ด้านการจัดการเรียนรู้
ด้านการจัดการเรียนรู้
การจัดการเรียนการสอน
การจัดการเรียนการสอน
การแก้ปัญหาผู้เรียน
การแก้ปัญหาผู้เรียน
ด้านการส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้
ด้านการพัฒนาตนเองและวิชาชีพ
1. สภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้และคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน
โรงเรียนเขวาไร่ศึกษา เป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาประจำตำบลขนาดใหญ่ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษามหาสารคาม เปิดสอนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 โรงเรียนได้จัดระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โดยให้ครูที่ปรึกษาออกเยี่ยมบ้านนักเรียนทุกปีการศึกษา และจากการเก็บรวบรวมข้อมูลนักเรียนในการออกเยี่ยมบ้านในทุกๆปีการศึกษานั้น พบว่าผู้ปกครองส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ฐานะทางครอบครัวค่อนข้างยากจน ทำให้ผู้ปกครองต้องออกเดินทางไปทำงานต่างจังหวัด นักเรียนจำเป็นต้องอยู่กับปู่ ย่า ตา ยาย ซึ่งมีช่วงอายุที่ห่างกันมาก เมื่อช่วงวัยต่างกัน แน่นอนว่าความเข้าใจก็ย่อมต่างกันตามไปด้วย นี่จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักเรียนขาดความเข้าใจในช่วงวัย ทำให้ขาดการดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด ส่งผลให้นักเรียนมีพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็น ติดสารเสพติด ติดเกม ชู้สาว หนีเรียน ฯลฯ เมื่อมีพฤติกรรมเสี่ยงปัญหาการเรียนจึงเกิดขึ้น การอ่านก็เป็นหนึ่งในปัญหานั้น
การอ่านเป็นพื้นฐานสำคัญของการเรียนรู้และการพัฒนาสติปัญญาของนักเรียน เพราะนักเรียนต้องได้รับการศึกษาเล่าเรียน การติดต่อสื่อสาร และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้อมูลข่าวสารผ่านการอ่านทั้งสิ้น ในสังคมที่สื่อโซเชียลกำลังเฟื่องฟู นักเรียนสามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ได้ง่าย ซึ่งข้อมูลต่างๆ เหล่านั้นมีทั้งส่วนที่เป็นประโยชน์และโทษ เพื่อให้นักเรียนได้รับข้อมูลข่าวสารเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด นักเรียนจึงจำเป็นต้องรู้จักอ่านแล้วคิด พิจารณา ประเมินค่าเรื่องราวเหล่านั้นได้ว่ามีความถูกต้อง มีเหตุผลน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด ดังที่ กองเทพ เคลือบพณิชกุล (2552 : 8) ได้กล่าวว่า การอ่านเป็นสิ่งจำเป็นและมีความสำคัญอย่างยิ่งในการดำรงชีวิต เป็นกิจวัตรประจำวันอย่างหนึ่งของมนุษย์ที่ขาดไม่ได้ ที่เป็นเช่นนี้เพราะการอ่านทำให้คนรู้จักคิด และมีโลกทัศน์กว้างขวาง ทั้งยังเป็นการเพิ่มทักษะและเสริมประสบการณ์แก่ผู้อ่าน เพื่อพัฒนาด้านสติปัญญา ความรู้ความสามารถ และยังทำให้ผู้อ่านเข้าใจวิถีชีวิตของมนุษย์มากขึ้น
จากปัญหาดังกล่าว ครูผู้สอนจึงต้องหาแนวทางเพื่อแก้ไขและพัฒนาทักษะการอ่านให้แก่นักเรียนด้วยความเข้าใจและเอาใจใส่ เพราะครูเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญไม่น้อยไปกว่าผู้ปกครองที่จะต้องให้ทั้งความรู้และความรัก ฝึกฝนให้นักเรียนสามารถอ่านออก เขียนได้ สรุปสาระสำคัญจากเรื่องที่อ่านได้ว่าผู้เขียนต้องการจะสื่ออะไร ควบคู่ไปกับการอบรมสั่งสอนด้านคุณธรรม จริยธรรม ทำให้ข้าพเจ้าศึกษาหาข้อมูลจนทำให้เกิดกรอบแนวคิดการสอนด้วยความเชื่ออยู่ 2 อย่างว่า 1. ข้าพเจ้าเชื่อว่าถ้าเราพยายามเข้าใจเขา เขาก็จะพยายามเข้าใจในสิ่งที่เราถ่ายทอด 2. ข้าพเจ้าเชื่อว่า ถ้าเขาไม่เก่งแต่เป็นคนดี เขาย่อมจะนำพาสิ่งดีๆ มาสู่ตัวเขาและสังคมในแบบที่เขาเป็นได้แน่นอน ดังที่พระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ว่า “เป็นครูใช่ไหม ขอฝากเด็กๆ ด้วยนะ ช่วยสอนเขาให้เป็นคนดี” จากความเชื่อทั้ง 2 ข้อนี้จึงได้กลายมาเป็น “BELIEVE : MODEL” ที่จะนำมาพัฒนาทักษะการอ่าน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล
