SARAPUN : https://www.youtube.com/watch?v=dL9BjYOuEUQ&t=98s
คุ้มวิชัยราชา เป็นคุ้มของพระวิไชยราชา (เจ้าขัติ แสนศิริพันธุ์) พระวิไชยราชานครแพร่องค์สุดท้าย และอดีตเสนาคลังเมืองนครแพร่ บุตรในเจ้าแสนเสมอใจเครือญาติเจ้าหลวงเทพวงศ์ลิ้นตอง เจ้าผู้ครองนครแพร่ ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างคุ้มนี้เมื่อใด แต่เป็นที่แน่นอนว่าได้สร้างขึ้นก่อนปี พ.ศ. 2441 ซึ่งเป็นปีที่เจ้าวงศ์ แสนศิริพันธุ์ บุตรของท่านเกิด ณ ที่บ้านหลังนี้ ในปีถัดมาท่านจึงเริ่มดำเนินการก่อสร้างถาวรวัตถุให้วัดศรีบุญเรือง จากประวัติวัดศรีบุญเรืองและการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม และจากการสอบถามคนเฒ่าคนแก่แถวคุ้มและบริเวณสีลอ ตลอดจนไล่เรียงศึกษาอายุของ “พ่อเจ้าพระฯ” และลูกหลานของท่านรวมทั้งคำบอกเล่าของอาจารย์โสภา วงศ์พุฒ ที่ได้กล่าวถึงคุณยายที่ได้เสียชีวิตไปกว่า ๒๐ปีมาแล้ว เมื่อตอนอายุเก้าสิบกว่า เล่าให้ฟังว่าเมื่อเกิดมาและจำความได้ ก็เห็นบ้านหลังนี้อยู่แล้ว กอปรกับบริเวณที่ตั้งคุ้มวิชัยราชาในปัจจุบันเป็นทำเลที่เหมาะเพราะเป็นเนินสูง สันนิษฐานว่า คงเป็นคุ้มของพระยาแสนศรีขวามาก่อนแต่ในอดีต และสืบทอดกันมาจนถึงยุคสมัยของพระวิชัยราชา และแม่เจ้าคำป้อ ที่ได้สร้างคุมวิชัยราชา เรือนไม้สัก ทรงมะนิลา หลังงามนี้มาเป็นที่พักอาศัยแทนหลังเก่าที่ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา จากข้อมูลเหล่านี้คาดว่า บ้านหลังนี้คงสร้างขึ้นระหว่างปี พ.ศ. 2434 - 2438 อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่า บ้านหลังนี้จะมีอายุเก่าแก่เกินร้อยปีแต่ยังมีโครงสร้างที่มั่นคงแข็งแรง ทั้งยังได้รับการออกแบบอย่างสวยงามเหมาะเจาะกลมกลืนมีความงามที่ โดนเด่น พร้อมทั้งลวดลายฉลุที่สวยงามดูอ่อนช้อย ทั้งที่จั่วบ้าน บังลม ระเบียง ตลอดจนไม้ช่องลมเหนือบานประตูและหน้าต่างล้วนเป็นศิลปะสวยงามและหายาก สมควรอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างยิ่งและถึงแม้ว่าพ่อเจ้าพระฯ จะเป็นคลังจังหวัดที่มีฐานะและได้รับสัมปทานทำป่าไม้ แต่บ้านท่านไม่ได้ใช้ไม้ฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็นของโครงสร้างและน้ำหนักที่รับแต่อย่างไร แม้แต่เสาที่รับน้ำหนักทั้งหมดยังใช้เสาไม้ขนาด 8 นิ้ว x 8 นิ้ว มิได้ใช้เสาใหญ่ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงค่านิยมและภูมิปัญญาของชาวเมืองแพร่ในยุคสมัยก่อนได้เป็นอย่างดี ในเรื่องการทนุถนอมทรัพยากรธรรมชาติและการรู้ซึ้งถึงความพอดี
