การบริหารจัดการชุมชนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

ตัวอย่างชุมชนพอเพียงที่ประสบความสำเร็จ

กุดกะเสียน วันนี้ที่ยิ้มได้

“เวลาติดขัดก็ไปกู้...เขามาทำทุน พอหาได้ ขายได้ก็เอาไปฝาก...เขา” เขาในความหมาย

ของคนในชุมชนกุดกะเสียน คือ สถาบันการเงินชุมชนกุดกะเสียนร่วมใจท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจเงินเฟ้อพุ่ง ดอกเบี้ยเพิ่ม ทั้งเงินกู้ เงินฝาก (ติดลบเมื่อเทียบกับเงินเฟ้อ)ทุกอย่างอยู่ในช่วงขาขึ้น(ราคา) จะมีที่ลดลงคงเป็นกำลังใจประชาชนโดยเฉพาะคนเมือง ยิ้มฝืนๆ เผชิญชะตาในยุคข้าว(แก้)ยาก น้ำมันแพงกันไปแตกต่างจากคนในชุมชนบ้านกุดกะเสียน ต.เขื่องใน อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี หมู่บ้านรางวัลพระราชทาน “เศรษฐกิจพอเพียง อยู่เย็นเป็นสุข” สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ซึ่งมีนายสมาน ทวีศรี กำนันตำบลเขื่องใน เป็นผู้นำสร้างรอยยิ้มให้คนในชุมชนจากหมู่บ้านที่มีอาชีพทำนาปีละ 2 ครั้ง แต่เนื่องจากสภาพพื้นที่เป็นที่ลุ่ม มีน้ำท่วมถึง ทำให้มี

ปัญหาน้ำท่วมนา จึงต้องหาปลาแลกข้าว ต่อมาประกอบอาชีพค้าขายสีย้อมผ้า ทำให้มีปัญหาหนี้สินเพราะต้องไปกู้นายทุนดอกเบี้ยสูงแต่สภาพในปัจจุบันของกุดกะเสียน ผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใจ เนื่องจากเศรษฐกิจของหมู่บ้านดีขึ้นมากสืบเนื่องจากการริเริ่มของผู้นำชุมชนที่เห็นปัญหาของหมู่บ้าน จึงได้ส่งเสริมให้มีการตั้ง กลุ่มออมทรัพย์จนกระทั่งพัฒนามาเป็นธนาคารกุดกะเสียนร่วมใจ โดยการปล่อยสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยต่ำให้คนในชุมชนไปประกอบอาชีพ อาชีพหลักทำนา ค้าขายเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ชุดเครื่องนอน ชุดเครื่องครัวฯลฯ ทั้งมีการรวมกลุ่มอาชีพ กลุ่มเลี้ยงโค กลุ่มทำน้ำยาล้างจาน กลุ่มน้ำยาสระผม กลุ่มเพาะเห็ด กลุ่มเกษตรกรทำนา กลุ่มจักสาน

หนึ่งในชุมชนตัวอย่างที่กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย คัดเลือกมาเป็นต้นแบบในการ

ส่งเสริมการบริหารจัดการชุมชนให้เข้มแข็งอย่างยั่งยืน นายปรีชา บุตรศรี อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนกล่าวว่า ประเด็นยุทธศาสตร์หนึ่งในการส่งเสริมการบริหารการจัดการชุมชน คือ การเพิ่มขีดความสามารถผู้นำชุมชน

เพื่อให้ผู้นำชุมชนเป็นกำลังหลักในการบริหารจัดการชุมชนให้ชุมชนเข้มแข็งและพึ่งตนเองได้ในที่สุด

เมื่อยอมรับว่าพลังงานเป็นเรื่องใกล้ตัวการจัดการพลังงานของชุมชนที่ช่วยเสริมสร้างความ

