การสร้างงานมัลติมีเดีย
ผู้ค้นพบเป็นนักคณิตศาสตร์ชาวกรีกชื่อ ปีทาโกรัส (Pythagoras) เจ้าของทฤษฎี Golden mean ว่าด้วยเรื่อง จิตวิทยา ระบบสัดส่วนที่ดีที่สุดในการมองเห็นและ ระบบประสาทสัมผัสของมนุษย์ หลังจากนั้น ก็เกิดแตกเป็นทฤษฎีอีกหลายทฤษฎี และหนึ่งในนั้นก็คือได้ถูกประยุกต์เป็น ทฤษฎีกฎ 3 ส่วน เพื่อการถ่ายภาพนั่นเอง
ว่าด้วยเรื่องกฎสามส่วน (Rule of Third ) และจุดตัดเก้าช่อง ( Sweet spot)
สองอย่างนี้ไปด้วยกันค่ะ เพราะจุดตัด 9 ช่องพัฒนามาจากกฎสามส่วนนั่นเอง
กฎสามส่วนเกี่ยวกับภาพวิวทิวทัศน์
ง่ายๆ ก็คือ"การถ่ายภาพวิวทิวทัศน์นั้น ไม่ควรวางเส้นขอบฟ้าไว้กลางภาพ ให้แบ่งสัดส่วนพื้นดินหรือท้องฟ้า ในอัตราส่วน 1:3หรือ 2:3แต่ไม่ควรแบ่ง ให้ท้องฟ้ากับดินเท่ากัน คือ 1:1" จะให้สัดส่วนของพื้นดินหรือท้องฟ้ามากกว่าก็ให้ดูความเหมาะสมว่าสิ่งไหนสวยกว่า ณ เวลานั้น นอกจากพื้นดินแล้วอาจจะเป็นสัดส่วนของท้องฟ้ากับทะเลหรือสายน้ำ แล้วแต่จุประสงค์ผู้ถ่าย
ภาพตัวอย่างการแบ่งเส้นสมมุติในการถ่ายภาพวิวทิวทัศน์
ภาพถ่ายโดย dsevilla
ภาพนี้ก้อนเมฆสวย พื้นดินก็สวยมาก ผู้ถ่ายจึงให้สัดส่วนท้องฟ้ามากกว่าพื้นดิน
ภาพจาก www.cashinphotos.blogspot.com
ภาพนี้ผู้ถ่าย ถ้ายให้ทุกส่วนเท่ากัน แต่จะทำให้ส่วนที่ 2 เด่นที่สุด เพราะมีส่วนของท้องฟ้าที่เป็นก้อนเมฆเข้ามาด้วย
และในน้ำก็ยังมีเงาของส่วนที่ 2
จุดตัด 9 ช่องหมายถึงการลากเส้นสมมติแบ่งภาพให้ได้เป็น 9 ส่วน (3x3) เท่าๆ กัน ซึ่งจะได้จุดตัดของเส้นทั้งหมด 4 จุด
ซึ่งการจัดองค์ประกอบภาพเราจะใช้จุดตัดเหล่านี้เป็นตำแหน่งในการนำจุดเด่นของภาพ (Subject) ไปวางไว้ โดยอย่านำ Subject ไว้ตรงกลางภาพ เพราะจะทำให้ภาพดูไม่น่าสนใจ ไม่มีการดึงสายตาคนดู อีกอย่าทำให้ภาพขาดเรื่องราวด้วย วิธีการนำ Subject ไว้ที่จุดตัดก็เพื่อให้ยังเหลือพื้นที่สำหรับเล่าเรื่องราวของภาพนั้นเอง