บ้านหรือคุ้มของพระวิชัยราชาหลังนี้ นอกจากจะเป็นเรื่อนไม้โบราณที่เป็นสถาปัตยกรรมอันลำค่าแล้ว ยังมีประวัติที่โลดโผนตื่นเต้นของเจ้าบ้านที่เกี่ยวพันกับประวัติศาสตร์และเหตุการณ์สำคัญๆ ที่เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่เกิดขึ้นในจังหวัดแพร่และประเทศไทยอยู่หลายช่วง หลังจากพระวิชัยราชาถึงได้อสัญกรรมประมาณปี พ.ศ.2465 คุ้มวิชัยราชาหลังนี้ก็ตกเป็นของบุตรท่านเจ้าวงศ์ แสนศิริพันธุ์ ซึ่งเป็นศิษย์เอกของภราดา ฟ. ฮีแลร์ โรงเรียนอัสสัมชัญ กรุงเทพฯ และเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วท่านได้เข้าทำงานบริษัท อิสเอเชียติก เมื่อได้ศึกษาวิธีการทำงานการบริหารงานจนช่ำชอง จึงลาออกมาประกอบอาชีพค้าไม้สัก จนร่ำรวยมหาศาล ท่านเป็น ส.ส. คนแรกของจังหวัดแพร่ เมื่อปี 2475 มีความสนิทสนมคุ้นเคยกับบุคคลสำคัญในยุคนั้นเช่น ดร.ปรีดี พนมยงค์ พระยาพหลพยุหเสนา หลวงศรีประกาศ นายทองอินทร์ ภูมิพัฒน์ และได้สร้างเกียรติประวัติเป็นหัวหน้าขบวนการเสรีไทย จังหวัดแพร่ เพื่อกู้ชาติระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยใช้บ้านหลังนี้เป็นศูนย์กลางประสานไปยังหนองม่วงไข่ เวียงต้าและอำเภอต่างๆ ของจังหวัด จากหน้า 142 ของหนังสือตลบรอบ 100 ปี ชาติกาลรัฐบุรุษอาวุโส กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า “ นายปรีดี มีความประสงค์จะเล็ดลอดออกไปตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นขึ้นในอินเดีย ในเรื่องนี้ในเบื้องแรกนายปรีดีได้ขอให้เจ้าวงศ์ แสนศิริพันธุ์ ผู้แทนราษฎร์จังหวัดแพร่ จัดส่งคนที่ไว้ใจได้ออกไปเมืองจีน ” ซึ่งแสดงให้เห็นวถึงความไว้วางใจและสัมพันธ์อันแนบแน่นของบุคคลทั้งสอง เพราะบทบาทและวีรกรรมของขบวนการกู้ชาติเสรีไทยนี่เอง ทำให้ประเทศไทยรอดพ้นจากการเป็นฝ่ายแพ้สงคราม สามารถรักษาเกียรติภูมิศักดิ์ศรี และอธิปไตยของชาติไว้ได้อย่างหวุดหวิด
แต่ต่อมาเจ้าวงค์ และครอบครัวต้องประสบชะตากรรม สูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง รวมทั้งคุ้มวิชัยราชาเพราะถูกรัฐยึด เนื่องจากมาตรการชำระภาษีจากการศึกษาวิเคราะห์หาสาเหตุที่เจ้าวงค์ต้องมีอันเป็นไปนี้ เป็นไปได้ว่า คงเป็นเพราะความสัมพันธ์แนบแน่นกับท่านปรีดี พนมยงค์ จึงทำให้ประสบชะตากรรมเช่นเดียวกับแกนทำขบวนการเสรีไทยคนอื่นๆ ที่ใกล้ชิดกับหัวหน้าที่ผิดเพี้นยไปคือไม่ได้โดนฆ่าแบบนายเลียง ไชยกาล นายเตียง ศิริขันต์ หรือนายทองอินทร์ ภูมิภัฒน์ ฯลฯ ชีวิตในช่วงที่เหลือของท่านค่อนข้างอับเฉา จนมีบางคนกล่าวว่า ถ้าโดนฆ่าตายแบบคนอื่นจะดีกว่า เพราะไม่ต้องทุกข์ทรมาน เรื่องราวของเจ้าวงค์ แสนศิริพันธุ์ เป็นตำนานและเป็นสัจธรรมที่น่าศึกษายิ่ง หลังจากเจ้าวงศ์ แสนศิริพันธุ์ถึงแก่กรรมในปี พ.