ต้นสลากย้อมสีสันสวยงาม ตั้งเด่นเคียงคู่กับพระธาตุหริภุญชัย
...จากไม้เป๋นเหล้ม ตัดผ่าแหลมเหลา มีดขูดเบาๆ เป๋นเส้นเป็นสร้อย เอาสีมาย้อมเอาของมัดห้อย ใส่พุ่ยเป๋นพวง หยาดย้อย...
“กะโลง”ท่อนแรกของชุมชนแห่งหนึ่งซึ่งเล่าถึงกระบวนการทำต้นสลากย้อม ที่พวกเขาบรรจงสรรสร้างขึ้นมาอย่างตั้งอกตั้งใจ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ณ วัดพระธาตุหริภุญชัย ในงานประเพณี“สลากภัต สลากย้อม” อันเก่าแก่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดลำพูน ที่ปีนี้เริ่มต้นจัดขึ้นในวันที่ 11-12 ก.ย. ที่ผ่านมา
สลากโชคคือต้นเตี้ยด้านหน้า ส่วนสลากย้อมคือต้นสูงใหญ่ด้านหลัง
สลากภัต
ประเพณี“สลากภัต” เป็นการถวายทานโดยไม่เจาะจงผู้รับ เชื่อว่ามีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลและยังปฏิบัติสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบันนี้กำเนิดของประเพณีสลากภัตมีตำนานเล่าขานว่า
...ในสมัยพุทธกาลมีนางยักษิณีตนหนึ่ง มีนิสัยชอบเบียดเบียนผู้คนอยู่เสมอ แต่ครั้นหลังจากได้ฟังธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว ยักษ์ตนนี้บังเกิดความเลื่อมใสศรัทธา จึงเปลี่ยนนิสัยมาเป็นยักษ์ผู้โอบอ้อมอารีคอยช่วยเอื้อเฟื้อแบ่งปันผู้อื่น เป็นที่ซาบซึ้งใจแก่ผู้คนทั่วไป พวกเขาจึงนำสิ่งของมาแบ่งปันให้กับนางยักษ์ตนนี้อย่างมากมาย จนนางยักษ์ต้องนำสิ่งของเหล่านั้นมาถวายให้แก่พระภิกษุ-สามเณรอีกทีหนึ่ง ด้วยการทำเป็นสลากให้จับ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความยุติธรรม เนื่องจากข้าวของที่นางยักษ์ได้มาที่มูลค่าสูง-ต่ำ แตกต่างหลากหลายกันออกไป...จนกลายเป็นความเชื่อที่ทำเกิดประเพณีสลากภัตในกาลต่อมา
ก๋วยหรือชะลอมใส่ข้าวของสำหรับถวายทาน
ประเพณีสลากภัต หรือที่ชาวล้านนาเรียกว่า “ตานก๋วยสลาก” หรือมีชื่อเรียกในภาษาท้องถิ่นแตกต่างกันไป อาทิ กิ๋นก๋วยสลาก กิ๋นสลาก ตานสลาก ตานข้าวสลาก ประเพณีนี้นิยมปฏิบัติกันในช่วงเดือน 12 เหนือถึงเดือนยี่เหนือ หรือในช่วงเดือนกันยายนถึงเดือนตุลาคมตามเดือนสากลของทุกปีโดย 1 วัน ก่อนงานพิธีสลากภัตจะเป็น“วันดา” หรือ “วันสุกดิบ” ชาวบ้านจะจัดเตรียมข้าวของต่างๆทั้งของกินของใช้มาสำหรับจัดใส่ในก๋วยสลาก
ครั้นพอถึงวันงานสลากภัต จะมีการนำ“ก๋วย” ที่หมายถึง “ตะกร้า” หรือ “ชะลอม” ใส่ข้าวของต่างๆมาทำทานถวาย ร่วมด้วย สลากอื่นๆ เช่น สลากวัว สลากควาย สลากเทวดา รวมไปถึง “สลากโชค” ที่เป็นการนำเงินและข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ อาทิ เช่น เสื้อผ้า หมอน เสื่อ บุหรี่ เครื่องนุ่งห่ม อาหารแห้งต่างๆ ฯลฯ มาผูกมัดติดกับต้นสลากขนาดย่อมที่มีการตกแต่งอย่างสวยงาม สูงราว 5-6 เมตร
เส้นสลากจำนวนมากที่นำมาถวายในวิหารวัดพระธาตุหริภุญชัย
นอกจากก๋วยและสลากต่างๆแล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งในประเพณีนี้ก็คือ “เส้นสลาก”จะต้องมีการเขียนเส้นสลากอุทิศบุญกุศลให้กับผู้ล่วงลับ หรือถวายแก่เทวดา เทวบุตร เจ้ากรรมนายเวร สรรพสัตว์ทั้งหลาย ซึ่งในอดีตจะเขียนลงบนใบลาน ส่วนปัจจุบันจะเขียนลงในกระดาษที่มีทั้งนำมาเอง หรือกระดาษที่ทางวัดจัดไว้ให้ โดยบางคนจะมีการห่อด้วยม้วนใบตองอีกชั้นหนึ่ง ก่อนจะนำไปถวายรวมกันในวิหารหน้าพระประธานที่รวมแล้วมีมากมายนับหมื่นๆเส้น
เส้นสลากเหล่านี้จะถูกนำมาจัดสรรปันส่วนกันในหมู่พระภิกษุ-สามเณรมากกว่า 2,000 รูป ที่นิมนต์มาจากวัดต่างๆทั่วทั้งจังหวัดลำพูนกว่า 450 วัด จากนั้นพอใกล้จะถึงเวลาเพลจะมีการเปิดอ่านเส้นสลาก แล้วพระ-เณรจะเรียกขานชื่อเดินหาเจ้าของเพื่อให้ศีลให้พร ถือเป็นอันเสร็จพิธี
ศรัทธาจากชาวลำพูนที่ทำต้นสลากย้อมจำนวนมากมาถวายเป็นพุทธบูชา
สลากย้อม สำหรับที่จังหวัดลำพูนงานสลากภัตประจำจังหวัดของที่นี่นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 เป็นต้นมา ได้มีการนำประเพณี“สลากย้อม”ที่เริ่มสูญหายมาผนวกรวม เป็นประเพณี“สลากภัตและสลากย้อม”ที่ดำเนินการจัดควบคู่กันไป
ประเพณีนี้นอกจากเป็นการถวายทานตามคติความเชื่อของงานสลากภัตแล้ว ยังเป็นการรวมต้นสลากย้อมจากหลากหลายชุมชนมาถวายและจัดงานที่วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร ศูนย์รวมจิตใจของชาวลำพูนก่อนเป็นลำดับแรกของทุกๆปี(นับตั้งแต่ปี 47 เป็นต้นมา) หลังจากนั้นจึงจะมีการจัดงานของสลากวัดอื่นๆเรื่อยไปตามการตกลงกันในแต่ละปีว่าวัดใดจะเป็นเจ้าภาพจัดงาน จนถึงวันแรม 14 ค่ำ เดือน 11 (เดือนเกี๋ยงเหนือ แรม 14 ค่ำ หรือ เดือนเกี๋ยงดับ)
แหล่งที่มาข้อมูล : https://news.thaipbs.or.th/content/265812
https://mgronline.com/travel/detail/9590000089146
ผู้เรียบเรียง : นางสาวอารีรัตน์ ไชยวงศ์