วัดพระธาตุสันดอน

1.ประเภทของแหล่งเรียนรู้ : แหล่งเรียนรู้ด้านศิลปะ วัฒนธรรม ศาสนา

2. ประวัติความเป็นมาของวัดพระธาตุสันดอน:

(แหล่งที่มา : เอกสารประวัติวัดพระธาตุสันดอน โดย พระวิโรจน์ จิตตวํโส เป็นผู้รวบรวมข้อมูล เมื่อปีพ.ศ.๒๕๔๐)

ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์มา ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าให้ฟังว่า เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จมาจากทางทิศใต้ ขึ้นมาถึงหัวเขาม่อนดอยที่นี่เป็นเวลากลางวัน แต่วันนั้นท้องฟ้ามืดครึ้มเต็มไปด้วยเมฆหมอก พระองค์ก็ได้มาประทับที่ม่อนดอยตรงนี้เพื่อที่จะฉันเพล แต่ไม่รู้ว่าเวลาเท่าไร เพราะอากาศมืดมิด พอดีมีเทพยดามาแปลงกายเป็นไก่เผือก ขันขึ้นที่ม่อนไก่แก้ว ซึ่งอยู่ทางทิศเหนือไม่ไกลจากที่นี่นัก ซึ่งได้ชื่อว่าม่อนไก่แก้วมาจนถึงวันนี้ พอพระองค์ได้ยินเสียงไก่ขัน จึงนึกขึ้นได้ว่าเวลานี้ยังไม่บ่าย ก็จะฉันเพล จึงมีชาวละว้านำข้าวมาถวาย ขณะที่กำลังจะฉัน พอดีแลไปเห็นยักษ์ตนหนึ่งตามมา เมื่อพระองค์ฉันเพลเสร็จก็ถามยักษ์ว่า ท่านต้องการอะไรอยากกินอะไร พระพุทธเจ้าก็เลยล้วงตับของท่านออกมาให้ยักษ์กิน แต่ยักษ์กินไม่ได้เพราะตับมันร้อนเหลือเกิน พระองค์ก็เลยเอาตับฝังไว้ที่นี่เป็นพระธาตุ ให้ยักษ์รับเอาศีลห้า แล้วมอบให้ยักษ์รักษาพระธาตุนี้ไว้ตลอดห้าพันพระพรรษา และได้ตั้งชื่อพระธาตุนี้ว่า พระธาตุตับตอน (เพราะตับกับกินข้าวตอน) ต่อมากลายชื่อเป็นวัดพระธาตุสันดอนในปัจจุบัน พอพระองค์ฉันเพลเสร็จ ก็บ้วนปากไปทางม่อนไก่แก้ว เม็ดข้าวที่บ้วนออกไปกลายเป็นหินแก้ว หรือแก้วเสด็จ ได้ เสด็จไปมาระหว่างพระธาตุตับตอนและม่อนไก่แก้ว ปัจจุบันก็มีให้เห็นปรากฏอยู่นานๆ ครั้งในคืนเดือนเพ็ญ ต่อมามีหม่องชาวพม่าชื่อว่าหม่องป็อก ได้มาก่อสร้างเสริมแต่งองค์พระธาตุนี้ให้ใหญ่โตขึ้น ให้ชื่อว่าพระธาตุสันดอน ต่อมาได้มีโยมแม่ม่ายที่กำลังสร้างวัดบ้านมายอยู่ พอสร้างวัดบ้านมายเสร็จก็ได้มาสร้างอุโบสถขึ้นที่นี่ในปีพ.ศ.๒๒๓๔ และก็ได้ทำนุบำรุงสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน ตามประวัติก็ได้กล่าวมาพอสังเขปเท่านี้แล

ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.dannipparn.com