ศ. 2513 เจ้าสุนทร แสนศิริพันธุ์ บุตรของท่าน วิศวะกรจากมหาลัยชิคาโก้ ได้รวบรวมช้างจำนวนหนึ่งข้ามไปทำป่าที่ประเทศลาว และได้ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่นั่น จนลาวเปลี่ยนแปลงการปกครองจึงได้กลับเมืองไทย ท่านเป็นผู้จัดการโรงงานกระดาษบางประอิน ก่อนเสียชีวิตไปเมื่อประมาณปี พ.ศ.2527
หลังจากครอบครัวแสนศิริพันธุ์ย้ายออกไป คุ้มวิชัยราชาได้ถูกทอดทิ้งโดยปราศจากการดูแลเอาใจใส่มาร่วม 40 ปี มีบางครั้งที่ผู้เป็นเจ้าของรายใหม่ได้ทำการปรับปรุงทาสีตกแต่งเพื่อจะย้ายเข้ามาอยู่ แต่ก็มีอันเป็นไป และจากคำล่ำลือต่างๆนานาคุ้มเจ้าหลวงนี้ได้ติดประกาศขายเรื่อยมา และมีผู้พยายามเข้ามาซื้อแต่ต้องมีอันเป็นไปและขัดข้องทุกราย จนทำให้บ้านหลังนี้ถูกทอดทิ้งเป็นบ้านร้างเรื่อยมา กระทั่งกลางเดือนเมษา พ.ศ. 2435 วีระ สตาร์ ได้บังเอิญหลงทางผ่านไปพบบ้านหลังนี้เข้าเกิดความประทับใจทั้งสงสาร และเสียดายที่ได้เห็นบ้านหลังนี้อยู่ในสภาพทรุดโทรมสุดขีด บ้านเอียงทรุดไปด้านหนึ่งเพราะการตัดตง ตัดคานออกเพื่อย้ายบันไดเพื่อย้ายบันไดเข้ามาอยู่ด้านใน โดยไม่ได้ศึกษาโครงสร้างของบ้านในยุคหลังตัวบ้านและรอบบริเวณมีวัชพืชปกคลุมหนาแน่นเชื่อกันว่าเป็นแหล่งชุมนุมของหอยทาก และงูชนิดต่างที่ใหญ่ที่สุดกลางเมืองแพร่ผู้คนในเมืองนี้โดยเฉพาะผู้หญิงและเด็ก พากันหลีกหนีไม่กล้าผ่านบ้านนี้แม้จะเป็นตอนกลางวันก็ตาม และขนานนามว่าบ้านผีสิงต่อมาได้ตัดสินใจซื้อบ้านและที่ดินทั้งพันกว่าตารางวานี้ในเดือนสิงหาคม พ.ศ.๒๕๓๕ และเริ่มเคลียร์พื้นที่และเริ่มทำงานปรับปรุงซ่อมแซมโครงสร้างของบ้านโบราณให้มั่นคงแข็งแรงเพื่อรองรับบูรณะขั้นต่อไปอย่างไรก็ตามงานก่อสร้างต่างๆได้เริ่มกันอย่างจริงจังในปีต่อมาเมื่อได้รับเงินสนับสนุนจากสถาบันการเงินจุดประสงค์ของผู้ซื้อที่ดินรายนี้แตกต่างจากผู้จะซื้อรายอื่นๆที่ผ่านมาในอดีตเพราะมีความมุ่งมั่นที่จะอนุรักษ์เรือนโบราณที่มีอายุกว่าร้อยปีนี้ไว้เป็นหัวใจของโครงการ เป็นมรดกทางประวัติศาสตร์ของแผ่นดินเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวทางศิลปวัฒนธรรมโดยเฉพาะตัวเรือนหรือคุ้มวิชัยราชาเองที่มีรูปแบบผสมผสานระหว่างเรือนไม้แบบมนิลา และเรือนขนมปังขิง ร่วมกับสถาปัตยกรรมล้านนาเรือนแบบนี้เป็นที่นิยมกันในหมู่เจ้านาย ขุนนาง และคหบดี มาตั่งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 