สถานการณ์โลกปัจจุบัน ( ช่วงปี 2551-2552 )
เมื่อสหรัฐอเมริกาได้พัฒนาเศรษฐกิจของตน สู่สูงสุดของทุนนิยมโลก เนื่องจากตลาดทุนจากทั่วโลกหลั่งไหลสู่ตลาดทุนในสหรัฐอเมริกา หลังจากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจเอเซียและขยายตัวออกไปทั่วโลกสต๊อกทุนจำนวนมหาศาลในแต่ละประเทศ ไม่สามารถนำไปลงทุนได้ เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัวถึงขั้นวิกฤต เม็ดเงินจากสต๊อกทุน ทั่วทุกมุมโลกได้ไหลบ่าทะลักสู่ตลาดทุนในสหรัฐอเมริกา ปัญหาจากการเติบใหญ่ของทุนในสหรัฐอเมริกาก็คือการขยายพื้นที่การลงทุน เพื่อกระจายทุนออกไป ในขอบเขตปริมณฑลให้กว้างที่สุด เพื่อรองรับการขยายตัวของทุน ที่นับวันจะเติบใหญ่ปี พ.ศ.2541 ขณะที่วิกฤตเศรษฐกิจกำลังเป็นภัยคุกคามประเทศต่างๆ จากทั่วโลก ตลาดทุนใน
สหรัฐอเมริกา กลับพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ดัชนีหุ้น Dow Jones พุ่งทะยานทะลุ 10,000 จุดเป็นครั้งแรกและสูงสุดกว่า 11,000 จุด Nasdaq สูงกว่า 3,800 จุดสร้างความเลื่อมใสศรัทธา งุนงง และไม่เข้าใจต่อเศรษฐกิจอเมริกา ที่สวนทางกับวิกฤตเศรษฐกิจโลก ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นเรื่องที่สามารถทำความเข้าใจได้ไม่ยาก เมื่อสต๊อกทุนในแต่ละประเทศ ไม่สามารถนำไปลงทุนภายในประเทศได้ และความเชื่อมั่นในตลาดทุนอเมริกา ยังคงอยู่ในความรู้สึกที่ดีของนักลุงทุน ดังนั้น ทุนจากทั่วทุกมุมโลกจึงหลั่งไหลเข้าสู่ตลาดทุนในอเมริกา เมื่อตลาดทุนในอเมริกาไม่ได้เติบโตบนพื้นฐานของความเป็นจริง การเติบโตทางเศรษฐกิจแบบฟองสบู่ของสหรัฐอเมริกา จึงน่าจะยืนอยู่ได้ไม่นานปี 2001 ปฐมวัยย่างก้าวแรก ของรอบพันปีที่ 3 บริษัทยักษ์ใหญ่ในสหรัฐอเมริกาเริ่มทยอยประกาศผลประกอบการกำไรที่ลดลง และการประกาศปลดพนักงาน เช่นเมื่อเดือนธันวาคม 2543 เจเนอรัลมอเตอร์ส(จีเอ็ม) ปลดพนักงาน 15,000 คน วันพุธที่ 24 มกราคม 2544 ลูเซนต์เทคโนโลยี ผู้ผลิตอุปกรณ์โทรศัพท์ยักษ์ใหญ่ประกาศปลดพนักงาน 16,000 ตำแหน่ง เวิร์ลพูลผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าปลดพนักงาน6,000 คน เอโอแอลไทม์ วอร์เนอร์ กิจการสื่อยุคใหม่จากการผนวกระหว่างอเมริกาออนไลน์ กับ ไทม์วอร์เนอร์ปลดพนักงาน 2,000 คนการแกว่งตัวอย่างไร้ทิศทางและไม่ชัดเจนของตลาดทุนในสหรัฐอเมริกา เริ่มที่จะผันผวนและไม่แน่นอน นักลงทุนเริ่มไม่แน่ใจต่อความเชื่อมั่นตลาดทุนอเมริกา และเมื่อนายคิอิชิ มิยาซาวา รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่น กล่าวเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2544 ในการชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการงบประมาณของวุฒิสภา ยอมรับความปราชัยทางเศรษฐกิจอย่างเป็นทางการครั้งแรก หลังจากที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นผุกร่อนเป็นปัญหายืดยื้อยาวนานมาร่วม 10 ปี ว่าฐานะการเงินของประเทศกำลังย่ำแย่เต็มที หรืออาจกล่าวได้ว่าใกล้จะล้มละลายแล้ว สัปดาห์รุ่งขึ้นหลังการแถลงของมิยาซาวา ตลาดทุนในสหรัฐอเมริกา นำโดย NASDAQร่วงลงกว่า 30% ตามด้วย Dow Jones, S&P และตลาดทุนทั่วโลก พังทะลายลงทันที จอร์จ บุชเรียกสถานการณ์นี้ ว่าเป็น World