เข้มแข็งชุมชนจึงเกิดขึ้นในหลายด้าน อาทิ

1. ด้านเทคโนโลยีพลังงานชุมชนเกิดผลชัดเจนในหลายตำบล ตัวอย่างเช่นชาว

อบต.พลับพลาชัย จ.สุพรรณบุรี สิ่งที่เกิดคือความคึกคักของชุมชนกับการเลือกใช้เทคโนโลยีประหยัด

พลังงาน การทำถ่านอัดแท่งจากขี้เถ้าแกลบดำของโรงไฟฟ้าชีวมวลในพื้นที่คล้ายกันกับ อบต.นาหมอบุญจ.นครศรีธรรมราช ที่ อบต.และบรรดาแกนนำพร้อมใจกันผลักดันเต็มที่ ทั้งคน เครื่องมือ และงบประมาณทำให้ยังคงใช้พลังงานเท่าเดิมแต่ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานกลับลดลงเรื่อยๆ โดยมีเทคโนโลยีเพื่อการจัดการพลังงานในแบบเฉพาะของคนนาหมอบุญเป็นเครื่องมือ

2. ด้านการพัฒนาประชาธิปไตย (การมีส่วนร่วม) ตัวอย่างเช่น อบต.ถ้ำรงค์ อ.บ้านลาดจ.เพชรบุรี มีจุดเด่นของการขยายผลแผนพลังงานชุมชน ผ่านกระบวนการจัดทำแผนพลังชุมชนทุกด้านเกิดขึ้นจากการมีส่วนร่วมของชาวชุมชน ที่มีกิจกรรมพลังงานแทรกอยู่ในวิถีชีวิตประจำวัน และวิถีอาชีพที่เห็นตรงกันว่าต้องเป็นไปเพื่อการอนุรักษ์พลังงานด้วย เช่น กิจกรรมท่องเที่ยวชุมชนที่ให้ใช้จักรยานแทนการใช้รถยนต์

3. ด้านการพัฒนาวิสาหกิจชุมชน (กลุ่มอาชีพด้านพลังงาน) มี 7ชุมชนที่ได้รับการนำเสนอว่าเกิดรูปธรรมจริง คือ อบต.หนองแซง อ.หันคา จ.ชัยนาท อบต.หนองโพรง อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรีอบต.ตาอ็อง อ.เมืองสุรินทร์ จ.สุรินทร์ อบต.กุดน้ำใส อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น อบต.ก้อเอ้ อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี อบต.ทุ่ง อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี อบต.ท่าข้าม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลาในทุกชุมชนเกิดอาชีพที่มาจากการต่อยอดเทคโนโลยีพลังงานชุมชนออกมาเป็นผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชน ทำรายได้เป็นอาชีพเสริม จากผลพวงการบริหารจัดการพลังงานทดแทนในชุมชนไม่ว่าจะเป็นถ่านจากกิ่งไม้ที่เคยไร้ค่าถ่านผลไม้เหลือทิ้งในบรรจุภัณฑ์เก๋ๆ ใช้ดูดกลิ่นในตู้เย็น น้ำส้มควันไม้ที่ใช้ประโยชน์ได้สารพัดที่สำคัญหลายชุมชนเกิดกลุ่มอาชีพช่างผลิตเตาเผาถ่าน เตาซูเปอร์อั้งโล่ประหยัดพลังงานเตาชีวมวล ในแบบที่ถูกประยุกต์ให้เหมาะกับการใช้ของแต่ละพื้นที่ จำหน่ายให้กับคนในตำบลและนอกพื้นที่

4. ด้านการศึกษา (กิจกรรมการเรียนการสอนด้านพลังงาน) ชุมชนส่วนใหญ่มองภาพความยั่งยืน

ด้านการจัดการพลังงานชุมชน โดยมุ่งเป้าหมายไปที่การปลูกฝังเด็กและเยาวชน ในรั้วโรงเรียนและในชุมชนเกิดความรู้ ความเข้าใจว่าเรื่องพลังงานเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่เกี่ยวข้องในชีวิตประจำวันของทุกคน และมีพลังงานหลายชนิดสามารถบริหารจัดการให้เกิดความยั่งยืนได้จากทรัพยากรที่มีอยู่ในชุมชนสร้างพฤติกรรมการใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า