เรื่อยมาจนถึงรัชกาลที่ 5 และสิ้นสุดเอาปลายรัชกาลที่ 6 จะเห็นได้ว่าช่วงนั้นเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของประเทศไทยเป็นยุคล่าเมืองขึ้นแช่งกันหาอาณานิคมของชาติตะวันตกบางคนจึงเรียกบ้านแบบนี้ว่า โคโรเนี่ยลหรือบ้านสมัยอาณานิคมเพราะฝรั่งนำมาเผยแพร่และสร้างขึ้นในภูมิภาคนี้อย่างแพร่หลาย ประเทศไทยเองช่วงนั้นต้องทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอดเป็นไท ได้มีการผลักดันให้เหล่าขุนนางและผู้อันจะกินทั้งหลายได้ปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ให้ทันสมัยทัดเทียมอารยะประเทศรวมทั้งพยายามจัดรูปแบบการปกครองให้ทันสมัยรัดกุมยิ่งขึ้นเพื่อแสดงให้ฝรั่งนักล่าเมืองขึ้นเห็นว่าเรามีความเจริญเป็นศิวิไลไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อนด้วยพัฒนาที่ต้องเข้ามายึดครองและจัดระเบียบกันใหม่ซึ่งเป็นเล่ห์เหลี่ยมที่ฝรั่งนักล่าอาณานิคมมักใช้เป็นข้ออ้างในการเขมือบดินแดนในยุคนั้น
ผู้ดำเนินการโครงการนี้ตระหนักและซาบซึ้งถึงความสัมพันธ์ของคุ้มวิชัยราชามาแต่ต้นว่า เป็นรอยต่อทางประวัติศาสตร์ของสมัยรัชกาลที่ 5 ในช่วงที่สยามประเทศกำลังวิกฤตถึงขีดสุดเหตุการณ์เงี้ยวปล้นเมืองแพร่และลำปางเป็นส่วนหนึ่งของแผนยึดดินแดนของฝรั่งเศส ที่จ้องผนวกดินแดนฝั่งขวาของแม่น้ำโขงและภาคเหนือแต่แผนการนี้ต้องล้มเหลวเพราะเริ่มเร็วก่อนกำหนดและไม่สามารถตียึดเมืองลำปางได้คุ้มวิชัยราชาได้ชื่อว่าบ้านปราบเงี้ยวเป็นหลักฐานสำคัญและเป็นมรดกทางประวัติศาสตร์ที่ภาครัฐเอกชนและคนไทยทุกคนควรตระหนักและหวงแหนเป็นอย่างยิ่งแต่อย่างไรก็ตามเมื่อโครงการและผู้ประกอบมีปัญหาได้มีการพยายามลักดันให้มีการขายทอดตลาดมรดกประวัติศาสตร์ชิ้นนี้หลายครั้งทั้งที่ผู้ประกอบการได้ร้องขอไปยังนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายแต่ไร้ผลถึงแม้ว่าต่อมากรมศิลปกรจะมีบันทึกถึงหระทรวงการคลังว่าคุ้มวิชัยราชาเป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญโดยอายุโดยลักษณะแห่งการก่อสร้างและโดยหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์เป็นประโยชน์ทางศิลปทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีแต่ยังมิได้ขึ้นทะเบียนสถานภาพของคุ้มวิชัยราชายังเป็น NPA อยู่