1. ศึกษาและวิเคราะห์หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุงพุทธศักราช 2560) ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2565) และหลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนเขวาไร่ศึกษา ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2565 เกี่ยวกับมาตรฐานการเรียนรู้ และตัวชี้วัดที่จะนำมาพัฒนาทักษะการอ่าน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
2. ศึกษาหลักการ แนวคิด ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน เช่น ทฤษฎีการสอนแบบ SQ6R และเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
3. วิเคราะห์ผู้เรียนรายบุคคลเพื่อจัดการเรียนรู้ตามความแตกต่างของผู้เรียน
4. จัดทำหน่วยการจัดการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้ สื่อการสอน และแบบทดสอบทักษะการอ่าน
5. จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ "BELIEVE : MODEL" และเทคนิคการสอนแบบ SQ6R สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีขั้นตอน ดังนี้
5.1 ทดสอบทักษะการอ่าน ก่อนการจัดการเรียนรู้
5.2 จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ "BELIEVE : MODEL" เป็นกรอบแนวคิดหลัก และใช้เทคนิคการสอนแบบ SQ6R ในการพัฒนาทักษะการอ่านโดยเฉพาะ
ขั้นที่ 1 ขั้นตอนการสำรวจ (Survey) ให้นักเรียนอ่านบทอ่าน หรือเนื้อหาที่เราต้องการจะสอนอย่างคร่าวๆ เพื่อสำรวจหาจุดสำคัญของเรื่อง การอ่านคร่าวๆ นี้จะช่วยให้ผู้เรียนเรียบเรียงแนวคิดต่าง ๆ ได้
ขั้นที่ 2 ขั้นตอนการตั้งคำถาม (Question) ให้นักเรียนตั้งคำถามจากเรื่องที่อ่าน การตั้งคำถามจะต้องสัมพันธ์กับเรื่องราวที่กำลังอ่าน เพราะคำถามจะช่วยให้ผู้อ่านนึกถึงความรู้เดิมที่มีอยู่เกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน คำถามจะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจเรื่องได้เร็วขึ้น การตั้งคำถามจะทำให้ผู้อ่านมีความอยากรู้อยากเห็น เป็นการเพิ่มความเข้าใจในการอ่านมากยิ่งขึ้น ทำให้การอ่านในขั้นต่อไปเป็นไปอย่างมีจุดมุ่งหมายและสามารถจับประเด็นสำคัญได้ถูกต้อง
ขั้นที่ 3 ขั้นตอนการอ่านอย่างละเอียด (Read) เป็นขั้นตอนที่ให้ผู้เรียนอ่านเรื่องซ้ำอย่างละเอียดและในขณะเดียวกันเป็นการค้นหาคำตอบสำหรับคำถามที่ได้ตั้งไว้ ในขั้นตอนที่ 2 ในขั้นนี้จะเป็นการอ่านเพื่อจับประเด็นสำคัญโดยแท้จริง ขณะที่กำลังอ่านถ้านึกคำถามได้อีกก็อาจใช้วิธีจดบันทึกไว้แล้วตั้งใจอ่านต่อไปจนกว่าจะได้รับคำตอบที่ต้องการ
ขั้นที่ 4 ขั้นตอนการบันทึก (Record) ให้ผู้เรียนจดบันทึกข้อมูลต่างๆ ที่ได้อ่านจากขั้นตอนที่ 3 โดยมุ่งจดบันทึกในส่วนที่สำคัญและสิ่งที่จำเป็นโดยใช้ข้อความให้กระชับรัดกุมตามความเข้าใจของผู้เรียน
ขั้นที่ 5 ขั้นตอนการจดจำ (Recite) ให้ผู้เรียนเขียนสรุปใจความสำคัญ โดยเขียนสรุปเป็นสำนวนภาษาของตนเอง (ขั้นตอนที่ 4 และ 5 อาจปรับเปลี่ยนเป็นขั้นตอนเดียวกันได้ )