5. ด้านการท่องเที่ยว (ศูนย์การเรียนรู้เพื่อเป็นที่ศึกษาดูงาน) มีตัวอย่างชุมชนที่ทำเรื่องนี้อย่าง

เข้มข้น คือ อบต.ดอนหญ้านาง อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นชุมชนที่เน้นการเลือกนำเทคโนโลยี

พลังงานไปใช้ให้สอดคล้องกับความต้องการที่หลากหลายของคนในชุมชน ซึ่งมีทั้งทำนา ทำสวน และค้าขายรวมทั้งเดินหน้าสร้างจิตสำนึกผ่านการทำงานกับโรงเรียน และนักเรียนในพื้นที่หวังการเรียนรู้ที่ซึมลึกว่าพลังงาน คือ ส่วนหนึ่งของชีวิตที่ต้องใส่ใจและจัดการ จึงเกิดแหล่งเรียนรู้จากการ ทำจริงกระจายอยู่ทั่วชุมชน

6. ด้านสุขภาวะและสิ่งแวดล้อม ผลอีกด้านหนึ่งของการจัดการพลังงานชุมชนไปใช้อย่างมีเป้าหมาย ดังตัวอย่าง ต.คอรุม อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ ที่มีสำนักงานพลังงานภูมิภาคที่ 9 เข้ามาเสริมต่อแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ที่ชุมชนทำอยู่เดิมอย่างเข้มแข็งนั้นให้มั่นคงยิ่งขึ้น มีการอบรมทำปุ๋ยอินทรีย์ ซึ่งการลดการใช้สารเคมีจะช่วยให้สุขภาพของคนในชุมชนและสิ่งแวดล้อมดีขึ้น มีจุดเผยแพร่ ศูนย์เรียนรู้พลังงาน มีการอบรมการทำไบโอดีเซล อบรมเผาถ่าน เป็นต้น

7. ด้านบัญชีพลังงานครัวเรือน การทำบัญชีค่าใช้จ่ายด้านพลังงานถือเป็นหัวใจ หรือจุดเริ่มต้นของ

การได้มาซึ่งข้อมูลในการสร้างความร่วมมือหาทางออกของการประหยัด ลดค่าใช้พลังงาน แทบทุกชุมชนใช้เป็นเครื่องมือ รวมทั้ง อบต.บางโปร่ง อ.เมืองจ.สมุทรปราการ ที่สำนักงานพลังงานภูมิภาคที่ 1 ได้เข้าไปเชื่อมต่อแนวทางการพัฒนาชุมชนในวิถีเศรษฐกิจพอเพียง ในแบบเฉพาะของสังคมกึ่งเมืองกึ่งอุตสาหกรรม ที่มีทรัพยากรที่จะแปลงมาเป็นพลังงานทดแทนได้นั้นมีน้อย ชุมชนจึงเดินหน้าด้วยการสร้างจิตสำนึกกับเครื่องมือ “บัญชีพลังงานครัวเรือน” ที่ไม่ต้องลงทุน เพราะทุกคนทำได้ด้วยตัวเองและทำได้ตลอดเวลานี่คือ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากการรู้จักการบริหารจัดการและการใช้พลังงานชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นวิถีพลังงานชุมชนของคนพอเพียง ที่กำลังขยายผลออกไปอย่างกว้างขวาง และเราทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ และเริ่มได้ตลอดเวลา เราสามารถช่วยจัดการกับปัญหาพลังงานให้หมดไปได้ เมื่อเรารู้จักพึ่งตนองและใช้ชีวิตด้วยความพอประมาณ ความมีเหตุผล และมีภูมิคุ้มกัน อันเป็นหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่จะนำไปสู่การจัดการพลังงานชุมชนอย่างยั่งยืน