พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 เป็นกฎหมายที่ถูกปรับปรุงขึ้นมาเพื่อให้สอดคล้องกับยุคดิจิทัลและการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่แพร่หลายมากขึ้นในสังคมไทย โดยกฎหมายฉบับนี้มีวัตถุประสงค์สำคัญในการ ป้องกัน ควบคุม และปราบปรามอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ รวมถึงการคุ้มครองสิทธิของประชาชนในโลกออนไลน์
เนื่องจากปัจจุบันเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การกระทำผิดผ่านระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่ายอินเทอร์เน็ตก็มีรูปแบบที่ซับซ้อนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีระบบคอมพิวเตอร์ การเผยแพร่ข้อมูลเท็จ การสร้างข่าวปลอม หรือการตัดต่อภาพบุคคลเพื่อละเมิดสิทธิ กฎหมายฉบับนี้จึงถูกตราขึ้นเพื่อให้รัฐและสังคมสามารถรับมือกับภัยไซเบอร์ได้อย่างเหมาะสม
จุดเด่นและสาระสำคัญของกฎหมาย
1. การแก้ไขเรื่องการส่งข้อมูลที่รบกวนผู้อื่น (สแปม)
กำหนดโทษสำหรับผู้ที่ส่งข้อมูลหรืออีเมลไปยังผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอม และไม่มีช่องทางให้ปฏิเสธ ซึ่งถือเป็นการสร้างความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้รับ โทษปรับสูงสุดถึง 200,000 บาท
2. การกระทำต่อระบบคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง
หากมีการกระทำความผิดต่อระบบที่เกี่ยวข้องกับ ความมั่นคงของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ เศรษฐกิจ หรือโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ผู้กระทำจะได้รับโทษที่รุนแรงขึ้น โดยมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 15 ปี
3. การห้ามจำหน่ายหรือเผยแพร่เครื่องมือเจาะระบบ (Hacking Tools)
บุคคลใดที่ขายหรือเผยแพร่ชุดคำสั่งหรือโปรแกรมที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการเจาะระบบ ถือว่ามีความผิดทางอาญา เพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำไปใช้เป็นอาวุธไซเบอร์
4. การนำเข้าข้อมูลเท็จหรือข่าวปลอม (Fake News)
ถ้าเป็นการเผยแพร่ข้อมูลเท็จที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนทั่วไป มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี
หากข้อมูลนั้นกระทบต่อความมั่นคง เศรษฐกิจ หรือทำให้เกิดความตื่นตระหนกในสังคม โทษจะรุนแรงมากขึ้น
5. การเผยแพร่ข้อมูลลามกอนาจารทางคอมพิวเตอร์
ผู้ที่นำเข้าหรือเผยแพร่ข้อมูลลามกอนาจารผ่านระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งประชาชนทั่วไปเข้าถึงได้ จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท
6. การตัดต่อภาพบุคคล (Deepfake)
การสร้างหรือตัดต่อภาพผู้อื่นเพื่อทำให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือได้รับความอับอาย ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท
7. บทบาทของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP/Platform)
หากผู้ให้บริการปล่อยปละละเลยหรือสมรู้ร่วมคิดในการเผยแพร่ข้อมูลผิดกฎหมาย จะต้องรับโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำ แต่ถ้าปฏิบัติตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด ก็สามารถพ้นจากความรับผิดได้
8. อำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่
กฎหมายให้อำนาจเจ้าหน้าที่ในการสืบสวนและสอบสวน เช่น การขอข้อมูลจราจรคอมพิวเตอร์ การยึดหรืออายัดระบบ (ต้องได้รับอนุญาตจากศาล) รวมถึงการยื่นคำร้องต่อศาลให้สั่งลบหรือระงับข้อมูลผิดกฎหมาย
ผลกระทบและความสำคัญต่อสังคม
พระราชบัญญัติฉบับนี้ช่วยสร้างความมั่นใจในการใช้อินเทอร์เน็ตมากขึ้น เพราะสามารถป้องกันการแพร่กระจายของข้อมูลอันตราย เช่น ข่าวปลอม สื่อที่ไม่เหมาะสม และการโจมตีระบบคอมพิวเตอร์ที่สำคัญ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทุกคนก็ต้องระมัดระวังการใช้สื่อออนไลน์ เพราะหากแชร์ข้อมูลโดยไม่ตรวจสอบความถูกต้อง หรือนำภาพผู้อื่นมาตัดต่อเพื่อให้เสียหาย ก็อาจเข้าข่ายการกระทำความผิดได้เช่นกัน