณโรคในปอด รากนำมาบดใช้ทารักษาแผลอักเสบ รักษาโรคผิวหนัง กลาก เกลื้อนรากดิบล้างให้สะอาด ใช้ขัดถูฟันต้านเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก แก้ปวดฟัน ใบนำมาบดประคบแผล ลดการอักเสบของแผล ใบสดนำมาต้มดื่มหรือตากแห้งชงเป็นชา ขับปัสสาวะ บำรุงเลือด บำรุงหัวใจ ต้านเซลล์มะเร็ง เมล็ดมีผลข้างเคียงคือ คลื่นไส้อาเจียน จึงไม่นิยมใช้เป็นยา
4.2 น้ำ สารประกอบซึ่งมีองค์ประกอบเป็นธาตุไฮโดรเจนและออกซิเจนและเป็นสารประกอบเคมีชนิดหนึ่ง มีสูตรเคมีคือ H2O โมเลกุลของน้ำประกอบด้วยออกซิเจน 1 อะตอมและไฮโดรเจน 2 อะตอมเชื่อมติดกันด้วยพันธะโควาเลนต์ น้ำเป็นของเหลวที่อุณหภูมิและความดันมาตรฐาน แต่พบบนโลกที่สถานะของแข็ง (น้ำแข็ง) และสถานะแก๊ส (ไอน้ำ) น้ำยังมีในสถานะของผลึกของเหลวที่บริเวณพื้นผิวที่ขอบน้ำ
4.3 น้ำตาล เป็นชื่อเรียกทั่วไปของคาร์โบไฮเดรตชนิดละลายน้ำ โซ่สั้น และมีรสหวาน ส่วนใหญ่ใช้ประกอบอาหาร น้ำตาลเป็นคาร์โบไฮเดรตที่ประกอบด้วยธาตุคาร์บอน ไฮโดรเจน และออกซิเจน มีน้ำตาลหลายชนิดเกิดมาจากที่มาหลายแหล่ง น้ำตาลอย่างง่ายเรียกว่าโมโนแซ็กคาไรด์และหมายรวมถึงกลูโคส (หรือ เด็กซ์โตรส) ฟรุกโตส และกาแลกโตส น้ำตาลโต๊ะหรือน้ำตาลเม็ดที่ใช้เป็นอาหารคือซูโครส เป็นไดแซ็กคาไรด์ชนิดหนึ่ง (ในร่างกาย ซูโครสจะรวมตัวกับน้ำแล้วกลายเป็นฟรุกโตสและกลูโคส) ไดแซ็กคาไรด์ชนิดอื่นยังรวมถึงมอลโตส และแลกโตสด้วย
4.4 มะนาว เป็นไม้ผลชนิดหนึ่งที่มีรสเปรี้ยวจัด จัดอยู่ในสกุลส้มหรือที่เรียกว่า Citrus ลักษณะของผลจะมีสีเขียว เมื่อสุกจัดจะออกเป็นสีเหลือง ลักษณะของเปลือกจะบาง ส่วนภายในมะนาวนั้นจะมีเนื้อที่แบ่งออกเป็นกลีบๆ และชุ่มน้ำมาก ถือเป็นผลไม้ที่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องปรุงรส ในผลมะนาวมีน้ำมันหอมระเหยถึง 7% แต่กลิ่นไม่ฉุนอย่างมะกรูด น้ำมะนาวจึงมีประโยชน์สำหรับใช้เป็นส่วนผสมน้ำยาทำความสะอาด เครื่องหอม และการบำบัดด้วยกลิ่น