5.วิธีการผลิตเห็ดหอมในอดีตและปัจจุบัน
- โรงเรือนเพาะเห็ดหอม ในอดีตเกษตรกรมักจะเพาะเห็ดหอมกันตามบ้านเรือน เรียกได้ว่าทุกบ้านจะมีพื้นที่เต็มไปด้วยเห็ดหอม จะว่างเว้นเฉพาะทางเดินและที่นอนในบ้านเท่านั้น แต่ปัจจุบันแต่ละครอบครัวได้สร้างโรงเรือน อย่างน้อยครอบครัวละ 2 โรงเรือน ลักษณะโรงเรือนตามมาตรฐานที่ควรจะเป็น เป็นโรงเรือนเพาะแบบชั้นเดียวและแบบคอนโดฯ ก็มี ฝาผนัง หลังคา มุงด้วยหญ้าคา สามารถป้องกันความร้อนได้ พื้นรองมีทั้งที่เป็นพื้นปูนซีเมนต์และเป็นพื้นดิน แต่ที่สำคัญต้องมีความสะอาดปลอดเชื้อโรค จึงมีการใช้ปูนขาวโรยบริเวณพื้นและรอบๆ โรงเรือน เป็นการป้องกันแมลงและเชื้อโรค
- วัตถุดิบที่ใช้ในการเพาะเห็ดหอม
ผู้ใหญ่บุญธรรม ได้เปิดเผยข้อมูลโดยไม่ปิดบัง ทั้งตอบข้อสงสัยได้อย่างละเอียดของขั้นตอนและส่วนผสมวัตถุดิบในการเพาะเห็ดหอม ดังนี้
- เชื้อเห็ดหอม ปัจจุบันยังต้องสั่งซื้อจากในตัวเมืองลำปางบ้าง จังหวัดลำพูนบ้าง ที่เกษตรกรไม่ผลิตหัวเชื้อเองเพราะยังขาดองค์ความรู้และต้นทุนสูง (หัวเชื้อเห็ดหอม 1 ขวด ใช้เขี่ยเชื้อใส่ก้อนเห็ดได้ 20 ถุง)
- อาหารเชื้อเห็ดหอม ประกอบด้วย
– ขี้เลื่อยไม้ยางพาราแห้ง หรือจากต้นจามจุรี หรือกระถินณรงค์ จำนวน 100 กิโลกรัม
ผู้ใหญ่บุญธรรม บอกว่า ใช้ขี้เลื้อยจากไม้ยางพาราดีที่สุด แต่มีข้อจำกัดคือ ต้องสั่งซื้อมาจากจังหวัดภาคใต้ ทำให้ต้นทุนค่าขนส่งสูง
– รำละเอียด ใช้เป็นอาหารให้เชื้อเห็ด จำนวน 10 กิโลกรัม
– ดีเกลือ เพื่อบำรุงเส้นใย จำนวน 200 กรัม
– น้ำตาลทรายขาวหรือแดง ใช้เป็นอาหารให้เชื้อเห็ด จำนวน 1 กิโลกรัม
– ปูนขาว ใช้เพื่อปรับสมดุลของวัตถุดิบ จำนวน 1 กิโลกรัม
– ยิปซัม ใช้เป็นอาหารให้เชื้อเห็ด จำนวน 50 กรัม
ขั้นตอนการผลิตเห็ดหอม
- นำวัตถุดิบทั้งหมดมาผสมคลุกเคล้าให้เข้ากันด้วยมือหรือเครื่องผสมก็แล้วแต่ ให้ได้ความชื้น 50-60% โดยใช้น้ำเป็นตัวประสาน
- บรรจุใส่ถุงพลาสติกอัดให้แน่นด้วยมือหรือเครื่องอัด ให้ได้น้ำหนักถุงละ 1 กิโลกรัม
- นำก้อนเห็ดไปนึ่ง เพื่อฆ่าเชื้อโรค ใช้ความร้อนที่อุณหภูมิ 95 องศาเซลเซียส นาน 3 วัน นำออกจากถังนึ่ง ทิ้งไว้ 1 คืน ให้ก้อนเห็ดเย็นลงเสียก่อน
ผู้ใหญ่บุญธรรม กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “ในกรณีที่ราคาเห็ดตก หรือราคาต่ำกว่าที่ควรจะได้ หากเก็บขายอาจไม่คุ้มค่าก็จะงดให้น้ำ เพื่อไม่ให้ก้อนเชื้อเห็ดออกดอก เมื่อไม่ให้น้ำดอกเห็ดจะไม่ออกดอก”