เส้นนำสายตาคืออะไร เส้นนำสายตาคือการวางภาพให้มีจุดเชื่อมต่อไปยังจุดเด่นในภาพที่เราต้องการจะถ่าย คือเราต้องหาอะไรเป็นตัวบอกให้ตัวนั้นนำทางไปสู่จุดเด่นที่เราต้องการ ซึ่งเส้นนำสายตาจะช่วยดึงสายตาของคนที่มองภาพไปยังจุดเด่นที่เราต้องการสื่อในภาพ ทำให้ภาพของเราดูมีเรื่องราวและสามารถสื่อสารกับผู้ที่มองภาพได้ดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งไม่จำกัดว่าเส้นนำสายตาจะต้องวางที่กลางภาพอย่างเดียว อาจจะวางไว้จากด้านข้างของภาพก็ได้ และเส้นนำสายตาก็จะให้ความรู้สึงที่แตกต่างกันไป เช่น เส้นนำสายตาที่เป็นเส้นตรงจะทำให้เกิดความรู้สึกรวดเร็วรุนแรง เส้นนำ แบบโค้งจะทำให้เกิดความรู้สึกนุ่มนวล ค่อยเป็นค่อยไป เป็นต้น ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการให้ภาพออกมาเป็นแบบไหนบ้างครั้งเราอาจจะใช้ส้นนำสายตาเป็นตัวบีบภาพเพื่อให้จุดเด่นน่าสนใจมากขึ้นก็ได้
การจะถ่ายภาพเส้นนำสายตา สิ่งที่สำคัญที่สุดก่อนถ่ายคือเราต้องรู้จักการวางแผน เพื่อเลือกหาจุดเด่น และหาเส้นประกอบที่จะนำสายตา ช่วงแรกอาจจะหาเส้นนำสายตาง่ายๆก่อนซึ่ง เส้นนำสายตาที่เราเห็นได้บ่อยก็เช่น ถนน ลองเดินหาถนนซักที่ แล้วลองวางภาพรอให้รถวิ่งผ่านหรือคนเดินผ่านเข้ามาในเฟรมที่เราต้องการแล้วกดชัตเตอร์ก็ได้ หรือไม่ว่าจะเป็น เส้นขอบราวสะพาน ลองหาแบบไปยืนแล้วถ่ายให้ราวสะพานเป็นเส้นนำสายตาไปหาตัวแบบที่เราถ่ายก็ได้ จะเพิ่มความน่าสนใจให้ภาพตัวแบบเพิ่มขึ้นกว่าที่เราจะถ่ายตัวแบบอย่างเดียว หรือถ้าเราไปเที่ยวทะเลลองหาก้อนหินหรือโขดหินให้เป็นตัวนำสายตาก็ได้ เพราะเส้นนำสายตามไม่ตายตัวว่าจะต้องเป็นเส้นๆ อย่างเดียวเราสามารถใช้สิ่งต่างๆทั่วไปที่อยู่แถวนั้นสร้างเป็นเส้นนำสายตาเองได้ ฉะนั้นการวางแผนก่อนถ่ายภาพจึงสำคัญมากในเรื่องการถ่ายแบบให้มีเส้นนำสายตา
การตั้งค่าในการถ่ายอยู่ที่ผู้ถ่ายเลือกใช้เพื่อให้ภาพออกมาในแบบที่เราต้องการไม่จำเพาะเจาะจงว่า ภาพนั้นต้องชัดลึกหรือชัดตื้นเท่านั้น อยู่ที่เราถ่ายอะไร ต้องการสื่ออะไรในภาพ อย่างเช่นถ้าเราถ่ายบุคคลเราอาจจะเลือกเน้นตัวแบบ ปล่อยเบลอเส้นนำสายตาของเราแล้วไปชัดที่ตัวแบบอย่างเดียวเพื่อเพิ่มมิติให้ภาพ หรือถ้าเราถ่ายภาพวิวเราอาจจะถ่ายแบบชัดทั้งภาพตั้งแต่เส้นนำสายตาไปจนถึงจุดเด่นที่เราต้องการแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่จำเป็นเสมอไปที่การถ่ายภาพวิว จะต้องชัดทั้งภาพ เราสามารถเลือกและปรับใช้ได้ตามที่เราต้องการ