เรื่องที่ 4 บุญคุณของพระมหากษัตริย์ไทยตั้งแต่สมัยสุโขทัย อยุธยา ธนบุรี และรัตนโกสินทร์
4.1 สมัยสุโขทัย อาณาจักรสุโขทัยเริ่มต้นประวัติศาสตร์ที่มีหลักฐานตั้งแต่สมัยพ่อขุนศรีนาวนาถมและเริ่มชัดเจนมากขึ้นในสมัยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ (พ่อขุนบางกลางหาว พ.ศ. 1781 – 1822) แต่ความเป็นจริงแล้วประชาคมสุโขทัยน่าจะมีประวัติศาสตร์มาก่อนหน้านี้มากแต่เราไม่พบหลักฐานที่ยืนยันความเป็นอิสระได้ ราชวงศ์พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ (พระร่วงหรือสุโขทัย) ได้ปกครองอาณาจักรสุโขทัย มีกษัตริย์ปกครอง 9 พระองค์ สืบต่อมาเป็นเวลา 200 ปี ก็ถูกรวมเข้ากับอาณาจักรอยุธยา อาณาจักรสุโขทัยเจริญรุ่งเรืองสูงสุดในสมัยของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช (พ.ศ. 1822 – 1841) อำนาจของอาณาจักรสุโขทัยในช่วงสมัยของพระองค์มั่นคงมากได้ทรงแผ่อาณาเขตออกไปโดยรอบวัฒนธรรมไทยได้เจริญขึ้นทุกสาขา
ดังปรากฏในศิลาจารึกหลักที่ 1 ซึ่งเจริญทั้งด้านประวัติศาสตร์ การสงคราม ภูมิศาสตร์ กฎหมาย ประเพณี การปกครอง การเศรษฐกิจ การสังคม ปรัชญาพระพุทธศาสนาการประดิษฐ์อักษรไทยและอื่น ๆ
บุญคุณของพระมหากษัตริย์ ด้านการเมืองการปกครอง
1. มีการสถาปนาอาณาจักรสุโขทัย ด้วยการทำสงครามสู้รบกับขอมด้วย ความเสียสละเลือดเนื้อเพื่อสร้างบ้านเมือง
2. มีการปกครองแบบพ่อปกครองลูก โดยให้ผู้ที่เดือดร้อนไปสั่นกระดิ่ง หน้าประตูเมือง ซึ่งเป็นการนำทศพิธราชธรรมมาใช้ในการปกครองบ้านเมือง
3. มีการขยายอาณาเขตการปกครอง โดยการเผยแผ่ศาสนาไปตามแคว้นต่าง ๆ
ด้านเศรษฐกิจและการค้า
1. สร้างทำนบกักเก็บน้ำที่เรียกว่า “สรีดภงส์” เพื่อการบริหารจัดการน้ำในการป้องกันน้ำท่วม และการกักเก็บำนำ้ใช้เพื่อการเกษตร ทำให้เศรษฐกิจด้านการเกษตรมีความอุดมสมบูรณ์
2. มีการส่งเสริมการค้าขายด้วยการไม่เก็บภาษีที่เรียกว่า “จกอบ” ทำให้การค้าขายเจริญรุ่งเรืองซึ่งแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของอาณาจักรสุโขทัย
3. มีการเจริญสัมพันธไมตรีกับต่างประเทศ เช่น จีน ลังกา มอญ เพื่อทำการค้า และมีการนำสินค้าจากจีนมาขายและส่งสินค้าไปขายที่จีน
ศิลาจารึก
สรีดภงส์
4.2 สมัยอยุธยา กรุงศรีอยุธยาสถาปนาขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1893 ผู้สถาปนากรุงศรีอยุธยา คือ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 หรือเรียกกันว่า พระเจ้าอู่ทอง
กรุงศรีอยุธยา ตั้งอยู่ในบริเวณที่มีแม่น้า 3 สายล้อมรอบคือ แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำ ป่าสัก และแม่น้ำลพบุรี เป็นชัยภูมิที่เหมาะสมทั้งในด้านความมั่นคง และเป็นเมืองที่เหมาะแก่การติดต่อค้าขาย
กรุงศรีอยุธยาเป็น อาณาจักรที่มีความสำคัญมาก มีความเจริญรุ่งเรืองสืบต่อกันมาเป็นเวลา 417 ปี ในช่วงสถาปนากรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 พระเจ้าอู่ทอง ซึ่งเป็นกษัตริย์พระองค์แรก ได้สถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี และมีพระมหากษัตริย์ปกครองมากที่สุดในประวัติศาสตร์ถึง 33 พระองค์ ซึ่งพระมหากษัตริย์ลำดับต่อ ๆ กันมาทรงสืบสานพระราชกิจดังนี้
1. ด้านการรวบรวมความเป็นปึกแผ่นของประเทศชาติสมเด็จพระนเรศวร มหาราช (พระสรรเพชญ์ที่ 2) ตลอดรัชสมัยของพระองค์ทรงกอบกู้กรุงศรีอยุธยาจากพม่า
2. ด้านการเมืองการปกครอง ในสมัยอยุธยาตอนต้น ได้จัดระเบียบการปกครอง ที่เรียกว่า จตุสดมภ์ เป็นเสมือนเสาหลักในการค้าจุนความมั่นคงแก่บ้านเมือง คือตำแหน่งเวียง วัง คลัง นา
3. การติดต่อสัมพันธ์กับชาติตะวันตก มีชาวต่างชาติเข้ามาติดต่อค้าขาย ได้แก่ ชาวโปรตุเกส ฮอลันดา ฝรั่งเศส อังกฤษ เป็นต้น
4.3 สมัยธนบุรี กรุงธนบุรี ได้สถาปนาขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2 3 1 0 ก่ อนเ สี ย ก รุงศรี อ ยุ ธ ย าป ร ะ ม าณ 3 เดือน โดยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ซึ่งเป็นทหารคนสำคัญของกรุงศรีอยุธยา ได้รวบรวมกำลังคนประมาณ 1,000 คน ตีฝ่าวงล้อมกำลังของพม่าออกไปรวบรวมกำลังพลอยู่ที่เมืองระยอง ชลบุรี จันทบุรี ตราด และตั้งมั่นรวมกำลังพล เสบียงอาหารที่เมืองจันทบุรี เมื่อกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าแล้ว จึงไปตีค่ายพม่าที่ค่ายโพธิ์สามต้น ซึ่งมีสุกี้พระนายกองรักษาค่ายอยู่สามารถตีค่ายพม่าแตก และยึดอำนาจคืนจากพม่าได้สำเร็จ เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2310 ใช้เวลาเพียง 7 เดือน
ด้านศาสนาและการศึกษา
1. มีการนิมนต์พระภิกษุสงฆ์จากนครศรีธรรมราชมาแสดงธรรมให้ประชาราษฎร์ในวันพระ
2. มีการอัญเชิญพระไตรปิฎกมาจากเมืองนครศรีธรรมราช และนำพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำบ้านเมือง
3. จัดทำศิลาจารึกเพื่อบันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสมัยนั้น ๆ
4. ประดิษฐ์อักษรไทยที่เรียกว่า “ลายสือไทย” ทำให้มีภาษาไทยใช้จนถึงปัจจุบัน
5. มีการแต่งหนังสือ “ไตรภูมิพระร่วง” ซึ่งเป็นวรรณกรรมเล่มแรกของไทย