Stock Crisisขณะที่นักลงทุนจากทั่วโลก เกิดความไม่เชื่อมั่นตลาดทุนในสหรัฐอเมริกา เหตุการณ์ความตึงเครียดในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ในช่วงของเดือนมีนาคม 2544 ไล่ตั้งแต่การประกาศจะพัฒนาขีปนาวุธป้องกันตนเองของสหรัฐอเมริกา การจับตัว มิโลเซวิช อดีตผู้นำ ยูโกสลาเวีย การต่อสู้ของชาวปาเลสไตน์ที่พัฒนาจากการขว้างก้อนอิฐก้อนดิน มาเป็นการวางระเบิดและมีการใช้ปืน ความตึงเครียดในเชสเนียการทำลายพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในโลกของกลุ่มตาลีบัน ในอัฟกานิสถาน ได้สร้างแผลลึกในจิตใจของชาวพุทธ ต่อชาวมุสลิม องค์ทะไลลามะธิเบต เยือนใต้หวัน เรือดำน้ำอเมริกาโผล่ที่เกาะแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า สหรัฐอเมริกาประกาศขายอาวุธแก่ใต้หวัน ปิดท้ายด้วยการยั่วยุจีน ด้วยการใช้เครื่องสอดแนมบินรุกล้ำเข้าไปในน่านฟ้าจีน กระทั่งทำให้จีนต้องใช้เครื่องบินขับไล่สองลำ ขึ้นบังคับให้เครื่องบินสอดแนมของสหรัฐลงจอดบนเกาะไหหลำเหตุการณ์ที่เกิดความตึงเครียดดังกล่าว ล้วนเกิดขึ้นในเดือนมีนาคม ขณะที่วิกฤตตลาดทุนของสหรัฐอเมริกากำลังเกิดขึ้นพอดี โดยเบื้องลึกจะเกิดจากการสร้างสถานการณ์โดยสหรัฐอเมริกาหรือไม่ก็ตามภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือน ดัชนีตลาดหุ้น Dow Jonesก็ดีดกลับขึ้นมายืนอยู่ในระดับที่สูงกว่าเดือนมกราคมเสียอีก ทั้งที่เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ยังตกอยู่ในภาวะที่เลวร้ายสถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา – ญี่ปุ่น กำลังจะนำไปสู่วิกฤตเศรษฐกิจทุนนิยม การเตรียมพร้อมของสหรัฐอเมริกาในการตั้งรับ และเปิดแนวรุกต่อสถานการณ์ดังกล่าวมานานกว่า 20 ปี นั่นก็คือการเตรียมพร้อมด้านยุทธศาสตร์ “การทำสงครามเลี้ยงเศรษฐกิจ” เนื่องจากสหรัฐอเมริกา ได้พัฒนาปัจจัยการผลิตสู่ยุค IT (Information Technology) ดังนั้น ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี ทางสงคราม ได้ถูกพัฒนารูปแบบสงครามสู่ยุค IT ขณะที่รูปแบบยุทธศาสตร์ - ยุทธปัจจัย ของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ยังคงใช้รูปแบบของสงครามในยุคอุตสาหกรรม (บางประเทศมหาอำนาจอย่าง จีน –รัฐเซีย รูปแบบสงครามอาจพัฒนาสู่ยุค ITแล้ว แต่ยังไม่มีการสาธิต เช่นสหรัฐอเมริกาที่ได้ผ่านการสาธิตแล้วในสงครามอ่าว)ประเทศจีนหลังจากที่ เติ้งเซี่ยวผิง ได้ประกาศนโยบายสี่ทันสมัย นำประเทศจีนสู่การพัฒนาด้านพลัง การผลิต ด้วยนโยบาย หนึ่งประเทศสองระบบ ทำให้ GDP จีน เติบโตระหว่าง8–12% มาโดยตลอด แม้ปัจจุบันที่วิกฤตเศรษฐกิจโลกส่งผลกระทบกับทุกประเทศ การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน ก็ยังยืนอยู่ในระดับ7-8% จากการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนดังกล่าว ย่อมที่จะไปกระทบและขัดขวางต่อผลประโยชน์ของสหรัฐอเมริกา ในการที่จะแผ่อิทธิพลสู่การเป็นจักรวรรดินิยมจ้าวโลก ดังนั้น ความพยายามในการที่จะทำลายจีนให้อ่อนกำลังลง ด้วยการแยกสลายจีนจาก 8 เขตปกครองตนให้เป็น ประเทศเช่นเดียวกับรัสเซียจึงนับเป็นสุดยอดของยุทธศาสตร์ อันจะนำไปสู่ความสำเร็จของการเป็นจักรวรรดินิยมจ้าวโลก