ขั้นที่ 6 ขั้นตอนการทบทวน (Review) ให้ผู้เรียนทบทวนประเด็นที่ได้สรุปไว้ในขั้นตอนที่ 5 โดยการอ่านคำถามและคำตอบที่ได้ตั้งไว้ ถ้าไม่เข้าใจให้ไปอ่านเนื้อหาซ้ำ
ขั้นที่ 7 ขั้นตอนการวิเคราะห์ วิจารณ์ (Reflect) ให้ผู้เรียนแสดงความคิดเห็นจากเรื่องที่อ่านโดยวิธีการพูดหรือการเขียนก็ได้ขึ้นอยู่กับบริบทของเนื้อหาวิชา
ขั้นที่ 8 ขั้นตอนการแปลงข้อความ (Reshape) ให้ผู้เรียนแปลงข้อความจากเรื่องที่อ่านให้เป็นข้อมูลของตนเองเรียกขั้นตอนนี้ว่าการสังเคราะห์ข้อมูล นักเรียนจะทำเป็นแผนผังความคิดในรูปแบบต่างๆ ที่นักเรียนถนัดหรือสนใจก็ได้ เน้นการใช้ภาพและสีแทนตัวอักษร
การจัดการเรียนการสอนตามเทคนิคการสอนแบบ SQ6R ทั้ง 8 ขั้นตอนนี้ เป็นเทคนิคที่ใช้พัฒนาทักษะการอ่าน โดยมี "BELIEVE : MODEL" เป็นกรอบแนวคิดหลัก โดยมีแนวคิด ดังนี้
B = Befriend สอนแบบเพื่อน
E = Enjoyable ย้ำเตือนด้วยความสนุกสนาน
L = Legible เพื่อการอ่านออก เขียนได้
I = Innovation โดยการใช้นวัตกรรม
E = Edify สอดแทรกคุณธรรม คำสอนสั่ง
V = Valuable ปลูกฝังให้เห็นความสำคัญ
E = Endure ทำให้สิ่งนั้นคงทน ถาวร
5.3 ทดสอบทักษะการอ่าน หลังการจัดการเรียนรู้โดยใช้ "BELIEVE : MODEL" และเทคนิคการสอนแบบ SQ6R
6. ให้ผู้เรียนทำแบบสอบถามความคิดเห็นที่มีต่อการเรียนวิชาภาษาไทย ที่จัดการเรียนรู้โดยใช้ "BELIEVE : MODEL" และเทคนิคการสอนแบบ SQ6R
7. รวบรวมข้อมูลของแบบสอบถามความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ เพื่อนำมา วิเคราะห์และปรับปรุงแก้ไขในประเด็นต่าง ๆ
8. นำผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ เข้าร่วมชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพของกลุ่มสาระภาษาไทย เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและหาแนวทางการพัฒนา
3. ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง
ผู้เรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 72 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคะแนนเฉลี่ยวิชาภาษาไทยตั้งแต่ 3 ขึ้นไป
ผู้เรียนร้อยละ 80 มีทักษะการอ่าน คิดวิเคราะห์ ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด
ผู้เรียนร้อยละ 80 มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด
ผู้เรียนร้อยละ 80 มีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้ "BELIEVE : MODEL" และเทคนิคการสอนแบบ SQ6R มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากขึ้นไป
ผู้เรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีทักษะการอ่าน รายวิชาภาษาไทย ในระดับดี สามารถนำทักษะการอ่าน ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้
ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง ตัวชี้วัด (Indicators)
ผู้เรียนร้อยละ 88.52 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาไทย ตั้งแต่ 3.00 ขึ้นไป
ผู้เรียนร้อยละ 100 มีทักษะการอ่าน คิด วิเคราะห์ ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด
ผู้เรียนร้อยละ 100 มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด
ผู้เรียนร้อยละ 89.00 มีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้ "BELIEVE : MODEL" และเทคนิคการสอนแบบ SQ6R วิชาภาษาไทย ครูเบญจรฎา เพชรก้อน มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากขึ้นไป