กาลเวลาทำให้เกียรติภูมิและความสำคัญของวิชัยราชาต้องมีอันเป็นไปและอาจสิ้นสลายผุพังไปตามกาลเวลา หากวีระ สตาร์ ไม่ผ่านมาพบบ้านหลังนี้โดยบังเอิญเมื่อพ.ศ. 2535 แต่วันนี้เพราะความไร้เดียงสาของผู้บริหารของสถาบันการเงินและสังคมรวมทั้งรัฐบาลที่ปราศจากจิตสำนึกและเล็งเห็นความสำคัญของประวัติศาสตร์อย่างแท้จริงทำให้โครงการวิชัยราชาเป็นหนี้เน่า ไปในที่สุด รวมทั้งผู้ประกอบการเองที่ได้เผ้าเสียสละฟูมฟักประคับประคองมรดกประวัติศาสตร์มาร่วม 12 ปี โดยเดิมพันของเครดิตส่วนตัวและทรัพย์สินเงินทองที่สร้างสมมาตลอดชีวิตกำลังตกอยู่ในสภาพร่อนแร่โดยที่โครงการ SME ในเชิงสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของจังหวัดแพร่ยังไม่ไปถึงไหนรวมทั้งความหวังที่จะอนุรักษ์คุ้มวิชัยราชาเป็นมรดกประวัติศาสตร์และเป็นแหล่งรวบรวมวีรกรรมในอดีต เป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ขนบธรรมเนียม ประเพณีวัฒนธรรม วิถีชีวิต ภูมิปัญญา และความเจริญรุ่งเรืองของสยามประเทศในอดีตในรูปแบบของพิพิธพันธ์ท้องถิ่นเพื่อเน้นปลูกฝังให้สังคมได้เห็นถึงความสำคัญของประวัติศาสตร์ชาติไทย เพื่อปลูกจิตสำนึกของความเป็นชาติเสริมสร้างความสามัคคีของคนในชาติอันมีผลต่อความมั่นคงเป็นปึกแผ่นของชาติไทยเราเชื่อว่า ถ้าชนในชาติโดยเฉพาะเยาวชนได้รับการปลูกฝังให้มีจิตสำนึกของความรักชาติภาคภูมิใจในความเป็นชาติในวิญญาณและสายเลือดจนมีจุดยืนที่มั่นคงแล้ว ยากที่เขาเหล่านั้นจะถูกชักจูงไปในทางลบดั่งที่เห็นและเป็นอยู่
ผู้ประกอบการณ์โครงการนี้ได้เคยเสียสละเพื่อชาติมาแล้วจนได้รับบาดเจ็บสาหัสในตำแหน่งผู้นำโจมตีทางอากาศ วิชัยราชาเป็นอีกโครงการที่วีระ สตาร์ ยอมเจ็บอีกครั้ง เพื่อยึดถือและเดินตามรอยพระยุคลบาทของในหลวงและเดิมตามกระแสพระราชดำรัสของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี การรักษามรดกทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมีความสำคัญเหนือเงินตราเงินถ้าไม่มีหาได้แต่มรดกเหล่านี้ถ้าสูญไปแล้วหาทดแทนไม่ได้
คุ้มวิชัยราชา เป็นเรือนแบบผสมผสานระหว่างเรือนไม้แบบมนิลา และเรือนขนมปังขิงร่วมกับสถาปัตยกรรมล้านนา ประดับตกตกแต่งลวดลายด้วยไม้ฉลุที่เรียกว่าลายอยู่ทั่วตัวอาคาร เรือนแบบนี้เป็นที่นิยมกันในหมู่เจ้านาย ขุนนาง และคหบดี มาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 เรื่อยมาจนถึงรัชกาลที่ 5 และสิ้นสุดเอาปลายรัชกาลที่ 6 จะเห็นได้ว่าช่วงนั้นเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของประเทศไทยเป็นยุคล่าเมืองขึ้นแช่งกันหาอาณานิคมของชาติตะวันตกบางคนจึงเรียกบ้านแบบนี้ว่า โคโรเนี่ยล หรือบ้านสมัยอาณานิคมเพราฝรั่งนำมาเผยแพร่และสร้างขึ้นในภูมิภาคนี้อย่างแพร่หลาย
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี